[๘๔๔] บรรดาธรรมเหล่านั้น นามธรรม เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า
นามธรรม.
รูปธรรม เป็นไฉน?
มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นั้น นี้เรียกว่า รูปธรรม.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=7290&Z=7582
แต่ปัญหา ก็คือ ในปฏิจจสมุปบาท บอกว่า รูปนาม เป็นธรรมที่มีเหตุมีปัจจัย
ซึ่ง พระอภิธรรม ในอีกส่วนหนึ่งก็บอกเช่นนั้น ครับท่าน
[๗๐๑] ธรรมมีปัจจัย เป็นไฉน?
ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า
ธรรมมีปัจจัย.
ธรรมไม่มีปัจจัย เป็นไฉน?
อสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่มีปัจจัย.
[๗๐๒] ธรรมเป็นสังขตะ เป็นไฉน?
ธรรมที่มีปัจจัยเหล่านั้นอันใดเล่า ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นสังขตะ.
ธรรมเป็นอสังขตะ นั้น เป็นไฉน?
ธรรมที่ไม่มีปัจจัยนั้นอันใดเล่า ธรรมนั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นอสังขตะ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=6042&Z=6260
ในอีกที่หนึ่ง พระอภิธรรม ก็บอกว่า อสังขตธาตุ ไม่ใช่ จิต ไม่ใช่ เจตสิก น่ะครับ
[๗๖๗] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.
ธรรมไม่เป็นจิต เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์, รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรม
เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นจิต.
[๗๖๘] ธรรมเป็นเจตสิก เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นเจตสิก.
ธรรมไม่เป็นเจตสิก เป็นไฉน?
จิต รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเจตสิก.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=6742&Z=6822
สรุปก็คือ พระอภิธรรม ท่านบอกว่า อสังขตธาตุ ไม่ใช่ จิต ไม่ใช่เจตสิก แต่เป็นนาม น่ะครับท่าน
จริงเท็จเป็นประการใด ?
และเหตุผลที่แท้จริง คืออะไร ?
ท่านใดที่เชี่ยวชาญอภิธรรม ช่วยอธิบายด้วยเถิดครับ
ขอบพระคุณครับท่าน
พระอภิธรรม บอกว่า อสังขตธาตุ เป็น นามธรรม อะไรคือเหตุผลให้กล่าวเช่นนั้นครับท่าน ?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ และอสังขตธาตุ นี้เรียกว่า
นามธรรม.
รูปธรรม เป็นไฉน?
มหาภูตรูป ๔ และรูปที่อาศัยมหาภูตรูป ๔ นั้น นี้เรียกว่า รูปธรรม.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=7290&Z=7582
แต่ปัญหา ก็คือ ในปฏิจจสมุปบาท บอกว่า รูปนาม เป็นธรรมที่มีเหตุมีปัจจัย
ซึ่ง พระอภิธรรม ในอีกส่วนหนึ่งก็บอกเช่นนั้น ครับท่าน
[๗๐๑] ธรรมมีปัจจัย เป็นไฉน?
ขันธ์ ๕ คือ รูปขันธ์ เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ วิญญาณขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า
ธรรมมีปัจจัย.
ธรรมไม่มีปัจจัย เป็นไฉน?
อสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่มีปัจจัย.
[๗๐๒] ธรรมเป็นสังขตะ เป็นไฉน?
ธรรมที่มีปัจจัยเหล่านั้นอันใดเล่า ธรรมเหล่านั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นสังขตะ.
ธรรมเป็นอสังขตะ นั้น เป็นไฉน?
ธรรมที่ไม่มีปัจจัยนั้นอันใดเล่า ธรรมนั้นนั่นแหละชื่อว่า ธรรมเป็นอสังขตะ.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=6042&Z=6260
ในอีกที่หนึ่ง พระอภิธรรม ก็บอกว่า อสังขตธาตุ ไม่ใช่ จิต ไม่ใช่ เจตสิก น่ะครับ
[๗๖๗] ธรรมเป็นจิต เป็นไฉน?
จักขุวิญญาณ โสตวิญญาณ ฆานวิญญาณ ชิวหาวิญญาณ กายวิญญาณ มโนธาตุ
มโนวิญญาณธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นจิต.
ธรรมไม่เป็นจิต เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์, รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรม
เหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นจิต.
[๗๖๘] ธรรมเป็นเจตสิก เป็นไฉน?
เวทนาขันธ์ สัญญาขันธ์ สังขารขันธ์ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมเป็นเจตสิก.
ธรรมไม่เป็นเจตสิก เป็นไฉน?
จิต รูปทั้งหมด และอสังขตธาตุ สภาวธรรมเหล่านี้ชื่อว่า ธรรมไม่เป็นเจตสิก.
http://www.84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=34&A=6742&Z=6822
สรุปก็คือ พระอภิธรรม ท่านบอกว่า อสังขตธาตุ ไม่ใช่ จิต ไม่ใช่เจตสิก แต่เป็นนาม น่ะครับท่าน
จริงเท็จเป็นประการใด ?
และเหตุผลที่แท้จริง คืออะไร ?
ท่านใดที่เชี่ยวชาญอภิธรรม ช่วยอธิบายด้วยเถิดครับ
ขอบพระคุณครับท่าน