เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับแฟนเรา คนที่พิมพ์เล่าเรื่องคือเจ้าของเรื่องเอง เราเอามาเรียบเรียงเพื่อให้ทุกคนอ่านกันค่ะ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านนะคะ
หมายเหตุ : ขอใช้คำว่าข้าแทนตัวผู้เล่าเพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศสมัยเก่า
เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน เมื่อสมันข้ายังเป็นเด็กน้อย ตอนนั้นข้าชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านเพื่อนที่อยู่บ้านตาด ข้าแต่เดิมเป็นคนบ้านหนองใหญ่ แต่ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ที่อยู่หมู่บ้านเลี่ยมพิลึก หลายคนอาจจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก เพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ต่างจากบ้านเก่าข้า รอบบ้านก็จะมีแต่ป่าต้นไม้ใหญ่ๆ มีฝูงหมาจิ้งจอก ที่ชอบมาขโมยไก่ชาวบ้านกิน สมัยนั้นโทรศัพท์ก็ยังไม่มีใช้ ส่วนในหนองน้ำก็จะมีบึงจระเข้ ที่พวกฝรั่งมันเอามาปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีใครกล้าไปตกปลาแถวนั้นหรอก นี่เป็นประวัติเพียงเล็กน้อยของตัวข้า คนที่อ่านอาจจะคิดว่า ข้าจะบอกทำไมเพราะไม่สำคัญอะไร แต่ข้าอยากจะบอก
โอเค กลับมาที่เรื่องตอนต้น ข้ามีกลุ่มเพื่อน 5 คน ข้าอายุเยอะสุดในกลุ่มเป็นตัวหลักตัวนำกลุ่ม ในกลุ่ม มี ชาย 3 หญิง 2 ชายข้าขอเรียกชื่อ สมมุติ ว่า อ๊าก กับ จ๊าก และ ว๊าก หญิงข้าขอเรียกชื่อ สมมุติ ว่า ว๊าย กับ กรี๊ด
ทางถนนที่ข้าต้องผ่านไปบ้านพวก เป็นเส้นทางเล็กๆ ไม่มีไฟ ด้านข้างเป็นป่า ทึบ และ ถัดไปก็เป็นทุ่งนา และมีสะพาน พอผ่านสะพาน จะเจอ ทางโค้ง ซึ่งโค้งนี้ จะเป็นทาง 3 แพร่ง จะมีตรง และเลี้ยวซ้าย ซึ่งเป็นทางไปสู่วัดที่ชื่อว่าวัดป่าบ้านตลาด ซึ่ง ทางตรงไปก็คือ ป่าช้าบ้านตาด ที่ๆชาวบ้านเล่าว่าน่ากลัวที่สุด และสมัยนั้นผีเยอะที่สุด ข้าจะไปเล่นกับเพื่อนข้าเวลา 8.00 น. – 19.30 น. ตอนข้าไปเล่นใหม่ๆ ข้าไม่รู้ว่าบ้านข้างหน้าทางเข้าไปบ้านเพื่อนข้าใครเป็นเจ้าของ รู้แค่ว่ามีร้านก๊วยจั๊บ และ ร้านตัดผมซึ่งปิดไปแล้ว มีแค่ร้านก๊วยจั๊บ ที่เปิดบริการ ถ้วยละ 5 บาท 10 บาท เป็นบ้านไม้เก่าๆ ได้ยินว่าเจ้าของเป็นผู้หญิง รู้มาแค่นี้ ตอนนั้น ข้าชวนพวกกลุ่มข้าเล่นซ่อนหา หรือภาษาบ้านข้าก็คือ บักลี้ ตอนนั้นพวกข้าเล่นแบบ เตะขวด คนที่เป็นก็คือ จ๊าก พอเริ่มเล่น ข้าไม่รู้จะไปหลบที่ไหนก็ได้แต่ตามพวก ว๊าก อ๊าก ว๊าย กรี๊ด ไปในบ้าน จะมีบ้าน 4หลังใกล้ๆกัน พากันวิ่งหาที่หลบแถวบ้านเพื่อนของพวกกลุ่มข้า ตอนนั้นพวกนั้นพาข้าวิ่งไปหลบอยู่ในบ้านที่เป็นร้านตัดผมเก่า ซึ่งในบ้านรกมาก มืดมากด้วย มีหยากไย่ ขี้ฝุ่น แมลง หนอน ตะขาบ กิ้งกืออยู่ ข้าก็เริ่มรู้สึกขนลุกเมื่อมีลมพัดมา ข้าบอกกับพวกที่เหลือว่า ไปหลบที่อื่นกันเถอะ ข้ารู้สึกยังไงไม่รู้กับบ้านหลังนี้ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ว๊ากพูดว่า จะกลัวอะไรนี่มันเป็นบ้านน้าข้า จะกลัวอะไรวะ เคยได้ยินมั้ยที่ที่น่ากลัวที่สุดคือที่ที่ปล่อยภัยที่สุด พวกข้าก็เลยแยกย้ายกันหาที่หลบในบ้านหลังนั้น ข้ายืนคิดอยู่นาน ว่าจะหลบในบ้านหลังนี้จริงหรอหรือจะไปข้างนอก
(ข้าพิมพ์ตั้งนานเพิ่งนึกได้ว่า ตัวข้าสามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนได้ ตั้งแต่เด็กแล้ว ข้ามองเห็นผีมาไกวเปลให้ข้า และตอนนอน ข้าจะชอบนอนกอดตุ๊กตา เป็นตุ๊กตาหมีอะไรพวกนี้ มีอยู่คืนหนึ่ง ข้านอนตะแคงซ้ายอยู่ คือตอนนั้นนอนด้วยกันกับพ่อแม่ข้า 3 คนช่างอบอุ่น ข้าอายุประมาณ 7 ขวบ พอข้าหันไปจะกอดตุ๊กตาหมีสุดที่รักของข้า ข้าก็เจอตุ๊กตาตัวนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นตุ๊กตาผู้หญิงคล้ายตุ๊กตาผู้บาร์บี้ หรืออะไรสักอย่างที่มันจะกระพริบตาได้ ผมสีทอง เสื้อกับกระโปรงสีชมพู ตาสีฟ้า ข้าจำได้ไม่มีวันลืม ข้าสงสัยว่ามาจากไหนจะถามพ่อกับแม่ก็หลับไปแล้ว ข้าไม่สนใจนอนพอเช้าค่อยถามแม่ก็ได้ข้านอนอยู่สักพักข้าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ ข้าลืมตามา ข้าเห็นตุ๊กตาตัวนั้นกอดข้า ซึ่งตอนแรกที่เห็นแขนมันจะยกได้แต่พับแขนงอแขนไม่ได้ แต่สิ่งที่ข้าเจอคือมันกอดรัดตัวข้า ข้าตกใจเลยเอามันออก มันไม่ออก และได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ ตอนนั้นข้าเริ่มกลัวแล้ว แล้วพอเอาออกมาได้ข้ามองไปที่ตามันเห็นมันกระพริบตาใส่ข้า แล้วมันก็ยิ้มให้ข้า ข้าตกใจผลักมันออก แล้วก็ร้องไห้ จนแม่กับพ่อตื่นมาถามว่าเป็นอะไร ข้าบอกว่ากลัวผีหลอก พ่อถามไหนผี ข้าชี้ไปทางตุ๊กตาตัวนั้น ว่าตุ๊กตาผี แม่มันมาหลอกหนู ฮื่อออออ พ่อมองไปก็ไม่เจอมันพอข้าหันไปดูมันก็หายไปแล้ว หลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็ได้พาข้าไปหาหลวง ปู่อ่อนสา สุขกาโร เจ้าอาวาดวัดชุมพลพัฒนาราม หรืออีกชื่อว่าวัดบ้านหนองใหญ่ คงจะมีคนรู้จักนะ ครอบครัวข้าเป็นญาติหลวงปู่ ซึ่งตอนนี้ท่านมรณภาพแล้ว ข้าเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่ หลวงปู่ก็เป่าให้ข้าจากนั้นก็ไม่มีผีตนไหนมาทำอะไรข้าได้อีกเลย )
กลับมาที่เรื่องเดิม ขออภัยจริงๆเพิ่งนึกได้ ขอกราบทุกท่านผู้อ่าน ณ ที่นี้ด้วย หลังจากข้ายืนคิดอยู่ข้าได้ยินเสียงไอ้จ๊าก มันย่องมา ข้าไปเห็นเสื้อมันนอกกำแพงบ้าน ข้าหันกลับมาไม่เจอพวกที่เหลือแล้วข้าจึงวิ่งหาที่หลบในบ้านข้าได้ไปหลบในห้องห้องหนึ่งซึ่งข้าไม่รู้ว่าห้องอะไรมันมืดมากแต่ก็ยังพอมองเห็นรางๆ เพราะหลังคามันเป็นรู หลังคาสังกะสีอ่ะนะ แดดมันส่องๆ ลงมาตามรู ข้าหลบอยู่นั้นนานได้ 10 นาที ในห้องนั้นเงียบมาก แม้แต่เสียงลมยังไม่มีเลย ข้าบังเอิญหันไปเห็น เงาๆหนึ่งผ่านข้าไป กายข้าเย็นวูบ ข้ารู้สึกแปลกๆกับบ้านหลังนี้ ข้าเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่านี้มันใช่บ้านคนจริงๆหรอ ข้าได้ยินเสียงคนเดินอยู่ด้านหลังกำแพงของอีกห้อง และข้าเห็นเงาของใครไม่รู้ สูงเพรียวยืนอยู่หน้าประตู ข้าเริ่มรู้แล้วว่าบ้านหลังนี้มันไม่ใช่บ้านคน ข้าวิ่งลืมความกลัวเรียกความกล้าวิ่งทะลุเงานั้นออกมา พอข้าออกมาได้ ข้าเห็นพวกนั้นยืนทำหน้าตาตกใจ แล้วก็ถามข้าว่าข้าหายไปไหนมาตั้งหลาย ชม. ตามหาก็หาไม่เจอ ข้าเลยบอกว่าข้าไปหลบในที่นี้นะ ผู้ใหญ่เลยบอกว่า บ้านหลังนี้เจ้าของบ้านตาย ไม่ทราบสาเหตุ อีกคนก็เล่าว่า โดนผีหักคอ บางก็บอกผีเข้า ถูกโจรฆ่า ผูกคอตายบ้างจนไม่รู้อันไหนคือเรื่องจริงเรื่องโกหก แต่ที่แน่ๆข้าได้พบกับเจ้าของบ้านแล้ว (ขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนำเรื่องของท่านมาเล่า และจะมีต่อ) พอข้ากลับบ้าน ข้าปั่นจักรยานกลับ ตอนนั้น 6 โมงเย็นจะทุ่มแล้วฟ้าก็เริ่มมืดข้าจึงขอลากลับบ้านเพราะไฟไม่มีกลัวจะมองทางไม่เห็นแล้วทางมันก็อันตราย และเปลี่ยวมากๆ ขากลับข้าปั่นไปเรื่อยๆจนมืดมองไม่เห็นทางแล้ว พ่อข้าสอนข้าว่าเวลามืดให้ก้มมองพื้นหลับตานับ1-20ในใจช้าๆ พอลืมตาห้ามมองขึ้นฟ้ามองแค่ทางข้างหน้า พอข้าทำตามคำสอนพ่อ ข้ามองทางข้าก็กลับมามองเห็นถนนอีกครั้ง มันมีแสงคล้ายๆแสงไฟอ่อนๆ อยู่ได้ประมาณ 3 นาทีก็จะมืด ก่อนจะมืดอีกครั้งตอนนั้นข้ามองไปป่าด้านข้างฝั่งขวามือข้าเห็นเงาหนึ่งจับตามองมาที่ข้า ตาสีส้ม ข้าไม่รู้คืออะไรแล้วมันก็หายเข้าป่าไปแล้วข้าก็เริ่มมองไม่เห็นทางอีกแล้ว ข้ากลั้นใจ จอดแล้วทำมันอีกครั้ง พอลืมตา ข้ารีบปั่นเร่งความเร็วกลับบ้าน จนมาถึงหมู่บ้านใหม่ข้า ทางไปบ้านข้าไม่ค่อยมีบ้านคน ข้าปั่นผ่านวัดในหมู่บ้าน ด้านข้างเป็นป่าโล่ง ข้าได้ยินเสียงหมาหอนไล่ตามมาข้างหลังข้า ข้ารู้สึกขนลุกทั้งร่างกาย ข้ารีบปั่น แต่ข้าอ่อนล้าไปหมดแล้วเพราะทางมันไกล ไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าจะถึงบ้าน และก็ผ่านบ้านป้าที่เคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันตามมาปลูกบ้านที่นี้ และตรงไปอีกจะเป็น 3 แยก ตรงไปคือป่าอ้อย พ่อบอกห้ามไปตอนกลางคืน ข้าก็ไม่ถามว่าทำไมข้าก็ไม่ไป เลี้ยวขวาคือทางไปบ้านข้า ทางใกล้ถึงบ้านข้าอยากจะบอกว่ามีแต่ป่าทั้งนั้น ถนนบ้านข้าเป็นถนนดินทราย ปั่นมาเร็วๆก็ล้มแค่นั้นแหละ หรือไม่ก็ปั่นไม่ไปเพราะจมทรายต้องยกหรือจูงเดินไป พอจะถึงทางเข้าบ้านข้า จะมีป่าที่เป็นคล้ายๆอุโมงค์ ถ้าเดินเข้าไปจะไปทะลุอีกฝั่งนึงนั้นก็คือป่าอ้อย ข้าได้ยินเสียงหมาจิ้งจอกร้อง ข้ารีบปั่นเข้าไปจอดในบ้านและรีบขึ้นบ้านทันที พอถึงบ้านตอนนั้นเวลา 19.40 กว่า มั้งนะ ตอนนั้นดูนาฬิกาแบบแอนะล็อกไม่เป็น ข้าปวดท้องข้าไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับจะอาบน้ำด้วย ห้องน้ำบ้านใหม่ข้า จะอยู่ห่างจากตัวบ้านข้าประมาณ 10 เมตร บ้านข้าเป็นบ้านไม้ ฝาผนังจะเอาไม้อัดแผ่นใหญ่มาทำเป็นที่กั้น ข้าเสียบปลั๊กห้องน้ำ หรือปลั๊กไฟนั้นแหละ เวลาข้าเข้าห้องน้ำข้าเป็นคนขี้กลัว ข้าจะไม่ชอบล็อกห้องน้ำจะเปิดแบบให้เห็นข้างนอกห้องน้ำเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งยาว คงรู้สินะ แล้วกำแพงห้องน้ำจะมีช่องสี่เหลี่ยมวงรีรอบด้านฝั่งละ 4 รู ขณะที่ข้าอี้อยู่ (ขอประทานอภัยท่านที่กำลังรับประทานอาหารอยู่) ข้ารู้สึกได้ยินเสียงลมพัดและใบไม้สั่น แล้วข้าก็ได้ยินเสียงคนเดินข้างๆห้องน้ำ ข้าลองยืนแอบส่องดูเห็นแววตาสีแดงเล็กๆ ข้ารีบนั่งอี้ต่อ รีบเบ่งเต็มที่ อ่อลืมบอกเวลาข้าเข้าห้องน้ำข้าจะชอบให้แม่มายืนเฝ้า ตอนนั้นแม่ไม่ว่าง แม่บอกเดี๋ยวจะตามลงไปเฝ้า เสียงฝีเท้าก้าวเดินมาจนจะถึงประตูห้องน้ำ ตอนนั้นข้าคิดว่าสงสัยแม่มาแล้ว เพราะแม่ชอบไปยืนเฝ้าตรงนั้น ข้าได้ยินเสียงแม่เรียกถามข้าว่าเสร็จยังขอเข้าไปข้างในได้มั้ยแม่ปวดสี่ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำถูสบู่ให้ ข้าไม่ตอบ ข้าเงียบ เพราะพ่อข้าบอกว่าเวลาเข้าห้องน้ำเวลามีคนเรียกอย่าตอบรับ ถ้าไม่เห็นตัว ข้าเงียบต่อไป แล้วก็ได้ยินเสียงแม่ ตะโกนเรียกชื่อข้า เสียงเริ่มรุนแรงขึ้น ข้าเริ่มกลัว แล้วว่าใช่แม่เราหรอที่อยู่ข้างนอกห้องน้ำนั้น เสียงเริ่มเหมือนคนโมโหขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ปิดประตูดังปัง ประตูห้องน้ำข้าเป็นสังกะสี ตอกกับไม้ ล็อกจากในและข้างนอกได้ ข้าตกใจมากรีบล้างก้นแล้วแต่ไม่ได้ล้างมือที่ล้างก้นและไม่ได้ราดน้ำด้วย ข้าผลักประตูแก้ผ้าวิ่งขึ้นบ้าน เห็นแม่นั่งดูทีวี ตอนนั้นพ่อไปล่าสัตว์ ยังไม่กลับ ข้าถามแม่ว่า แม่เมื่อกี้แม่ได้ลงไปข้างล่างมั้ย แม่บอกว่า แม่นั่งดูทีวีรอพ่อกลับมาอยู่นี่ไม่ได้ไปไหนนะ แม่ถามว่าทำไม เลยเล่าให้แม่ฟังแม่ก็กลัวเลย ปิดทีวีล็อกหน้าบ้าน ไปเฝ้าข้าอาบน้ำ จากนั้นพ่อก็มา ก็เล่าให้พ่อฟังพ่อก็หัวเราะ ก็เดินขึ้นบ้านไป ค่ำคืนนั้นข้ารีบนอนเลย เพราะกลัวมาก
(ขอค้างไว้ก่อน ง่วงนอน เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อนะ)
เรื่องเล่าป่าช้าบ้านตาด จ.อุดรธานี
หมายเหตุ : ขอใช้คำว่าข้าแทนตัวผู้เล่าเพื่อให้เข้าถึงบรรยากาศสมัยเก่า
เรื่องมันเริ่มขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน เมื่อสมันข้ายังเป็นเด็กน้อย ตอนนั้นข้าชอบปั่นจักรยานไปเล่นบ้านเพื่อนที่อยู่บ้านตาด ข้าแต่เดิมเป็นคนบ้านหนองใหญ่ แต่ได้ย้ายมาอยู่บ้านใหม่ ที่อยู่หมู่บ้านเลี่ยมพิลึก หลายคนอาจจะรู้จัก หรือไม่รู้จัก เพราะหมู่บ้านนี้เป็นหมู่บ้านเล็กๆไม่ต่างจากบ้านเก่าข้า รอบบ้านก็จะมีแต่ป่าต้นไม้ใหญ่ๆ มีฝูงหมาจิ้งจอก ที่ชอบมาขโมยไก่ชาวบ้านกิน สมัยนั้นโทรศัพท์ก็ยังไม่มีใช้ ส่วนในหนองน้ำก็จะมีบึงจระเข้ ที่พวกฝรั่งมันเอามาปล่อยทิ้งไว้ ไม่มีใครกล้าไปตกปลาแถวนั้นหรอก นี่เป็นประวัติเพียงเล็กน้อยของตัวข้า คนที่อ่านอาจจะคิดว่า ข้าจะบอกทำไมเพราะไม่สำคัญอะไร แต่ข้าอยากจะบอก
โอเค กลับมาที่เรื่องตอนต้น ข้ามีกลุ่มเพื่อน 5 คน ข้าอายุเยอะสุดในกลุ่มเป็นตัวหลักตัวนำกลุ่ม ในกลุ่ม มี ชาย 3 หญิง 2 ชายข้าขอเรียกชื่อ สมมุติ ว่า อ๊าก กับ จ๊าก และ ว๊าก หญิงข้าขอเรียกชื่อ สมมุติ ว่า ว๊าย กับ กรี๊ด
ทางถนนที่ข้าต้องผ่านไปบ้านพวก เป็นเส้นทางเล็กๆ ไม่มีไฟ ด้านข้างเป็นป่า ทึบ และ ถัดไปก็เป็นทุ่งนา และมีสะพาน พอผ่านสะพาน จะเจอ ทางโค้ง ซึ่งโค้งนี้ จะเป็นทาง 3 แพร่ง จะมีตรง และเลี้ยวซ้าย ซึ่งเป็นทางไปสู่วัดที่ชื่อว่าวัดป่าบ้านตลาด ซึ่ง ทางตรงไปก็คือ ป่าช้าบ้านตาด ที่ๆชาวบ้านเล่าว่าน่ากลัวที่สุด และสมัยนั้นผีเยอะที่สุด ข้าจะไปเล่นกับเพื่อนข้าเวลา 8.00 น. – 19.30 น. ตอนข้าไปเล่นใหม่ๆ ข้าไม่รู้ว่าบ้านข้างหน้าทางเข้าไปบ้านเพื่อนข้าใครเป็นเจ้าของ รู้แค่ว่ามีร้านก๊วยจั๊บ และ ร้านตัดผมซึ่งปิดไปแล้ว มีแค่ร้านก๊วยจั๊บ ที่เปิดบริการ ถ้วยละ 5 บาท 10 บาท เป็นบ้านไม้เก่าๆ ได้ยินว่าเจ้าของเป็นผู้หญิง รู้มาแค่นี้ ตอนนั้น ข้าชวนพวกกลุ่มข้าเล่นซ่อนหา หรือภาษาบ้านข้าก็คือ บักลี้ ตอนนั้นพวกข้าเล่นแบบ เตะขวด คนที่เป็นก็คือ จ๊าก พอเริ่มเล่น ข้าไม่รู้จะไปหลบที่ไหนก็ได้แต่ตามพวก ว๊าก อ๊าก ว๊าย กรี๊ด ไปในบ้าน จะมีบ้าน 4หลังใกล้ๆกัน พากันวิ่งหาที่หลบแถวบ้านเพื่อนของพวกกลุ่มข้า ตอนนั้นพวกนั้นพาข้าวิ่งไปหลบอยู่ในบ้านที่เป็นร้านตัดผมเก่า ซึ่งในบ้านรกมาก มืดมากด้วย มีหยากไย่ ขี้ฝุ่น แมลง หนอน ตะขาบ กิ้งกืออยู่ ข้าก็เริ่มรู้สึกขนลุกเมื่อมีลมพัดมา ข้าบอกกับพวกที่เหลือว่า ไปหลบที่อื่นกันเถอะ ข้ารู้สึกยังไงไม่รู้กับบ้านหลังนี้ ดูน่ากลัวยังไงไม่รู้ ว๊ากพูดว่า จะกลัวอะไรนี่มันเป็นบ้านน้าข้า จะกลัวอะไรวะ เคยได้ยินมั้ยที่ที่น่ากลัวที่สุดคือที่ที่ปล่อยภัยที่สุด พวกข้าก็เลยแยกย้ายกันหาที่หลบในบ้านหลังนั้น ข้ายืนคิดอยู่นาน ว่าจะหลบในบ้านหลังนี้จริงหรอหรือจะไปข้างนอก
(ข้าพิมพ์ตั้งนานเพิ่งนึกได้ว่า ตัวข้าสามารถมองเห็นสิ่งที่ไม่มีตัวตนได้ ตั้งแต่เด็กแล้ว ข้ามองเห็นผีมาไกวเปลให้ข้า และตอนนอน ข้าจะชอบนอนกอดตุ๊กตา เป็นตุ๊กตาหมีอะไรพวกนี้ มีอยู่คืนหนึ่ง ข้านอนตะแคงซ้ายอยู่ คือตอนนั้นนอนด้วยกันกับพ่อแม่ข้า 3 คนช่างอบอุ่น ข้าอายุประมาณ 7 ขวบ พอข้าหันไปจะกอดตุ๊กตาหมีสุดที่รักของข้า ข้าก็เจอตุ๊กตาตัวนึ่งซึ่งไม่เคยเห็นมาก่อน เป็นตุ๊กตาผู้หญิงคล้ายตุ๊กตาผู้บาร์บี้ หรืออะไรสักอย่างที่มันจะกระพริบตาได้ ผมสีทอง เสื้อกับกระโปรงสีชมพู ตาสีฟ้า ข้าจำได้ไม่มีวันลืม ข้าสงสัยว่ามาจากไหนจะถามพ่อกับแม่ก็หลับไปแล้ว ข้าไม่สนใจนอนพอเช้าค่อยถามแม่ก็ได้ข้านอนอยู่สักพักข้าได้ยินเสียงผู้หญิงหัวเราะ ข้าลืมตามา ข้าเห็นตุ๊กตาตัวนั้นกอดข้า ซึ่งตอนแรกที่เห็นแขนมันจะยกได้แต่พับแขนงอแขนไม่ได้ แต่สิ่งที่ข้าเจอคือมันกอดรัดตัวข้า ข้าตกใจเลยเอามันออก มันไม่ออก และได้ยินเสียงหัวเราะคิกๆ ตอนนั้นข้าเริ่มกลัวแล้ว แล้วพอเอาออกมาได้ข้ามองไปที่ตามันเห็นมันกระพริบตาใส่ข้า แล้วมันก็ยิ้มให้ข้า ข้าตกใจผลักมันออก แล้วก็ร้องไห้ จนแม่กับพ่อตื่นมาถามว่าเป็นอะไร ข้าบอกว่ากลัวผีหลอก พ่อถามไหนผี ข้าชี้ไปทางตุ๊กตาตัวนั้น ว่าตุ๊กตาผี แม่มันมาหลอกหนู ฮื่อออออ พ่อมองไปก็ไม่เจอมันพอข้าหันไปดูมันก็หายไปแล้ว หลังจากนั้น พ่อกับแม่ก็ได้พาข้าไปหาหลวง ปู่อ่อนสา สุขกาโร เจ้าอาวาดวัดชุมพลพัฒนาราม หรืออีกชื่อว่าวัดบ้านหนองใหญ่ คงจะมีคนรู้จักนะ ครอบครัวข้าเป็นญาติหลวงปู่ ซึ่งตอนนี้ท่านมรณภาพแล้ว ข้าเป็นหลานแท้ๆ ของหลวงปู่ หลวงปู่ก็เป่าให้ข้าจากนั้นก็ไม่มีผีตนไหนมาทำอะไรข้าได้อีกเลย )
กลับมาที่เรื่องเดิม ขออภัยจริงๆเพิ่งนึกได้ ขอกราบทุกท่านผู้อ่าน ณ ที่นี้ด้วย หลังจากข้ายืนคิดอยู่ข้าได้ยินเสียงไอ้จ๊าก มันย่องมา ข้าไปเห็นเสื้อมันนอกกำแพงบ้าน ข้าหันกลับมาไม่เจอพวกที่เหลือแล้วข้าจึงวิ่งหาที่หลบในบ้านข้าได้ไปหลบในห้องห้องหนึ่งซึ่งข้าไม่รู้ว่าห้องอะไรมันมืดมากแต่ก็ยังพอมองเห็นรางๆ เพราะหลังคามันเป็นรู หลังคาสังกะสีอ่ะนะ แดดมันส่องๆ ลงมาตามรู ข้าหลบอยู่นั้นนานได้ 10 นาที ในห้องนั้นเงียบมาก แม้แต่เสียงลมยังไม่มีเลย ข้าบังเอิญหันไปเห็น เงาๆหนึ่งผ่านข้าไป กายข้าเย็นวูบ ข้ารู้สึกแปลกๆกับบ้านหลังนี้ ข้าเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่านี้มันใช่บ้านคนจริงๆหรอ ข้าได้ยินเสียงคนเดินอยู่ด้านหลังกำแพงของอีกห้อง และข้าเห็นเงาของใครไม่รู้ สูงเพรียวยืนอยู่หน้าประตู ข้าเริ่มรู้แล้วว่าบ้านหลังนี้มันไม่ใช่บ้านคน ข้าวิ่งลืมความกลัวเรียกความกล้าวิ่งทะลุเงานั้นออกมา พอข้าออกมาได้ ข้าเห็นพวกนั้นยืนทำหน้าตาตกใจ แล้วก็ถามข้าว่าข้าหายไปไหนมาตั้งหลาย ชม. ตามหาก็หาไม่เจอ ข้าเลยบอกว่าข้าไปหลบในที่นี้นะ ผู้ใหญ่เลยบอกว่า บ้านหลังนี้เจ้าของบ้านตาย ไม่ทราบสาเหตุ อีกคนก็เล่าว่า โดนผีหักคอ บางก็บอกผีเข้า ถูกโจรฆ่า ผูกคอตายบ้างจนไม่รู้อันไหนคือเรื่องจริงเรื่องโกหก แต่ที่แน่ๆข้าได้พบกับเจ้าของบ้านแล้ว (ขออภัยใน ณ ที่นี้ด้วยนำเรื่องของท่านมาเล่า และจะมีต่อ) พอข้ากลับบ้าน ข้าปั่นจักรยานกลับ ตอนนั้น 6 โมงเย็นจะทุ่มแล้วฟ้าก็เริ่มมืดข้าจึงขอลากลับบ้านเพราะไฟไม่มีกลัวจะมองทางไม่เห็นแล้วทางมันก็อันตราย และเปลี่ยวมากๆ ขากลับข้าปั่นไปเรื่อยๆจนมืดมองไม่เห็นทางแล้ว พ่อข้าสอนข้าว่าเวลามืดให้ก้มมองพื้นหลับตานับ1-20ในใจช้าๆ พอลืมตาห้ามมองขึ้นฟ้ามองแค่ทางข้างหน้า พอข้าทำตามคำสอนพ่อ ข้ามองทางข้าก็กลับมามองเห็นถนนอีกครั้ง มันมีแสงคล้ายๆแสงไฟอ่อนๆ อยู่ได้ประมาณ 3 นาทีก็จะมืด ก่อนจะมืดอีกครั้งตอนนั้นข้ามองไปป่าด้านข้างฝั่งขวามือข้าเห็นเงาหนึ่งจับตามองมาที่ข้า ตาสีส้ม ข้าไม่รู้คืออะไรแล้วมันก็หายเข้าป่าไปแล้วข้าก็เริ่มมองไม่เห็นทางอีกแล้ว ข้ากลั้นใจ จอดแล้วทำมันอีกครั้ง พอลืมตา ข้ารีบปั่นเร่งความเร็วกลับบ้าน จนมาถึงหมู่บ้านใหม่ข้า ทางไปบ้านข้าไม่ค่อยมีบ้านคน ข้าปั่นผ่านวัดในหมู่บ้าน ด้านข้างเป็นป่าโล่ง ข้าได้ยินเสียงหมาหอนไล่ตามมาข้างหลังข้า ข้ารู้สึกขนลุกทั้งร่างกาย ข้ารีบปั่น แต่ข้าอ่อนล้าไปหมดแล้วเพราะทางมันไกล ไม่ใช่ใกล้ๆ กว่าจะถึงบ้าน และก็ผ่านบ้านป้าที่เคยอยู่หมู่บ้านเดียวกันตามมาปลูกบ้านที่นี้ และตรงไปอีกจะเป็น 3 แยก ตรงไปคือป่าอ้อย พ่อบอกห้ามไปตอนกลางคืน ข้าก็ไม่ถามว่าทำไมข้าก็ไม่ไป เลี้ยวขวาคือทางไปบ้านข้า ทางใกล้ถึงบ้านข้าอยากจะบอกว่ามีแต่ป่าทั้งนั้น ถนนบ้านข้าเป็นถนนดินทราย ปั่นมาเร็วๆก็ล้มแค่นั้นแหละ หรือไม่ก็ปั่นไม่ไปเพราะจมทรายต้องยกหรือจูงเดินไป พอจะถึงทางเข้าบ้านข้า จะมีป่าที่เป็นคล้ายๆอุโมงค์ ถ้าเดินเข้าไปจะไปทะลุอีกฝั่งนึงนั้นก็คือป่าอ้อย ข้าได้ยินเสียงหมาจิ้งจอกร้อง ข้ารีบปั่นเข้าไปจอดในบ้านและรีบขึ้นบ้านทันที พอถึงบ้านตอนนั้นเวลา 19.40 กว่า มั้งนะ ตอนนั้นดูนาฬิกาแบบแอนะล็อกไม่เป็น ข้าปวดท้องข้าไปเข้าห้องน้ำพร้อมกับจะอาบน้ำด้วย ห้องน้ำบ้านใหม่ข้า จะอยู่ห่างจากตัวบ้านข้าประมาณ 10 เมตร บ้านข้าเป็นบ้านไม้ ฝาผนังจะเอาไม้อัดแผ่นใหญ่มาทำเป็นที่กั้น ข้าเสียบปลั๊กห้องน้ำ หรือปลั๊กไฟนั้นแหละ เวลาข้าเข้าห้องน้ำข้าเป็นคนขี้กลัว ข้าจะไม่ชอบล็อกห้องน้ำจะเปิดแบบให้เห็นข้างนอกห้องน้ำเป็นช่องสี่เหลี่ยมผืนผ้าตั้งยาว คงรู้สินะ แล้วกำแพงห้องน้ำจะมีช่องสี่เหลี่ยมวงรีรอบด้านฝั่งละ 4 รู ขณะที่ข้าอี้อยู่ (ขอประทานอภัยท่านที่กำลังรับประทานอาหารอยู่) ข้ารู้สึกได้ยินเสียงลมพัดและใบไม้สั่น แล้วข้าก็ได้ยินเสียงคนเดินข้างๆห้องน้ำ ข้าลองยืนแอบส่องดูเห็นแววตาสีแดงเล็กๆ ข้ารีบนั่งอี้ต่อ รีบเบ่งเต็มที่ อ่อลืมบอกเวลาข้าเข้าห้องน้ำข้าจะชอบให้แม่มายืนเฝ้า ตอนนั้นแม่ไม่ว่าง แม่บอกเดี๋ยวจะตามลงไปเฝ้า เสียงฝีเท้าก้าวเดินมาจนจะถึงประตูห้องน้ำ ตอนนั้นข้าคิดว่าสงสัยแม่มาแล้ว เพราะแม่ชอบไปยืนเฝ้าตรงนั้น ข้าได้ยินเสียงแม่เรียกถามข้าว่าเสร็จยังขอเข้าไปข้างในได้มั้ยแม่ปวดสี่ เดี๋ยวแม่จะอาบน้ำถูสบู่ให้ ข้าไม่ตอบ ข้าเงียบ เพราะพ่อข้าบอกว่าเวลาเข้าห้องน้ำเวลามีคนเรียกอย่าตอบรับ ถ้าไม่เห็นตัว ข้าเงียบต่อไป แล้วก็ได้ยินเสียงแม่ ตะโกนเรียกชื่อข้า เสียงเริ่มรุนแรงขึ้น ข้าเริ่มกลัว แล้วว่าใช่แม่เราหรอที่อยู่ข้างนอกห้องน้ำนั้น เสียงเริ่มเหมือนคนโมโหขึ้นเรื่อยๆ แล้วก็ปิดประตูดังปัง ประตูห้องน้ำข้าเป็นสังกะสี ตอกกับไม้ ล็อกจากในและข้างนอกได้ ข้าตกใจมากรีบล้างก้นแล้วแต่ไม่ได้ล้างมือที่ล้างก้นและไม่ได้ราดน้ำด้วย ข้าผลักประตูแก้ผ้าวิ่งขึ้นบ้าน เห็นแม่นั่งดูทีวี ตอนนั้นพ่อไปล่าสัตว์ ยังไม่กลับ ข้าถามแม่ว่า แม่เมื่อกี้แม่ได้ลงไปข้างล่างมั้ย แม่บอกว่า แม่นั่งดูทีวีรอพ่อกลับมาอยู่นี่ไม่ได้ไปไหนนะ แม่ถามว่าทำไม เลยเล่าให้แม่ฟังแม่ก็กลัวเลย ปิดทีวีล็อกหน้าบ้าน ไปเฝ้าข้าอาบน้ำ จากนั้นพ่อก็มา ก็เล่าให้พ่อฟังพ่อก็หัวเราะ ก็เดินขึ้นบ้านไป ค่ำคืนนั้นข้ารีบนอนเลย เพราะกลัวมาก
(ขอค้างไว้ก่อน ง่วงนอน เดี๋ยวกลับมาเล่าต่อนะ)