ค่านิยมประการที่ 13 ที่ผมอยากให้มันเกิด และช่วยกันรณรงค์ ประทับใจคำนี้มากจากปากท่านนายกฯประยุทธ (by มาริโอ้)

จากข่าวนี้แม้เวลาจะผ่านมาเกือบยี่สิบวันแล้ว แต่ยังมีประโยคที่เป็นไฮไลท์ของข่าวที่ยังชอบและอยากให้มันเกิดขึ้นจริงๆในเรื่องการเมืองการปกครองในบ้านเรา
"ประยุทธ์ ยัน ไม่ใช้ ม.44 ปลดสุขุมพันธุ์ เพราะประชาชนเลือกเข้ามา"


ที่มาและเนื้อหาข่าวหลายๆท่านคงได้อ่านมาเกือบหมดแล้ว ผมแปะแค่ลิ้งค์ข่าวไว้ให้ครับ http://hilight.kapook.com/view/121665

ผมเห็นด้วยครับ จะได้เป็นบรรทัดฐานไว้ ดีไม่ดี ก็ค่อยว่ากันใหม่วัดจากคะแนนเสียงของประชาชนในการลงคะแนนเสียงในครั้งหน้า ไม่งั้นมันก็วุ่นวายไม่จบถ้าเราไม่มีบรรทัดฐานตรงนี้ไว้ ประเทศชาติจะวุ่นวายไม่จบสิ้น เพราะทุกๆฝ่ายก็ล้วนแต่มีกองเชียร์ที่อยากให้คนที่ตัวเองรักตัวเองชอบด้วยกันทั้งนั้น และการปลุกระดมคนเพื่อล้มล้างคนที่ประชาชนส่วนใหญ่เลือกเข้ามายังมีให้เห็นมาในสิบปีให้หลังนี้ และก็ได้ผลเกือบทุกครั้ง เล่นข้างถนนไม่ได้ก็เอาองค์กรอิสระที่ถือหางฝั่งตัวเองมาเล่นงานแทน อยากให้คำๆนี้นำไปใช้ได้กับทุกๆสนามการเลือกตั้ง โดยไม่เลือกปฏิบัติว่าจะเป็นสนามระดับไหน และยึดมั่นเป็นบรรทัดฐานหลักของสังคมไทยไปตลอดกาล

- ประธานนักเรียน เพื่อนนักเรียนก็เลือกมา
- ผู้ใหญ่บ้าน ลูกบ้านก็เลือกมา
- นายก อบต. คนในตำบลก็เลือกมา
- นายกสมาคมต่างๆ เพื่อนสมาชิกก็เลือกเข้ามา
- ผู้ว่า กทม. ประชาชนก็เลือกเข้ามา
- แล้วนายกรัฐมนตรีที่ผ่านการลงมติจากประชาชนทั้งประเทศ นี่ก็ประชาชนเลือกเข้ามาเหมือนกันครับ

คนจะดีหรือไม่ดีประชาชนเขาดูออกครับว่าจะเลือกให้มาทำงานต่อหรือว่าจะไปเลือกคนอื่น หากทำงานห่วยสมัยหน้าคนเขาก็ไม่เลือกเองครับ เพราะการบริหารประเทศมันก็เกี่ยวกับปากท้องความเป็นอยู่ของประชาชนด้วย และอยากให้กำจัดวาทะกรรมเสียงส่วนน้อยแต่มีคุณภาพกับเสียงส่วนใหญ่แต่ไม่มีคุณภาพให้มันออกไปจากสังคมไทยเสียที

สารพัดนักการเมือง อาจารย์ นักวิชาเกิน รวมไปถึงสารพัดแนวร่วมทั้งหลายแหละที่ออกมาดูถูกเสียงส่วนใหญ่ของประชาชน ผมถามจริงๆเถอะครับ คุณเป็นเทวดามาเกิดงั้นหรือ คุณไปทำนาแข่งกับชาวนาได้ไหม  คุณไปจับปลาแข่งกับชาวประมงได้ไหม  คุณไปทำกับข้าวแข่งกับพ่อครัวมืออาชีพได้ไหม คุณไปเตะฟุตบอลแข่งกับนักฟุตบอลได้ไหม  คุณไปหาเงินแข่งกับนักธุรกิจที่เขาประสบความสำเร็จได้ไหม คุณไปซ่อมรถแข่งกับช่างซ่อมได้ไหม คุณไปรักษาคนแข่งกับหมออนามัยตามบ้านนอกได้ไหม ฯลฯ มนุษย์ทุกๆคนมีคุณค่าอยู่ในตัวเองทั้งนั้น  และคนไทยทุกคนย่อมมีสิทธิ์ในการเป็นเจ้าของประเทศร่วมกัน 60 ล้านคน

และแต่ละคนมันก็ต่างล้านพ่อล้านแม่ที่อยู่ในประเทศเดียวกัน มันแปลกตรงไหนหรือที่คนจะคิดไม่เหมือนกัน และจะมีทางไหนหรือที่จะมาบริหารจัดการกับคนหกสิบล้านคนที่คิดไม่เหมือนกันได้ (แม้แต่คนในครอบครัวคุณตื่นขึ้นมายังอยากกินอะไรไม่เหมือนกันเลย)  นั่นก็คือการสร้างระบอบประชาธิปไตยไว้ และสิ่งที่สำคัญที่สุดที่เราขาดการปลูกฝังมาเป็นเวลานานมากแล้วคือการเคารพในผลการตัดสินของเสียงส่วนใหญ่ เคารพในเสียงส่วนใหญ่ของประเทศที่เขาต้องการคนไหนมาบริหารประเทศของเขา ดีไม่ดีก็ค่อยมาว่ากันใหม่ในครั้งหน้า และอย่าคิดว่าประเทศนี้มันมีแต่แดง เหลือง หริ่ม แล้วพวกคุณเอาพลังเงียบที่เขาพร้อมจะเลือกคนที่เขามั่นใจว่าบริหารประเทศของเขาได้ไปไว้ที่ไหน พลังเงียบเหล่านี้คือคนส่วนใหญ่ของประเทศที่แท้จริงเสียด้วยซ้ำ

เป็นเรื่องที่น่าแปลกอีกอย่างนั่นคือกลุ่มมวลชนที่ชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อก่อนเป็นกลุ่มที่เรียกร้องและโหยหาประชาธิปไตยมาก ตั้งแต่สมัยที่คุณชวน หลีกภัย ลงเลือกตั้งชนะหลังจากเหตุการณ์พฤษภาทมิฬ คุณชวนชนะได้เป็นนายกฯ(อันนี้ผมขอชื่นชมและยินดีด้วยใจจริง) สมัยต่อมาก็มาแพ้บรรหาร แพ้ชวลิต ต่อมาใช้กลไกรัฐสภาเอางูเห่ามาพันคอเพื่อกลับมาเป็นนายกฯอีกรอบ คราวนี้อุดมการณ์ประชาธิปไตยเริ่มเป๋แล้ว พอหมดสมัยเลือกตั้งแพ้ทักษิณ รอจนทักษิณยุบสภาแล้วเลือกตั้งใหม่ คราวนี้แพ้ทักษิณหนักกว่าเดิมชนิดยับเยิน ประชาธิปตงธิปไตยชักจะเริ่มไม่มีอยู่ในหัวแล้ว หนักเข้าหนักเข้าก็ไปผสมโรงกับ พธม. ก่อม็อบไล่มันซะเลย พอเขาบุบสภาให้เลือกตั้งใหม่ก็บอยคอตการเลือกตั้งมันซะเลย แสดงว่าอุดมการณ์ประชาธิปไตยเริ่มเป๋หนักเข้าไปอีก

จน คมช. ยึดอำนาจ จัดตั้งกฏกติกาเลือกตั้งขึ้นมาใหม่ ปชป. ส่งอภิสิทธิ์ลงมาต่อสู้ในสนามประชาธิปไตยอีกครั้ง กลับมาศรัทธาในระบอบประชาธิปไตยอีกครั้งเพราะคิดว่าตัวเองสู้กับคุณสมัคร สุนทรเวช ได้ ปรากฏว่าแพ้กลับไปอีก อุดมการณ์ทางประชาธิปไตยเป๋อีกครั้ง ไปผสมโรงกับม็อบ พธม. อีก พอสู้ข้างถนนไม่ได้ก็ใช้มุขเดิมๆคือเอาองค์กรอิสระที่ถือหางฝั่งตัวเองมาเล่นงานแทน ปลดออกจากนายกฯข้อหาทำกับข้าวออกทีวี พอมาถึงยุคคุณสมชาย ก็ยังคงใช้มุขเดิมๆอีก องค์กรอิสระเจ้าเดิมตัดสิทธิ์ทางการเมืองไป 5 ปี และอภิสิทธิ์ก็ได้ขึ้นดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแทนด้วยวิธีที่ไม่ต่างจากชวนเพียงแค่เปลี่ยนจากงูเห่าพันคอมาคาบกระปุกเต้าหู้ยี้แทน ในช่วงที่เป็นนายกฯแค่ 2 ปีก็ก่อวีรเวรไว้มากมาย แต่เนื่องจากแฟนคลับยังคงเหนียวแน่นและอีกฝ่ายกำลังแหยงกับลูกกระสุนปืน เพราะมาร์คโหดเหลือเกิน จึงยอมรอให้มาร์คอยู่จนครบวาระ

พอเลือกตั้งใหม่มาร์คอภิสิทธิ์กลับมายึดมั่นในระบอบประชาธิปไตยอีกครั้ง เพราะกติกาการเลือกตั้งได้เปรียบชาวบ้านเขาทุกประตู และคู่แข่งคือคุณปูยิ่งลักษณ์พึ่งรู้ตัวก่อนเลือกตั้งแค่ 49 วัน  มาร์คออกตัวแรงมากทุกๆด้านเพราะมั่นใจว่าชนะแน่นอน  แต่หารู้ไม่ตามที่ผมบอกข้างต้น พลังเงียบที่เขารักความเป็นธรรมและไม่เห็นด้วยกับการที่มาร์คใช้กระสุนจริงปราบปรามประชาชน และไม่รับผิดชอบอะไรเลย ทำให้คะแนนเสียงกลับเทไปที่ฝั่งคุณปูยิ่งลักษณ์แทน ครั้งนี้มาร์คถึงกับจุกเพราะหวังจะชนะเลือกตั้งโชว์สักครั้งในชีวิตแต่ก็แห้ว  พอมาถึงตอนนี้ประชาธิปตงธิปไตยไม่สงไม่สนมันแล้ว ก่อม็อบปิดประเทศเรียกหารัฐฐาธิปัตย์มันซะเลย ขัดขวางการเลือกตั้งชนิดที่คนไปใช้สิทธิเลือกตั้งกลายเป็นคนไม่ดีคนเลวทำลายชาติมันซะเลย และเริ่มมีวาทะกรรมที่ว่าประชาธิปไตยใช้กับประเทศไทยไม่ได้  สามแสนเสียงคุณภาพดีกว่าหลายล้านเสียงที่ไม่มีคุณภาพ คนต่างจังหวัดไม่รู้เรื่องประชาธิปไตยพอ บลาๆ ฯลฯ เข้ามาแทน จนแล้วจนรอดก็ไม่สามารถเอาชนะที่ข้างถนนได้ จึงเป็นที่มาของการหาทางออกให้ประเทศจนเกิดรัฐบาลปัจจุบันนี้ขึ้นมา

หัวกระทู้พูดถึงค่านิยมประการที่ 13 ที่ผมอยากให้มันเกิด เพื่อให้เป็นบรรทัดฐานที่ยั่งยืนให้กับประเทศในอนาคต ค่านิยมที่ว่า "ปลดไม่ได้เพราะประชาชนเลือกเข้ามา" นี้จึงอยากให้รัฐบาล และประชาชนทุกฝ่ายทุกภาคส่วนของประเทสช่วยกันรณรงค์ให้มันเกิดขึ้นจริงๆอย่างยั่งยืนและถาวร  ไม่งั้นประเทศชาติจะวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ประเทศไม่พัฒนาไปไหนกับเขาเสียทีเพราะมัวแต่ทะเลาะกัน สิ่งแรกที่ต้องทำคือช่วยกันเคารพในสิทธิและเสียงส่วนใหญ่ของประชาชนทั้งประเทศ  และยึดมั่นในกติกาประชาธิปไตย  ประชาธิปไตยไม่ใช่เรื่องของพวกมากลากไป แต่เป็นเรื่องของการทำดีให้คนเห็นให้คนเลือก ประชาชนมีวิจารณญาณพอที่จะเลือกผู้นำที่มาบริหารประเทศของเขาเอง คนที่ชาวบ้านไม่เลือกก็จงกลับไปปรับปรุงตัวซะ หากอยากให้คนเขาเลือกก็เท่านั้น ร้านขายอาหาร 2 ร้านเปิดข้างกัน ร้านหนึ่งขายดี ร้านหนึ่งไม่มีคน กำลังจะเจ๊ง ต่อให้แหกปากใส่ร้ายใส่ความยังไงคนเขาก็ไม่เชื่อ และแทนที่จะมองตัวเองว่าทำอะไรไม่ดีมาบ้างกลับมัวแต่ไปโทษคนอื่นก็คงไม่ต้องไปไหน ย่ำอยู่กับที่ไป

คราวที่แล้วหมดกับค่าสติ๊กเกอร์ไลน์ค่านิยม 12 ประการไป 4 ล้าน คราวนี้ผมแค่อยากขอเพิ่มค่านิยมประการนี้เข้าไปแค่ประการเดียว หมดเป็นร้อยล้านผมก็จะไม่บ่นซักคำครับ

ก่อนจบกระทู้ขอฝากกฏกติกามารยาทของเวป pantip ไว้ป้องกันตัวเองก่อนครับผม


มาริโอ้ 27 มิถุนายน 2558
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่