พลิกพงศาวดาร
บุญญาภินิหาร
พ.สมานคุรุกรรม
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จุดเพลิงเผาศพมารดาที่วัดมงกุฎแล้ว ถึงเพลาชายบ่ายสามโมงเศษได้อุดมฤกษ์ ก็ลงเรือพร้อมด้วยเรือขุนนางทั้งปวงประมาณสักร้อยลำ คนประมาณสามพันเศษ พลสรรพด้วยเครื่องศัสตราวุธล่องมาขึ้นประตูชัย เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ใส่เสื้อดำกางเกงดำขึ้นม้าดำ ขุนนางแลพลไพร่ตามมาเป็นอันมาก ครั้นถึงหน้าพระกาฬจึงลงจากหลังม้าตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าปรารถนาโพธิญาณ ถ้าจะเสร็จแก่พุทธสมบัติเป็นแท้ จะยกเข้าไปล้างผู้อาสัจให้สำเร็จดังปรารถนา
เสร็จอธิษฐานแล้วเพลาพลบค่ำจึงมาตั้งชุมพลอยู่ ณ วัดสุทธาวาส ครั้นเพลาแปดทุ่มก็ยกพลมาเข้าประตูมงคลสุนทร ให้ทหารเอาขวานฟันประตูเข้าไปได้ ด้วยเดชากฤษฎาภินิหารอันใหญ่ยิ่ง หามีผู้ใดออกต่อต้านมิได้ ก็กรูกันไปถึงท้องสนามใน ข้าหลวงเดิมซึ่งนอนเวรประจำซอง ร้องกราบทูลเข้าไปว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ยกเข้ามาได้แล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้ฟังก็ตกพระทัยนักมิได้คิดอ่านที่จะต่อสู้ ออกจากพระราชวังกับพวกข้าหลวงเดิม ลงเรือพระที่นั่งหนีไป เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์เข้าในพระราชวังได้ รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินหนี จึงสั่งให้พระยาเดโช พระยาท้ายน้ำ ไปตามแต่ในเพลาคืนนั้น
วันรุ่งขึ้นเช้าพระยาทั้งสองไปทันพระเจ้าแผ่นดินที่ป่าโมกน้อย ล้อมจับเอาตัวมาได้ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์สั่งให้เอาไปสำเร็จโทษ ตามประเพณีกษัตริย์ พระเชษฐาธิราชอยู่ในราชสมบัติ ปีหนึ่งกับเจ็ดเดือน
ฝ่ายเสนาพฤฒามาตย์ปุโรหิตทั้งหลาย จึงนำเอาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ไปถวาย เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์มิได้รับ ว่าเราทำราชการนี้จะชิงเอาสมบัตินั้นหามิได้ เพราะภัยมาถึงตัวแล้วก็จำเป็น พระอาทิตยวงศ์ซึ่งเป็นพระราชบุตรพระมหากษัตริย์นั้นยังมีอยู่ ควรจะยกพระอาทิตย์วงศ์ขึ้นผ่านสมบัติ โดยราชประเพณีจึงจะชอบ เมื่อปรึกษาเสนาบดีทั้งปวงพร้อมแล้ว ก็ราชาภิเษกพระอาทิตยวงศ์ขึ้นผ่านพิภพ กรุงเทพพระนครศรีอยุธยา
พระอาทิตยวงศ์ ไ ด้ผ่านสมบัติครั้งนั้น พระชนม์ได้เก้าพรรษายังทรงพระเยาวราชอยู่นัก มิได้รู้ที่จะว่าราชกิจสิ่งใด มีแต่เที่ยวประพาสจับแพะจับแกะเล่น เจ้าพนักงานต้องนำเครื่องทรงเครื่องเสวยตามไปทุกแห่ง แต่ทำดังนี้อยู่ได้ประมาณหกเดือน มุขมนตรีทั้งปวงก็ปรึกษากันว่า พระมหากษัตริย์เป็นดั่งนี้การแผ่นดินจะเสียไป จำจะยกพระอาทิตยวงศ์ลงเสียจากเศวตฉัตร ควรจะเอาราชสมบัติถวายแก่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จะเป็นที่พึ่งแก่แผ่นดินต่อไป
ปรึกษากันเสร็จแล้วก็นำเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ มาถวายแก่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ทูลประพฤติเหตุซึ่งพระอาทิตยวงศ์จะครองแผ่นดินไปมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายราชสมบัติแก่พระองค์ จงพระกรุณารับทำนุบำรุงสมณชีพราหมณ์ แลอาณาประชาราษฎร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะได้อยู่เย็นเป็นสุข เพราะพระเดชานุภาพของพระองค์นั้นเถิด เจ้าพระยา กลาโหมสุริยวงศ์ได้ฟังมุขมนตรีทั้งปวงมาอ้อนวอนดังนั้น ก็รับว่าจะครองราชสมบัติ เสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายมีความยินดีนัก ก็อัญเชิญเสด็จเข้าอยู่ในพระราชวัง แล้วเสนาพฤฒามาตย์ราชโรหิตทวิชาจารย์พร้อมกันให้โหราธิบดีหาฤกษ์ แลตั้งการพระราชพิธีปราบดาภิเษก ในพระที่นั่งมังคลามหาปราสาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้นผ่านถวัลยราชภิภพ กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน ทรงพระนามว่า พระเจ้าปราสาททอง ครั้นเสด็จออกขุนนางทรงพระกรุณาตรัสปูนบำเหน็จ เจ้าหมื่นสรรเพชญภักดี เป็นพระยาราชภักดีเจ้ากรมพระคลังมหาสมบัติ พระราชทานเจียดทองกระบี่ เต้าน้ำพานทองเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แลขุนนางซึ่งสวามิภักดิ์นั้นก็แต่งตั้งโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ แลพระอาทิตยวงศ์นั้นทรงพระกรุณาโปรดให้อยู่ในพระราชวัง กับพระนมพี่เลี้ยง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระอนุชาองค์หนึ่ง ทรงพระกรุณาตรัสว่า น้องเราคนนี้น้ำใจกักขฬะหยาบช้า มิได้มีหิริโอตัปปะ จะให้เป็นอุปราชแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณมิได้ ให้เป็นเจ้าชื่อพระศรีสุธรรมราชา ตั้งบ้านหลวงอยู่ริมวัดสุทธาวาส แลที่บ้านสมเด็จพระพันปีหลวงนั้น พระเจ้าอยู่หัวให้สถาปนาสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ มีพระระเบียงรอบ แลมุมพระระเบียงนั้นกระทำเป็นเมรุทิศ เมรุรายอันรจนา แลกอรปด้วยพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญ แลสร้างกุฎีถวายพระสงฆ์เป็นอันมาก เสร็จแล้วให้ชื่อวัดไชยวัฒนาราม เจ้าอธิการนั้นถวายชื่อพระอชิตเถระ ราชาคณะฝ่ายอรัญวาสี ทรงพระราโชทิศถวายนิจภัตพระกัลปนาเป็นนิรันดรมิได้ขาด
ปีต่อมา ทรงพระกรุณาให้ช่างออกไปถ่ายอย่างพระนครหลวง แลปราสาทกรุงกัมพูชาประเทศ เข้ามาให้ช่างก่อสร้างพระราชวังเป็นที่ประทับร้อน ตำบลริมวัดเทพจันทร์ สำหรับเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาท จึงเอานามเดิมซึ่งถ่ายมา ให้ชื่อว่าพระนครหลวง แลในปีนั้นก็สถาปนาวัดพระศรีสรรเพชญ์เสร็จ กระทำการฉลองแลมีมหรสพสมโภชเป็นเอนกนุปการ
พระกฤษฎานุภาพพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ดำรงพิภพมณฑลสกลสมาประชาราษฎรเกษมสุขสนุกสบาย เภทภยันตรายโรคาพยาธิก็เบาบาง อีกหมู่เสนางคนิกรโยธาทวยหาญ มั่งคั่งพรั่งพร้อมไปด้วยพลช้างพลม้า ฝนตกต้องตามฤดูกาล ธัญญาหารก็บริบูรณ์ ทั่วประเทศนิคมชนบท พระยศแผ่ไปนานาประเทศทั้งปวง ครั้งนั้นเรือสำเภาลูกค้าพานิชเข้ามา ค้าขายเป็นอันมาก
ปีต่อมาทรงพระกรุณาสร้างมหาปราสาทองค์หนึ่ง สิบเอ็ดเดือนเสร็จ ให้นามว่า ศรียโสธรมหาพิมานบรรยงค์ แต่พระมหาราชครู แลพระครูปโรหิตพฤฒาจารย์ถวายคำพยากรณ์พระสุบินว่า ควรจะให้ชื่อพระมหาปราสาทว่า จักรวรรดิ์ไพชยนต มหาปราสาท ตามลักษณะเทพสังหรณ์ ให้สุบินนิมิตอันประเสริฐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึ่งให้แปลงชื่อพระมหาปราสาท ตามคำพระมหาราชครูทั้งปวง
ในปีเดียวกัน พระราชเทวีประสูติพระราชบุตรองค์หนึ่ง พระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็น สี่กร แล้วกลับเป็นสองกรปกติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแจ้งความ เห็นเป็นมหัศจรรย์ จึงพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชกุมาร
แลในปีนั้นทรงพระกรุณาให้สร้างพระที่นั่งไอสวรรค์ทิพาอาสน์ บนเกาะบางนางอิน มีพระราชนิเวศปราการ ประกอบพฤกษาชาติร่มรื่น เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย ประกาศราชตระกูลสุริยวงศ์องค์นารีทั้งปวง แล้วสร้างพระอารามเคียงพระราชนิเวศถวายเป็นสังฆทาน มีพระเจดีย์วิหารเป็นอาทิ สำหรับพระศาสนาเสร็จบริบูรณ์ แล้วให้ชื่อวัดชุมพลนิกายาราม
ในเดือนยี่ปลายปีนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอพระองค์อิน ซึ่งประสูติต่างพระชนนีกับพระนารายณ์ราชกุมาร ที่เกาะบ้านเลน เมื่อโสกันต์แล้วพระราชทาน พระนามว่า เจ้าฟ้าไชย
ถึงปีถัดมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตร ด้วยพระสนมอีกสามพระองค์ พระนาม พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ พระองค์ทอง แล พระอินทราชา เมื่ออาสาฬหะมาสเข้าพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยสนมราชกัญญาออกไปนมัสการ จุดเทียนพรรษาถวายพระพุทธปฏิมากร ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ แลเสด็จประพาสมาถึงหน้าวิหารใหญ่ ทอดพระเนตรเห็น พระอาทิตยวงศ์ ราชบุตรพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งยกออกเสียจากราชสมบัตินั้น ขึ้นนั่งห้อยเท้าอยู่บนหลังกำแพงแก้ว ทรงชี้พระหัตถ์ตรัสว่า พระอาทิตยวงศ์องอาจมิได้ลงจากกำแพงแก้วให้ต่ำ จึ่งลดพระอาทิตยวงศ์ลงจากยศ ให้ไปปลูกเรือนเสาไม้ไผ่สองห้องสองหลัง ริมวัดท่าทราย ให้อยู่กับบ่าวสองคนพอแต่ตักน้ำหุงข้าว สั่งแล้วก็เสด็จเข้าพระราชวัง
ในเดือนสิบสองทรงพระกรุณาตรัสว่า พ้นเทศกาลราษฎรเกี่ยวข้าวแล้ว จะเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท จึงให้ช่างขึ้นไปตกแต่งพระตำหนักใต้ธารทองแดง แลให้ไขน้ำมาแต่ธารทองแดงให้สนุกสนาน แลทางสถลมารคแต่ท่าเจ้าสนุก ขึ้นไปถึงท้ายพิกุลนั้น คิดให้มีน้ำแลศาลาตามระยะทาง ผู้คนจะได้อาศัย เสนาบดีรับพระราชโองการแล้ว ก็ยกช่างไพร่พลขึ้นไปตกแต่งพระตำหนักท่าสนุก แลแบ่งให้ทำศาลาขุดบ่อบางโขมด ตำบลบ่อโศกนั้นขุดบ่อริมต้นโศกจึงให้ชื่อบ่อโศก แล้วให้ขึ้นไปขุดบ่อทำศาลากลางทาง พอพระสงฆ์แลสามเณรเดินขึ้นไปเห็น สามเณรจึงว่าศาลาทั้งห้าห้องนี้ คั่นเสียสักสองห้องพอเป็นฝากรงให้ดี คนจะได้อาศัยนอน ถ้าไม่มีฝาเสือจะกินเสีย ช่างทั้งปวงฟังเจ้าสามเณรว่าก็เห็นชอบด้วย ครั้นทำเสร็จแล้วจึงให้นามว่าศาลาเจ้าเณร
ที่ตำบลหนองคณฑีนั้นมีน้ำอยู่แล้ว ก็ทำศาลาสำหรับอาศัย แลไพร่ซึ่งทำศาลาลงไปตักน้ำกินได้คณฑีใบหนึ่ง จึงให้ชื่อหนองคณฑี แลช่างกองใหญ่ยกขึ้นไปทำพระตำหนักริมลำธารท้ายธารทองแดง คิดทดท่อน้ำปิดเปิดให้ไหลเชี่ยวมาแต่ธารทองแดง อันพระราชนิเวศซึ่งทำนั้น อยู่ในดงพฤกษาชาติร่มรื่นชิดเชื้อ เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย แล้วคิดผ่อนทางชลชลาให้ไหลหลั่นลงมายังห้วยศีลาดาษ จึงให้นามว่าพระราชนิเวศธารเกษม แต่ตกแต่งพระราชนิเวศ แลบริเวณพระพุทธบาททั้งปวง สามเดือนก็แล้วเสร็จ
ครั้นถึงเดือนสี่ขึ้นสองค่ำ เพลารุ่งแล้วสองนาฬิกาแปดบาท สมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทรงบาตรแล้ว ก็เสด็จโดยขบวนเรือพระที่นั่งยาตราไปโดยแนวทางชลมารค จากพระราชวังหลวง ถึงที่ประทับร้อนพระนครหลวงเป็นทางสามร้อยเก้าสิบหกเส้น พักพลเป็นสุขสบายถึงเพลาชายแล้วสองนาฬิกา ก็เสด็จกรีฑาพลาพลนาเวศไปโดยลำดับชลมารค เป็นระยะทางหกร้อยหกสิบเอ็ดเส้น เพลาชายแล้วสี่นาฬิกาถึงท่าเจ้าสนุก ก็เสด็จขึ้นพระราชนิเวศ ประทับแรมอยู่คืนหนึ่ง
ครั้นเพลารุ่งแล้ว สมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทรงช้างต้นยกพลทวยหาญ พยุหยาตราพรั่งพร้อมโดยขบวนเสด็จ ทั้งรถประเทียบทางนางพระสนมบริพาร ตรงไปยังพระราชนิเวศตำหนักธารเกษม เพลาเช้าเสด็จมานมัสการพระพุทธบาท กระทำการบูชาเป็นมโหฬารยิ่งนักแล้วให้มหรสพสมโภชเป็นกำหนดเจ็ดวัน พระองค์ก็บริจาคราชทรัพย์ให้ทานแก่ยาจกพรรณิพกทุกวันเป็นอันมาก เสด็จนมัสการเช้าเย็นครบเจ็ดวัน แล้วเสด็จประพาสธารโศกธารทองแดง แลห้วยเขาถ้ำธารเสร็จ ก็เสด็จกลับยังกรุงเทพมหานครศรีอยุธยา
อีกสองปีต่อมา ถึงเดือนแปด สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จออกปฏิบัติพระสงฆ์ ณ วัดชัยวัฒนาราม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงพระเยาว์ ก็ตามเสด็จไปหลายพระองค์ แต่พระนารายณ์ราชกุมารพระชนม์ได้ห้าพรรษานั้นประชวร พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาตรัสว่าป่วยอยู่แล้วอย่าตามไปเลย เพลาเช้านั้นฝนตกพรำอยู่ พระนารายณ์ราชกุมารเสด็จออกไปเล่นที่เกย พระสนมพี่เลี้ยงทูลห้ามก็ไม่ฟัง จะถวายพระกรดก็ห้ามเสีย พระสนมพี่เลี้ยงก็จนใจต้องเล่นอยู่ด้วย พระองค์ยืนยุดเสาหลักชัยอยู่ อสุนีก็ตกต้องหลักชัยแตกตลอดลงไปจนดิน พระนารายณ์ราชกุมารจะเป็นอันตรายก็หามิได้ พระองค์ยืนยุดหลักชัยทรงพระสรวลอยู่ตามประสาพระเยาว์ แต่พระสนมพี่เลี้ยงนั้นสลบไปสิ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ยินเสียงอสุนีนั้นตรงพระราชวัง ก็ตกพระทัยตรัสให้ข้าหลวงเข้าไปดู ก็กลับออกมากราบทูลตามซึ่งมีเหตุนั้น ให้ทรงทราบทุกประการ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบดังนั้น ก็เร่งให้หมอเข้าไปแก้คนทั้งปวง ครั้นปฏิบัติพระสงฆ์แล้วเสด็จกลับเข้าพระราชวัง ทอดพระเนตรเห็นประจักษ์ ทรงพระกรุณาตรัสว่าราชบุตรนี้จะมีบุญอยู่ แล้วให้สมโภชสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระนารายณ์ราชกุมารสามวัน
อันบุญญาธิการของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ จะมีประการใดบ้าง จำจะต้องพลิกหาในพงศาวดารหน้าถัดไป.
##########
พลิกพงศาวดาร บุญญาภินิหาร ๕ ก.ค.๕๘
บุญญาภินิหาร
พ.สมานคุรุกรรม
เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จุดเพลิงเผาศพมารดาที่วัดมงกุฎแล้ว ถึงเพลาชายบ่ายสามโมงเศษได้อุดมฤกษ์ ก็ลงเรือพร้อมด้วยเรือขุนนางทั้งปวงประมาณสักร้อยลำ คนประมาณสามพันเศษ พลสรรพด้วยเครื่องศัสตราวุธล่องมาขึ้นประตูชัย เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ใส่เสื้อดำกางเกงดำขึ้นม้าดำ ขุนนางแลพลไพร่ตามมาเป็นอันมาก ครั้นถึงหน้าพระกาฬจึงลงจากหลังม้าตั้งสัตย์อธิษฐานว่า ข้าพเจ้าปรารถนาโพธิญาณ ถ้าจะเสร็จแก่พุทธสมบัติเป็นแท้ จะยกเข้าไปล้างผู้อาสัจให้สำเร็จดังปรารถนา
เสร็จอธิษฐานแล้วเพลาพลบค่ำจึงมาตั้งชุมพลอยู่ ณ วัดสุทธาวาส ครั้นเพลาแปดทุ่มก็ยกพลมาเข้าประตูมงคลสุนทร ให้ทหารเอาขวานฟันประตูเข้าไปได้ ด้วยเดชากฤษฎาภินิหารอันใหญ่ยิ่ง หามีผู้ใดออกต่อต้านมิได้ ก็กรูกันไปถึงท้องสนามใน ข้าหลวงเดิมซึ่งนอนเวรประจำซอง ร้องกราบทูลเข้าไปว่า เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ยกเข้ามาได้แล้ว พระเจ้าแผ่นดินได้ฟังก็ตกพระทัยนักมิได้คิดอ่านที่จะต่อสู้ ออกจากพระราชวังกับพวกข้าหลวงเดิม ลงเรือพระที่นั่งหนีไป เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์เข้าในพระราชวังได้ รู้ว่าพระเจ้าแผ่นดินหนี จึงสั่งให้พระยาเดโช พระยาท้ายน้ำ ไปตามแต่ในเพลาคืนนั้น
วันรุ่งขึ้นเช้าพระยาทั้งสองไปทันพระเจ้าแผ่นดินที่ป่าโมกน้อย ล้อมจับเอาตัวมาได้ เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์สั่งให้เอาไปสำเร็จโทษ ตามประเพณีกษัตริย์ พระเชษฐาธิราชอยู่ในราชสมบัติ ปีหนึ่งกับเจ็ดเดือน
ฝ่ายเสนาพฤฒามาตย์ปุโรหิตทั้งหลาย จึงนำเอาเครื่องเบญจราชกกุธภัณฑ์ไปถวาย เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์มิได้รับ ว่าเราทำราชการนี้จะชิงเอาสมบัตินั้นหามิได้ เพราะภัยมาถึงตัวแล้วก็จำเป็น พระอาทิตยวงศ์ซึ่งเป็นพระราชบุตรพระมหากษัตริย์นั้นยังมีอยู่ ควรจะยกพระอาทิตย์วงศ์ขึ้นผ่านสมบัติ โดยราชประเพณีจึงจะชอบ เมื่อปรึกษาเสนาบดีทั้งปวงพร้อมแล้ว ก็ราชาภิเษกพระอาทิตยวงศ์ขึ้นผ่านพิภพ กรุงเทพพระนครศรีอยุธยา
พระอาทิตยวงศ์ ไ ด้ผ่านสมบัติครั้งนั้น พระชนม์ได้เก้าพรรษายังทรงพระเยาวราชอยู่นัก มิได้รู้ที่จะว่าราชกิจสิ่งใด มีแต่เที่ยวประพาสจับแพะจับแกะเล่น เจ้าพนักงานต้องนำเครื่องทรงเครื่องเสวยตามไปทุกแห่ง แต่ทำดังนี้อยู่ได้ประมาณหกเดือน มุขมนตรีทั้งปวงก็ปรึกษากันว่า พระมหากษัตริย์เป็นดั่งนี้การแผ่นดินจะเสียไป จำจะยกพระอาทิตยวงศ์ลงเสียจากเศวตฉัตร ควรจะเอาราชสมบัติถวายแก่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ จะเป็นที่พึ่งแก่แผ่นดินต่อไป
ปรึกษากันเสร็จแล้วก็นำเอาเครื่องราชกกุธภัณฑ์ มาถวายแก่เจ้าพระยากลาโหมสุริยวงศ์ ทูลประพฤติเหตุซึ่งพระอาทิตยวงศ์จะครองแผ่นดินไปมิได้ ข้าพระพุทธเจ้าทั้งหลายขอถวายราชสมบัติแก่พระองค์ จงพระกรุณารับทำนุบำรุงสมณชีพราหมณ์ แลอาณาประชาราษฎร ไพร่ฟ้าข้าแผ่นดินจะได้อยู่เย็นเป็นสุข เพราะพระเดชานุภาพของพระองค์นั้นเถิด เจ้าพระยา กลาโหมสุริยวงศ์ได้ฟังมุขมนตรีทั้งปวงมาอ้อนวอนดังนั้น ก็รับว่าจะครองราชสมบัติ เสนาบดีมนตรีมุขทั้งหลายมีความยินดีนัก ก็อัญเชิญเสด็จเข้าอยู่ในพระราชวัง แล้วเสนาพฤฒามาตย์ราชโรหิตทวิชาจารย์พร้อมกันให้โหราธิบดีหาฤกษ์ แลตั้งการพระราชพิธีปราบดาภิเษก ในพระที่นั่งมังคลามหาปราสาท
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็เสด็จขึ้นผ่านถวัลยราชภิภพ กรุงเทพทวาราวดีศรีอยุธยา มหาดิลกภพนพรัตนราชธานีบุรีรมย์อุดมพระราชนิเวศมหาสถาน ทรงพระนามว่า พระเจ้าปราสาททอง ครั้นเสด็จออกขุนนางทรงพระกรุณาตรัสปูนบำเหน็จ เจ้าหมื่นสรรเพชญภักดี เป็นพระยาราชภักดีเจ้ากรมพระคลังมหาสมบัติ พระราชทานเจียดทองกระบี่ เต้าน้ำพานทองเครื่องอุปโภคบริโภคเป็นอันมาก แลขุนนางซึ่งสวามิภักดิ์นั้นก็แต่งตั้งโดยสมควรแก่ฐานาศักดิ์ แลพระอาทิตยวงศ์นั้นทรงพระกรุณาโปรดให้อยู่ในพระราชวัง กับพระนมพี่เลี้ยง
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระอนุชาองค์หนึ่ง ทรงพระกรุณาตรัสว่า น้องเราคนนี้น้ำใจกักขฬะหยาบช้า มิได้มีหิริโอตัปปะ จะให้เป็นอุปราชแผ่นดินต่างพระเนตรพระกรรณมิได้ ให้เป็นเจ้าชื่อพระศรีสุธรรมราชา ตั้งบ้านหลวงอยู่ริมวัดสุทธาวาส แลที่บ้านสมเด็จพระพันปีหลวงนั้น พระเจ้าอยู่หัวให้สถาปนาสร้างพระมหาธาตุเจดีย์ มีพระระเบียงรอบ แลมุมพระระเบียงนั้นกระทำเป็นเมรุทิศ เมรุรายอันรจนา แลกอรปด้วยพระอุโบสถพระวิหารการเปรียญ แลสร้างกุฎีถวายพระสงฆ์เป็นอันมาก เสร็จแล้วให้ชื่อวัดไชยวัฒนาราม เจ้าอธิการนั้นถวายชื่อพระอชิตเถระ ราชาคณะฝ่ายอรัญวาสี ทรงพระราโชทิศถวายนิจภัตพระกัลปนาเป็นนิรันดรมิได้ขาด
ปีต่อมา ทรงพระกรุณาให้ช่างออกไปถ่ายอย่างพระนครหลวง แลปราสาทกรุงกัมพูชาประเทศ เข้ามาให้ช่างก่อสร้างพระราชวังเป็นที่ประทับร้อน ตำบลริมวัดเทพจันทร์ สำหรับเสด็จขึ้นไปนมัสการพระพุทธบาท จึงเอานามเดิมซึ่งถ่ายมา ให้ชื่อว่าพระนครหลวง แลในปีนั้นก็สถาปนาวัดพระศรีสรรเพชญ์เสร็จ กระทำการฉลองแลมีมหรสพสมโภชเป็นเอนกนุปการ
พระกฤษฎานุภาพพระบาทสมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว ดำรงพิภพมณฑลสกลสมาประชาราษฎรเกษมสุขสนุกสบาย เภทภยันตรายโรคาพยาธิก็เบาบาง อีกหมู่เสนางคนิกรโยธาทวยหาญ มั่งคั่งพรั่งพร้อมไปด้วยพลช้างพลม้า ฝนตกต้องตามฤดูกาล ธัญญาหารก็บริบูรณ์ ทั่วประเทศนิคมชนบท พระยศแผ่ไปนานาประเทศทั้งปวง ครั้งนั้นเรือสำเภาลูกค้าพานิชเข้ามา ค้าขายเป็นอันมาก
ปีต่อมาทรงพระกรุณาสร้างมหาปราสาทองค์หนึ่ง สิบเอ็ดเดือนเสร็จ ให้นามว่า ศรียโสธรมหาพิมานบรรยงค์ แต่พระมหาราชครู แลพระครูปโรหิตพฤฒาจารย์ถวายคำพยากรณ์พระสุบินว่า ควรจะให้ชื่อพระมหาปราสาทว่า จักรวรรดิ์ไพชยนต มหาปราสาท ตามลักษณะเทพสังหรณ์ ให้สุบินนิมิตอันประเสริฐ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึ่งให้แปลงชื่อพระมหาปราสาท ตามคำพระมหาราชครูทั้งปวง
ในปีเดียวกัน พระราชเทวีประสูติพระราชบุตรองค์หนึ่ง พระญาติวงศ์เหลือบเห็นเป็น สี่กร แล้วกลับเป็นสองกรปกติ สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวแจ้งความ เห็นเป็นมหัศจรรย์ จึงพระราชทานนามว่า พระนารายณ์ราชกุมาร
แลในปีนั้นทรงพระกรุณาให้สร้างพระที่นั่งไอสวรรค์ทิพาอาสน์ บนเกาะบางนางอิน มีพระราชนิเวศปราการ ประกอบพฤกษาชาติร่มรื่น เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย ประกาศราชตระกูลสุริยวงศ์องค์นารีทั้งปวง แล้วสร้างพระอารามเคียงพระราชนิเวศถวายเป็นสังฆทาน มีพระเจดีย์วิหารเป็นอาทิ สำหรับพระศาสนาเสร็จบริบูรณ์ แล้วให้ชื่อวัดชุมพลนิกายาราม
ในเดือนยี่ปลายปีนั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จไปโสกันต์ พระเจ้าลูกเธอพระองค์อิน ซึ่งประสูติต่างพระชนนีกับพระนารายณ์ราชกุมาร ที่เกาะบ้านเลน เมื่อโสกันต์แล้วพระราชทาน พระนามว่า เจ้าฟ้าไชย
ถึงปีถัดมา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชบุตร ด้วยพระสนมอีกสามพระองค์ พระนาม พระไตรภูวนาทิตยวงศ์ พระองค์ทอง แล พระอินทราชา เมื่ออาสาฬหะมาสเข้าพรรษา สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จพระราชดำเนินด้วยสนมราชกัญญาออกไปนมัสการ จุดเทียนพรรษาถวายพระพุทธปฏิมากร ณ วัดพระศรีสรรเพชญ์ แลเสด็จประพาสมาถึงหน้าวิหารใหญ่ ทอดพระเนตรเห็น พระอาทิตยวงศ์ ราชบุตรพระเจ้าทรงธรรม ซึ่งยกออกเสียจากราชสมบัตินั้น ขึ้นนั่งห้อยเท้าอยู่บนหลังกำแพงแก้ว ทรงชี้พระหัตถ์ตรัสว่า พระอาทิตยวงศ์องอาจมิได้ลงจากกำแพงแก้วให้ต่ำ จึ่งลดพระอาทิตยวงศ์ลงจากยศ ให้ไปปลูกเรือนเสาไม้ไผ่สองห้องสองหลัง ริมวัดท่าทราย ให้อยู่กับบ่าวสองคนพอแต่ตักน้ำหุงข้าว สั่งแล้วก็เสด็จเข้าพระราชวัง
ในเดือนสิบสองทรงพระกรุณาตรัสว่า พ้นเทศกาลราษฎรเกี่ยวข้าวแล้ว จะเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาท จึงให้ช่างขึ้นไปตกแต่งพระตำหนักใต้ธารทองแดง แลให้ไขน้ำมาแต่ธารทองแดงให้สนุกสนาน แลทางสถลมารคแต่ท่าเจ้าสนุก ขึ้นไปถึงท้ายพิกุลนั้น คิดให้มีน้ำแลศาลาตามระยะทาง ผู้คนจะได้อาศัย เสนาบดีรับพระราชโองการแล้ว ก็ยกช่างไพร่พลขึ้นไปตกแต่งพระตำหนักท่าสนุก แลแบ่งให้ทำศาลาขุดบ่อบางโขมด ตำบลบ่อโศกนั้นขุดบ่อริมต้นโศกจึงให้ชื่อบ่อโศก แล้วให้ขึ้นไปขุดบ่อทำศาลากลางทาง พอพระสงฆ์แลสามเณรเดินขึ้นไปเห็น สามเณรจึงว่าศาลาทั้งห้าห้องนี้ คั่นเสียสักสองห้องพอเป็นฝากรงให้ดี คนจะได้อาศัยนอน ถ้าไม่มีฝาเสือจะกินเสีย ช่างทั้งปวงฟังเจ้าสามเณรว่าก็เห็นชอบด้วย ครั้นทำเสร็จแล้วจึงให้นามว่าศาลาเจ้าเณร
ที่ตำบลหนองคณฑีนั้นมีน้ำอยู่แล้ว ก็ทำศาลาสำหรับอาศัย แลไพร่ซึ่งทำศาลาลงไปตักน้ำกินได้คณฑีใบหนึ่ง จึงให้ชื่อหนองคณฑี แลช่างกองใหญ่ยกขึ้นไปทำพระตำหนักริมลำธารท้ายธารทองแดง คิดทดท่อน้ำปิดเปิดให้ไหลเชี่ยวมาแต่ธารทองแดง อันพระราชนิเวศซึ่งทำนั้น อยู่ในดงพฤกษาชาติร่มรื่นชิดเชื้อ เป็นที่สำราญพระราชหฤทัย แล้วคิดผ่อนทางชลชลาให้ไหลหลั่นลงมายังห้วยศีลาดาษ จึงให้นามว่าพระราชนิเวศธารเกษม แต่ตกแต่งพระราชนิเวศ แลบริเวณพระพุทธบาททั้งปวง สามเดือนก็แล้วเสร็จ
ครั้นถึงเดือนสี่ขึ้นสองค่ำ เพลารุ่งแล้วสองนาฬิกาแปดบาท สมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัวทรงบาตรแล้ว ก็เสด็จโดยขบวนเรือพระที่นั่งยาตราไปโดยแนวทางชลมารค จากพระราชวังหลวง ถึงที่ประทับร้อนพระนครหลวงเป็นทางสามร้อยเก้าสิบหกเส้น พักพลเป็นสุขสบายถึงเพลาชายแล้วสองนาฬิกา ก็เสด็จกรีฑาพลาพลนาเวศไปโดยลำดับชลมารค เป็นระยะทางหกร้อยหกสิบเอ็ดเส้น เพลาชายแล้วสี่นาฬิกาถึงท่าเจ้าสนุก ก็เสด็จขึ้นพระราชนิเวศ ประทับแรมอยู่คืนหนึ่ง
ครั้นเพลารุ่งแล้ว สมเด็จบรมบพิตรพระเจ้าอยู่หัว เสด็จทรงช้างต้นยกพลทวยหาญ พยุหยาตราพรั่งพร้อมโดยขบวนเสด็จ ทั้งรถประเทียบทางนางพระสนมบริพาร ตรงไปยังพระราชนิเวศตำหนักธารเกษม เพลาเช้าเสด็จมานมัสการพระพุทธบาท กระทำการบูชาเป็นมโหฬารยิ่งนักแล้วให้มหรสพสมโภชเป็นกำหนดเจ็ดวัน พระองค์ก็บริจาคราชทรัพย์ให้ทานแก่ยาจกพรรณิพกทุกวันเป็นอันมาก เสด็จนมัสการเช้าเย็นครบเจ็ดวัน แล้วเสด็จประพาสธารโศกธารทองแดง แลห้วยเขาถ้ำธารเสร็จ ก็เสด็จกลับยังกรุงเทพมหานครศรีอยุธยา
อีกสองปีต่อมา ถึงเดือนแปด สมเด็จพระพุทธเจ้าอยู่หัว เสด็จออกปฏิบัติพระสงฆ์ ณ วัดชัยวัฒนาราม สมเด็จพระเจ้าลูกเธอทรงพระเยาว์ ก็ตามเสด็จไปหลายพระองค์ แต่พระนารายณ์ราชกุมารพระชนม์ได้ห้าพรรษานั้นประชวร พระเจ้าอยู่หัวทรงพระกรุณาตรัสว่าป่วยอยู่แล้วอย่าตามไปเลย เพลาเช้านั้นฝนตกพรำอยู่ พระนารายณ์ราชกุมารเสด็จออกไปเล่นที่เกย พระสนมพี่เลี้ยงทูลห้ามก็ไม่ฟัง จะถวายพระกรดก็ห้ามเสีย พระสนมพี่เลี้ยงก็จนใจต้องเล่นอยู่ด้วย พระองค์ยืนยุดเสาหลักชัยอยู่ อสุนีก็ตกต้องหลักชัยแตกตลอดลงไปจนดิน พระนารายณ์ราชกุมารจะเป็นอันตรายก็หามิได้ พระองค์ยืนยุดหลักชัยทรงพระสรวลอยู่ตามประสาพระเยาว์ แต่พระสนมพี่เลี้ยงนั้นสลบไปสิ้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ยินเสียงอสุนีนั้นตรงพระราชวัง ก็ตกพระทัยตรัสให้ข้าหลวงเข้าไปดู ก็กลับออกมากราบทูลตามซึ่งมีเหตุนั้น ให้ทรงทราบทุกประการ
สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวได้ทรงทราบดังนั้น ก็เร่งให้หมอเข้าไปแก้คนทั้งปวง ครั้นปฏิบัติพระสงฆ์แล้วเสด็จกลับเข้าพระราชวัง ทอดพระเนตรเห็นประจักษ์ ทรงพระกรุณาตรัสว่าราชบุตรนี้จะมีบุญอยู่ แล้วให้สมโภชสมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระนารายณ์ราชกุมารสามวัน
อันบุญญาธิการของ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอพระองค์นี้ จะมีประการใดบ้าง จำจะต้องพลิกหาในพงศาวดารหน้าถัดไป.
##########