เรือรบหลวง บรรทุกเครื่องบิน ลำเดียวของไทย จอดทำไม ?

กระทู้คำถาม
คือสงสัยคับ เค้าจอดทั้งปีเลยหรอครับ แล้วเครื่องบินประจำการยังใช้งานได้ไหมครับ เค้าไม่มีภารกิจแบบต้องออกไปข้างนอกบ้างเลยหรอคับ
ถ้าเป็นแบบนั้น แล้วมันยังมีประโยชน์ในด้านอื่นบ้างไหมครับ หรือกลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวโดยถาวรไปแล้ว
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
เครื่องบิน ปลดประจำการหมดแล้ว ตอนนี้ใช้แต่ ฮ เป็นหลักออกทะเลบ้างตามภารกิจ
แต่ ค่าใช้จ่ายการออกเรือรอบหนึ่งก็หนักที่สุดเพราะเป็นเรือใหญ่ที่สุดของไทย
ไม่ว่าจะค่าน้ำมัน ค่าเบี้ยเลี้ยง ค่าอาหาร ค่าซ่อมบำรุง

ภารกิจหลักๆ ก็คือช่วยกู้ภัย ออกฝึกตามรอบ แหล่งท่องเที่ยวมันเป็นออฟชั่นเสริม
แต่เผอิญเราได้เรือมาช่วงต้มยำกุ้งงบกองทัพโดนตัดเหี้ยน เลยต้องจอดมากกว่า
ออกทะเล

ถ้าเกิด มีเหตุการณ์ให้ต้องใช้ เรือจักรีในการรบจริงนั่นหมายถึง สงครามระดับวัดชะตากรรมของประเทศแล้ว
และแน่นอน ฉายาแม่เหล็กดูดกระสุน ไม่ใช่ตั้งลอยๆแน่ๆ คุณอยากได้มีโอกาสประโยชน์ด้านนี้ไหมละ
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 9
ไม่มีเรื่องให้ออกก็ดีอยู่แล้วครับ  จะออกก็มีอยู่สองอย่าง 1 คือซ้อม 2.คือมีเรื่อง  มีสงคราม มีภัยพิบัติ  ถ้าแบบข้อ 1. ก็ใช้งบประมาณ ถ้าแบบ ข้อ 2. ก็หายนะ  

      ก็เหมือนกับ ซื้อรถดับเพลิงมา เป็นพันคันทั่วประเทศ จอดทำไม ? ทำไมไม่เอาออกไปวิ่ง บ้าง  !!!!!
ความคิดเห็นที่ 17
เวลา ทร.เอาเรือออกไปฝึกภาคทะเลปีละ 3-4 ครั้งก็ไม่ไปดู ไปดูตอนเขาเอาเรือเข้าจอดฝั่ง มันก็ไม่เห็นนะสิ เฮ้อ....!!!
ความคิดเห็นที่ 52


ตอนน้ำท่วมเกาะเต่าเรือลำอื่นเข้าไปช่วยไม่ได้ น้ำจืดใกล้หมด นักท่องเที่ยวต่างชาติติดค้างจำนวนมาก รุ่งสาง ก็มีเรือจักรีนี่แหล่ะมาปรากฎตัวอยู่หน้าเกาะพร้อมปล่อยเรือและฮ.ออกมาลำเลียงนักท่องเที่ยว คนไทย ฝรั่งจีน เฮกันลั่น ตูรอดแล้ว
ความคิดเห็นที่ 40
มันมีไว้ใช้ตอนมีสงครามครับ ซึ่งเราก็ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นตอนไหน แต่ไม่เกิดก็ดีแล้วครับ...  
       เรือหลวงจักรีนฤเบศร ไม่เกิดจากการที่เราซื้อมาเพื่อป้องกันสงครามนะครับ แต่เกิดขึ้นในสมัยฟองสบู่ พลเอก ชาติชาย ชุณหะวัณ (2533) บางคนยังไม่เกิดเลยด้วยซ้ำ 25 ปีที่แล้วครับ และสาเหตุที่ซื้อมาจากการที่เราต้องการช่วยเหลือผู้ประสบภัยทางทะเล จากเหตุการณ์ พ.ศ. 2532 ได้เกิดพายุไต้ฝุ่นเกย์ในอ่าวไทยบริเวณจังหวัดชุมพร  ซึ่งจากสาเหตุนี้เราต้องการเรือขนาดใหญ่ที่ทนกับกระแสน้ำได้ และต้องมีฐานจอด ฮ
       เรือได้มีการลงนามสั่งซื้อเมื่อวันที่ พ.ศ 2535 สมัย อานันท์ ปันยารชุน  ซึ่งเมื่อเทียบกับปัจจุบันเป็นเทคโนโลยีสมัย 23 ปีที่แล้วนะครับ แล้วใช้เวลาสร้างทั้งหมด 5 ปีครับ   และถ้ามองในมุมของการป้องกันประเทศ เราสั่งซื้อเรือบรรทุกเครื่องฮหลังจากจบสงครามเวียดนาม 17 ปีครับ หรือถ้าใกล้ตัวกว่านั้นคือ ก่อนเวียดนามกับอเมริกาจะเริ่มกลับมาเจรจาทางการทูต 5 ปีครับ

*** อาวุธและอากาศยาน*** th.wikipedia.org      
      เรือหลวงจักรีนฤเบศรติดตั้งอาวุธปืน 20 มม. จำนวน 4 แท่นยิง[9] และอาวุธปล่อยนำวิถีป้องกันตนเองระยะประชิดชนิดพื้นสู่อากาศแบบแซดเรล (SADRAL) 3 แท่นยิง ใช้ลูกอาวุธปล่อยเป็นจรวดนำวิถีมิสทราล (Mistral) ซึ่งเป็นแบบนำวิถีเข้าสู่เป้าด้วยตนเอง[3][10][11]อาวุธปล่อยนำวิถีถูกติดตั้งตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544[3] นอกจากนี้ยังสามารถติดตั้งระบบปล่อยอาวุธทางดิ่ง Mark 41 แบบ 8 ท่อยิงสำหรับยิงจรวดซีสแปร์โรว (Sea Sparrow) และระบบป้องกันระยะประชิดฟารังซ์ (Phalanx) อีก 4 แท่นยิง[4]

เมื่อเข้าประจำการ เรือหลวงจักรีนฤเบศรได้รับเครื่องฮ็อคเกอร์-ซิดเดลี่ย์ แฮริเออร์ เอวี-8เอส (ที่นั่งเดี่ยว) และ ทีเอวี-8เอส (สองที่นั่ง) มือสองจากกองทัพเรือสเปนเข้าประจำการจำนวน 9 ลำ ปัจจุบันประสบปัญหาการดูแลรักษาและขาดแคลนอะไหล่ ปลดประจำการหมดแล้วทั้ง 9 ลำ[12] และยังมีเฮลิคอปเตอร์ซี ฮอร์ก เอส-70บี จำนวน 6 เครื่อง[9][8][13][10] เรือหลวงจักรีนฤเบศรมีความสามารถบรรทุกเฮลิคอปเตอร์ 14 ลำ เช่น ไซคอร์สกี ซี คิง, ไซคอร์สกี เอส-76 และ ซีเอช-47 ชีนุก[8] หรือเครื่องบินขึ้นลงทางดิ่ง 12 ลำ[14] มีโรงเก็บขนาด 2,125 ตารางเมตร[14]สามารถเก็บอากาศยานได้ 10 ลำ[3][10] มีดาดฟ้าบินขนาด 174.6 กว้าง 27.5 เมตร[3] และมีสถานีรับ-ส่งน้ำมันเชื้อเพลิงและสถานีจ่ายกระแสไฟฟ้าไว้บริการแก่อากาศยานที่นำเครื่องจอดลงบนดาดฟ้า ซึ่งดาดฟ้าบินนี้สามารถรับ-ส่งเฮลิคอปเตอร์ได้ทุกประเภท โดยน้ำหนักวิ่งขึ้นสูงสุดระหว่าง 7,000-136,000 กิโลกรัม กรณีเป็นเฮลิคอปเตอร์ขนาดใหญ่เช่น ชีนุก สามารถรับส่งได้ที่จุดรับ-ส่งที่ 4 เท่านั้น โดยการรับ-ส่งเฮลิคอปเตอร์นั้นสามารถรับ-ส่งได้ 5 เครื่องพร้อมกัน[14] มีสกีจั๊ม 12° สำหรับให้เครื่องแฮริเออร์ขึ้นบิน[3] มีลิฟท์สำหรับอากาศยาน 2 ตัวแต่ละตัวรับน้ำหนักได้ 20 ตัน[3] และมีลิฟต์ลำเลียงสรรพาวุธอีก 2 ตัว[14]
**********************

ถ้าเรามองย้อนกลับไปสมัยนั้น ก็ไม่น่าแปลกใจเลยครับว่าทำไมเราจำเป็นต้องมีเรือลำนี้ครับ เทคโนโลยีตอนนั้นกับตอนนี้ต่างกันมากครับ
. ความคิดเห็นส่วนตัวนะครับ ผมคิดว่ามีหลายๆท่านกำลังจะโยงเรื่องเรือลำนี้กับเรือดำน้ำเข้าด้วยกันครับ ซึ่งต้องมองแยกกันะครับถึงสาเหตุและความจำเป็นในช่วงเวลานั้น
. และถ้ามองในด้านของการป้องกันประเทศครับ ถ้าวันใดมีสงครามคุณไม่สามารถจ่ายเงินแล้วซื้อของพวกนี้ได้ทันทีแบบบริการส่งถึงบ้านนะครับ บางหน่วยต้องได้รับการฝึกฝนอย่างต่อเนื่องครับ เช่นหน่วยงานที่เกี่ยวกับเรือดำน้ำของไทย ถ้าผมจำไม่ผิดบางคนเกษียณอายุราชการไปหลายปีแล้วก็มีนะครับ โดยที่ไม่เคยมีเรือดำน้ำจริงๆให้ฝึกเลย
. และถ้าเรามองเรื่องเรือดำน้ำ ก็อยากให้ช่วยมองในมุมของความเป็นจริง ไม่ใช่มุมที่อิงการเมืองนะครับ เช่น เงินจำนวนเท่านี้เอาไปทำอะไรได้บ้าง ถ้าเราไม่ซื้อเรือดำน้ำ  แต่หลายๆคนก็ยังไม่รู้เลยว่าเงินจำนวนนี้มาจากการจัดสรรเงินจากหน่วยราชการไหน และเป็นการแบ่งจ่ายหรือซื้อทีเดียว ซึ่งถ้าผมจำไม่ผิดเงินจำนวนนี้จะเป็นการจ่ายในรูปแบบของการแบ่งจ่ายครับ ซึ่งไม่เกิดในรัฐบาลเดียวแน่นอนครับ หรือภายใน 5-10 ปีนี้ ก็ยังคงต้องแบ่งจ่ายนะครับ ดังนั้นไม่น่าจะโกงได้ทั้งก้อนครับ   และในอดีตผมเชื่อว่ากองทัพเรือเราน่าจะเป็นกองทัพเดียวในประเทศที่การซื้อของอิงกับสภาพการใช้งานมากและความจำเป็นมากที่สุดครับ   ไม่มีใครอยากซื้อมาเพื่อจะทำให้งบประมาณในแต่ละปีของกองทัพน้อยลงหรอกครับ และผบ.ทร ก็น่าจะเกษียณอายุราชการไปหลายคนแล้ว กว่าที่เราจะได้จ่ายเงินครับครับ (ถ้าจำไม่ผิดอีกเงินจำนวนนี้มาจากงบประมาณกองทัพเรือที่แบ่งมาจ่ายในแต่ละปีครับ)
ความคิดเห็นที่ 1
เดี๋ยวจะมีเรือดำน้ำมาจอดคู่กัน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่