* * * * ขอความเห็นเพื่อนๆเรื่องเศรษฐกิจค่ะ .... (เพชรน้ำนิล) * * * *

กระทู้คำถาม
ดอกไม้ดอกไม้ดอกไม้


ช่วงนี้การพูดคุยกันในกลุ่มไลน์ มักจะเป็นการคุยปรับทุกข์กันเรื่องเศรษฐกิจ คนหนึ่งปรับทุกข์เรื่องเค้าถูกบริษัทจ้างให้ออกจากงานเนื่องจากผลประกอบการของบริษัทติดลบติดต่อกันมาหลายเดือน และบริษัทไม่สามารถประคองกิจการต่อไปได้อีก จึงค่อยๆปลดพนักงานออก และได้ถามเพื่อนๆในกลุ่มว่าใครพอมีลู่ทางหรือแนะนำงานให้ได้บ้าง


ส่วนเพื่อนอีกคนหนึ่งเธอเป็นเด็กนักเรียนอังกฤษ ลูกสาวนายพลทหารซึ่งปลดเกษียณ เธอเปิดบริษัท รปภ.เอง ก่อนหน้านั้นธุรกิจไปได้สวย ฟู่ฟ่ามาก แต่เมื่อคืนเธอสารภาพว่า เธอคงต้องปิดบริษัทในไม่ช้านี้ เพราะลูกค้ารายใหญ่ของเธอหลายรายไม่ยอมชำระหนี้ และ หนีหนี้ไปดื้อๆ ส่วนรายย่อยๆก็ดึงดีลลากยาวไปเรื่อยๆ จากเดือน เป็น สองเดือน สามเดือน และ สุดท้ายก็บอกเธอว่าไม่มีจ่าย อีกทั้งพนักงานบัญชีก็ยักยอกเงินบริษัทเองอีกต่างหาก จนเธอบอกว่าไม่ไหวแล้ว... เหนื่อย !

พี่อีกคนเป็นเจ้าของบริษัททำธุรกิจเกี่ยวกับนิตยสารและเวปไซต์โฆษณามาเกือบ 20 ปีในเชียงใหม่ เป็นนิตยสารไกด์บุค Free Copy นิตยสารของพี่เค้าแตกไลน์ออกมาหลายเล่มหลายสไตล์ แต่ตอนนี้ลดเหลืออยู่เพียงแค่ 4 เล่ม แต่ละเล่ม AD.ลดลงเยอะมาก ตอนแรกพี่คนนี้ยังไว้ฟอร์ม ไม่กล้าบอกเพือนๆในไลน์ แต่พอมีคนขอให้พี่เค้าช่วยรับเพื่อนคนที่เป็นเซลล์ไปทำงานด้วย พี่เค้าถึงได้เปิดเผยว่า ตัวพี่เองก็ทุลักทุเลพอสมควรในตอนนี้ แค่พนักงานในบริษัทไม่ถึง 20 คนที่ต้องดูแลและประคับประคองกันไปนี่ก็ไม่รู้ว่าจะไปรอดถึงซักกี่น้ำ (พี่เค้าบอกอย่างงั้น)

หันมามองตัวเองบ้าง เมื่อวานนี้ราคาขี้ยางตก กก. ละ 29 .50 บาท ขายตันหนึ่งได้ 29,500 บาท แบ่งคนละครึ่งกับคนกรีดได้คนละ 14,750 บาท (ตอนนี้ราคายางไม่ดี ค่าจ้างกรีดยางจึงเป็น 50 : 50 ) ฝนแล้งแบบนี้สวนยางก็แห้งอีกหน่อยก็กรีดยางไม่ได้เพราะจะเป็นการรีดน้ำยางเกินไป เดี๋ยวอีกหน่อยต้นยางจะตายเสียเปล่าๆ

ฝนก็แล้งน้ำในบ่อก็แห้งและร้อน จขกท. ยังเอาลูกปลาที่จะเลี้ยงชุดใหม่มาลงบ่อไม่ได้ ไม่งั้นตายหมด ข้าวในนาที่หว่านรอฝน ก็ยังไม่มีทีท่าว่าฝนจะตกแต่อย่างใด ปกติทำนาดำแม้ฝนทิ้งช่วงก็ยังสามารถสูบน้ำจากบ่อขึ้นมาใส่นาได้ แต่ปีนี้ทดลองทำนาหว่านแบบตกกระไดพลอยโจนเพราะฝนแล้งผิดปกติ จึงไม่ได้เตรียมการเรื่องระบบน้ำสำหรับทำนาหว่าน ก็คงต้องรอฝนอย่างเดียว ถ้าฝนไม่ตกก็เจ๊งบ๊งกันตั้งแต่หัวปีกันทั้งตำบลอะแหละ

ครอบครัวของ จขกท. ตอนนี้ก็ต้องประหยัดในการใช้จ่าย จะซื้อจะใช้เงินต้องคิดแล้วคิดอีก น้องชายเป็นสัตวแพทย์ เปิดคลีนิคตอนกลางวัน ส่วนตอนกลางคืน ต้องไปฝึกกรีดยาง เพราะวางแผนไว้ว่าปีหน้าเราจะกรีดยางเอง ไม่อย่างนั้นต้องมานั่งจ่ายค่าจ้างกรีดยาง 50 % อย่างนี้ เราไม่ไหวอะ  และกำลังจะทำบ่อเลี้ยงกบขายลูกฮวก (ลูกอ๊อด) กับเลี้ยงไก่ไข่ เป็นการเกษตรระยะสั้น เพื่อหาเงินมาใช้จ่ายหมุนเวียนในครัวเรือนในช่วงเศรษฐกิจย่ำแย่แบบนี้

.... เฮ้อ ! มองไปทางไหนก็ตีบตันไปหมด ชาวไร่ชาวนาไม่มีเงิน  พนักงานบริษัทถูกปลดออกจากงาน เจ้าของธุรกิจขาดสภาพคล่อง ธุรกิจส่งออกเดี้ยง ท่องเที่ยวเงียบเหงาเป็นป่าช้า ธุรกิจบริการที่เกี่ยวข้องก็ง่อยตามไปด้วย นักลงทุนขาดความเชื่อมั่นหอบเงินหนีไปลงทุนประเทศอื่น  รัฐบาลก็ยังกู้เงินหรือไปเชิญใครให้มาลงทุนในเมกกะโปรเจคยังไม่ได้  แล้วเราจะเป็นยังไงคะ ?

อยากถามเพื่อนสมาชิกว่า ท่านเป็นยังไงกันบ้าง สบายดีรึป่าว ธุรกิจ การงาน ได้รับผลกระทบมากน้อยยังไงบ้างคะ ? มีแนวทางรับมือกับปัญหายังไง ปรับตัวกันยังไงบ้าง ? ใครมีประสบการณ์ประสบผลสำเร็จในการทำธุรกิจหรือฝ่าอุปสรรค์ปัญหาต่างๆมาได้จากวิกฤติเศรษฐกิจที่ผ่านมา หรือ มีคำแนะนำต่างๆ ก็เอามาแชร์เป็นวิทยาทานให้กับเพื่อนๆได้นะคะ

. . . . . . . . . . ยิ น ดี รั บ ฟั ง แ ล ะ ข อ บ คุ ณ ทุ ก ค ว า ม คิ ด เ ห็ น ค่ ะ . . . . . . . . . .



แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 43
สถานการณ์แบบนี้ อย่างแรกที่ต้องทำคือ ต้องใช้สติปัญญาในการแก้ไขปัญหา

และอยู่ในโลกของความเป็นจริง ห้ามหลอกตัวเอง



ไม่ว่าเหตุการณ์จะเป็นอย่างไร ในสังคมจะมีคนอยู่ 2 ประเภทเสมอคือ 1 พวกที่เอาตัวรอดได้

2 พวกที่ไม่สามารถผ่านวิกฤตไปได้


แนวทางสำหรับผู้เอาตัวรอดได้

1 เก็บเงินสดไว้ให้มากที่สุด เผื่อไว้ซื้อสินค้าราคาถูก หรือ สินทรัพย์ที่เป็นของร้อน

อำนาจของเงินสดจะมากที่สุดในสถานการณ์เช่นนี้

2 กรณีมีสินค้าคงคลัง ต้องหาทางลดสต็อกให้มากที่สุด เพื่อเปลี่ยนเป็นกระแสเงินสด

3 ลดและตัดรายจ่ายที่ไม่จำเป็นออก

4 ห้ามให้คนไม่คุ้นเคยยืมเงินเด็ดขาด เพราะโอกาสเป็นหนี้สูญมาก (อย่าเห็นแก่ดอกเบี้ยสูงๆ)

5 การลงทุนที่แนะนำในช่วงนี้คือ ซื้อเงินตราต่างประเทศไว้ เพราะประเทศไทยจะฟื้นตัวได้

ต้องพึ่งท่องเที่ยวและส่งออก นั่นคือ รัฐบาลต้องทำให้ บาท อ่อนมาตรการจึงจะสัมฤทธิ์ผล

การถือครองเงินสกุลต่างประเทศจึงเป็นการเพิ่มรายได้บางส่วน อีกอย่าง ปัจจัยหลายๆด้านของไทย

รวมทั้งสถานการณ์ที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น แต้ถ้าบังเอิญเกิดขึ้นกับประเทศไทย "บาท" ดิ่งเหวแน่


ป.ล เพื่อนๆลองพิจารณาดู
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 45
มาถึงผู้ที่ไม่สามารถเอาตัวรอดได้

สิ่งแรกที่ต้องทำคือ อยู่ในโลกแห่งความจริง กล้าเผชิญปัญหา อย่า อาย ที่ต้องแก้ไขปัญหา

ข้อควรทำสำหรับผู้มีปัญหา

1 อย่าหวังอะไรที่ไม่แน่นอน เช่น การเสี่ยงโชค

2 หาทางให้ได้มาซึ่งเงินสดให้เร็วที่สุด มากที่สุด อะไรที่ขายแล้วได้ราคา ตัดใจขาย

คิดเสียว่า ไม่ตายก็หาใหม่ได้

3 อย่าหลบ เจ้าหนี้ ต้องกล้าเผชิญหน้ากับเจ้าหนี้ เพื่อร่วมกันแก้ปัญหา

4 อย่าก่อหนี้ใหม่ เพื่อที่ จะกลบหนี้เก่า จะก่อหนี้ได้สำหรับการลงทุนเท่านั้น

5 หยุดจ่ายดอกเบี้ยทั้งหมด เก็บเงินสดไว้ต่อรองกับเจ้าหนี้

6 ถ้าหนี้ที่มีมันมากจริงๆ ให้ประชุมเจ้าหนี้ทั้งหมด เพื่อให้เจ้าหนี้รู้ว่า หนี้สินทั้งหมดมันมากจริงๆ

เมื่อนั้นส่วนใหญ่ เจ้าหนี้ จะเป็นฝ่ายเสนอเงื่อนไขดีๆให้เราเอง

7 ห้ามใช้เงินกู้นอกระบบเด็ดขาด เพราะคนพวกนี้มีระบบทวงหนี้ที่โหดร้าย ทั้งเป็นการเพิ่มปัญหา

ไม่ใช่แก้ปัญหา

8 ความสัมพันธ์ในครอบครัวเป็นสิ่งสำคัญ ระงับอารมณ์อย่าไประบายกับคนในครอบครัว

รักษาครอบครัวไว้ อย่าให้กลายเป็นสภาพ "บ้านแตกสาแหรกขาด"


ป.ล แนะนำคร่าวๆ เพื่อนๆลองพิจารณาดู เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดในสถานการณืนี้คือ

อย่าหลบ อย่าอาย ยอมรับความจริง ใช้สติปัญญา อย่าใช้อารมณ์ อย่าหวังลมๆแร้งๆ
ความคิดเห็นที่ 41
อย่าพูดเรื่องเศรษฐกิจเลย มองแล้วยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ เพราะไอ้คนที่ถือบังเหียนมันก็หน้าเดิม คิดแบบเดิม ทำแบบเดิม ซ้ำซาก

ถ้าเฮียแกทำงานเก่งได้ซักครึ่งของที่แกแกหปากตะโกนโหวกเหวก โวยวายเป็นคนบ้าขาดสติ เวลาใครเขาถาม สงสัย แนะนำ ติติงแล้วละก็ ... ป่านนี้คงไม่ต้องมานั่ง " บื้อ " ทำเป็นแต่ " ขึ้นภาษี " รีดเลือดกับปูเวลาที่น้ำทะเลมันกร่อยอย่างนี้หรอก

อยากบอกว่าประชาธิปไตยนะมันกินไม่ได้ก็จริง  แต่ถ้าขนาดไม่มีประชาธิปไตยแล้ว อะไร อะไรก็ยังขาดแคลน ผู้คนอดมื้อกินมื้อ รีดนาทาเร้นในเวลาเขายากลำบากเหมือนเดิมอีก ระวังเฮียจะไม่มีเวทีเหลือให้ " พล่าม " เอาง่าย ๆ นา ... หุหุหุ
ความคิดเห็นที่ 52
สภาพเศรษฐกิจ ณ ปัจจุบันนี้ กิจการเล็กๆที่ผมทำอยู่ก็ยังพอถูๆไถๆ ประคับประคองไปได้ ด้วยความพยายามดิ้นรนหากลยุทธทุกอย่างเพื่อเบียดส่วนแบ่งของตลาดที่เหลือน้อยขึ้นไปอยู่เหนือคู่แข่งให้ได้

เรื่องยอดขายยังพอใช้เทคนิคประคับประคองได้  แต่หัวใจของการขายไม่ใช่ยอดขายเพียงอย่างเดียว สิ่งสำคัญที่สุดคือการเก็บเงิน !

ขายได้ แต่เก็บเงินไม่ได้ เสียหายยิ่งกว่าไม่ได้ขายหลายเท่า

สภาพเศรษฐกิจตอนนี้สิ่งที่น่ากลัวคือเก็บเงินยาก เก็บเงินช้า และโอกาสเสี่ยงหนี้สูญมีสูงมากขึ้น สภาวะขาดสภาพคล่องของลูกค้าเป็นสิ่งน่าเป็นห่วงมากกว่ายอดขายซะอีก

แน่นอน สภาพเศรษฐกิจแบบนี้  คนที่มีเงินเย็น เงินถุงเงินถังอย่างเช่นเกี๊ยกนั้นย่อมได้เปรียบ ต่อให้ยอดขายกระทบยังไง กิจการก็สามารถยืนหยัดอยู่ได้เพราะทุนหนา  แต่บริษัทหรือกิจการที่เงินทุนหนาๆมั่นคง (หรือเรียกว่าเค้ายาว)ในประเทศนี้ผมเชื่อว่ามีไม่ถึง 30%  นอกนั้นล้วนแต่ทำธุรกิจแบบเงินหมุน ซื้อมาขายไป เงินที่ขายได้มาส่วนใหญ่ล้วนจมไปกับการซื้อสินค้ามาสต๊อค เมื่อยอดขายตก สต๊อคล้น รายได้ลด แต่รายจ่ายไม่ลด  คนที่ทำธุรกิจแบบเงินหมุน จะหมุนไปได้อีกสักกี่น้ำ ?

รู้นะว่าเหนื่อยกันทุกคน แต่ก็เห็นคนบางคนให้ความเห็นว่ายอมรับได้ถึงแม้เศรษฐกิจจะไม่ดี ขอเพียงให้บ้านเมืองสงบ  อ่านแล้วก็ได้แต่เฮ้อ สงสารประเทศไทย  อะไรๆมันก็ง่ายๆดีเนาะ  อยู่ดีๆก็ตั้งม็อบสร้างเงื่อนไขให้มันไม่สงบ เพื่อให้มันวุ่นวาย เพื่อให้คนเบื่อหน่าย แล้วก็ขี่ม้าขาวออกมาเป็นวีรบุรุษ อ้างว่ามารักษาความสงบ ทั้งๆที่มีอำนาจหน้าที่อยู่ตั้งนานแต่ไม่ทำ อมยิ้ม35
ความคิดเห็นที่ 3
ผมชอบแบบนี้นะ เงียบสงบดี เมืองไทยอุดมสมบูรณ์ ในน้ำมีปลาในนามีข้าว ไม่มีตังค์ซักบาทเด็ดตำลึงริมรั้วกินก็อยู่ได้ ดีกว่าทะเลาะกัน

หา !! อะไรนะ ค่าเน็ตยังไม่ได้จ่ายหรือเนี่ T_T
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่