การเกิดใหม่ หมายถึง การสืบต่อจากการตาย ซึ่งเป็นความเชื่อของพวกสัสสตทิฏฐิ (ความเห็นผิดว่ามีตัวตนมาสืบต่อไว้เรื่อยไป) ที่เชื่อว่าคนเรานั้นเมื่อตายไปแล้วถ้ายังมีกิเลสอยู่ก็จะต้องเกิดขึ้นมาใหม่เพื่อมารับผลกรรมที่ได้ทำไว้ก่อนตาย คือเป็นการสืบต่อชีวิตไว้ไม่ให้สูญหายไป (พวกนี้กลัวการตายแล้วสูญ แต่ปากก็บอกว่าไม่อยากเกิดอีก)
เมื่อวิทยาศาสตร์สามารถโคลนนิ่งร่างกายได้ ก็เท่ากับว่ามีร่างกายเกิดขึ้นมาใหม่ที่มีลักษณะเหมือนร่างกายเก่าทุกประการ โดยที่ร่างกายเก่ายังไม่ตาย ซึ่งนี่แสดงถึงว่ามันมีการเกิดขึ้นมาใหม่ได้โดยที่ของเก่ายังไม่หายไป
ร่างกายของแต่ละคนนั้นจะมีลักษณะเฉพาะของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ส่วนจิตใจจะของแต่ละคนนั้นจะมีความทรงจำเฉพาะที่แตกต่างกัน
เมื่อสามารถคัดลอกลักษณะของร่างกายเก่า แล้วเอาไปสร้างร่างกายใหม่ให้เกิดขึ้นมาเหมือนร่างกายเก่าได้ (โคลนนิ่ง) ก็เรียกว่า การเกิดใหม่ของร่างกาย
ถ้าสมมติวิทยาศาสตร์สามารถคัดลอกความทรงจำของคนเราได้ แล้วเอาความทรงจำนั้นไปใส่ไว้ในสมองของเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ ก็จะทำให้เกิดจิตใจขึ้นมาใหม่ที่มีความทรงจำและคิดนึกได้เหมือนจิตเก่าทุกประการ ก็เรียกว่า การเกิดใหม่ของจิตใจ (ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าสมองบันทึกความทรงจำไว้ในลักษณะใด)
ทีนี้ถ้ามีการโคลนนิ่งร่างกายเก่าแล้วเกิดร่างกายใหม่ขึ้นมา และคัดลอกความทรงจำของร่างกายเก่า แล้วเอาไปใส่ไว้ในร่างกายที่โคลนนิ่งขึ้นมานั้น ก็จะเท่ากับเป็นการเกิดใหม่ขึ้นมาทันทีทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่พวกสัสสตทิฏฐิจะไม่ยอมรับเรื่องการเกิดใหม่เช่นนี้ เพราะเขาเชื่อว่าชีวิตมันมีสิ่งที่เป็นตัวตนเฉพาะของแต่ละคนเพียงหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถแยกออกไปเป็นหลายๆคนได้โดยที่คนเก่ายังไม่ดับ (ตาย) แต่เขาจะยอมรับว่า มีการเกิดใหม่ได้เมื่อคนเก่าตายแล้วเท่านั้น แม้ว่าคนที่เกิดใหม่จะไม่มีความทรงจำเหมือนคนเก่าก็ตาม
สรุปได้ว่า การเกิดใหม่ที่แท้จริงจะต้องมีลักษณะของร่างกายและความทรงจำที่เหมือนเดิม จึงจะเรียกว่าเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง ที่เป็นสากลคือทุกคนยอมรับ ส่วนเรื่องการเกิดใหม่ได้แม้ว่าคนที่เกิดใหม่จะไม่มีความทรงจำเหมือนเดิมแล้วก็ตามนั้น มันเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น ไม่สามารถเป็นความจริงไปได้ คือความเชื่อนี้มันเป็นแค่เพียงการรักษาความเห็นว่ามีตัวตนสืบต่อเอาไว้เรื่อยไปเท่านั้น ถ้าไม่อ้างว่าเพราะเราลืมเรื่องชาติก่อนหมดแล้วก็จะทำให้ความเห็นนี้ไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป เพราะไม่สามารถตอบคำถามของคนที่สงสัยได้ แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ทำให้คนที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกิดความเข้าใจได้เลยก็ตาม แต่คนถามที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ก็เข้าใจเพราะเขาไม่รู้ว่าจะสงสัยอะไรอีกต่อไป นี่เองที่ทำให้ความเชื่อนี้จะมีอยู่ในเฉพาะคนบางกลุ่มที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องและเพียงพอเท่านั้น ไม่ได้เป็นสากลที่ทุกคนจะยอมรับ
ถ้าโคลนนิ่งความทรงจำได้ จึงจะมีการเกิดใหม่ได้จริง
เมื่อวิทยาศาสตร์สามารถโคลนนิ่งร่างกายได้ ก็เท่ากับว่ามีร่างกายเกิดขึ้นมาใหม่ที่มีลักษณะเหมือนร่างกายเก่าทุกประการ โดยที่ร่างกายเก่ายังไม่ตาย ซึ่งนี่แสดงถึงว่ามันมีการเกิดขึ้นมาใหม่ได้โดยที่ของเก่ายังไม่หายไป
ร่างกายของแต่ละคนนั้นจะมีลักษณะเฉพาะของแต่ละคนที่แตกต่างกัน ส่วนจิตใจจะของแต่ละคนนั้นจะมีความทรงจำเฉพาะที่แตกต่างกัน
เมื่อสามารถคัดลอกลักษณะของร่างกายเก่า แล้วเอาไปสร้างร่างกายใหม่ให้เกิดขึ้นมาเหมือนร่างกายเก่าได้ (โคลนนิ่ง) ก็เรียกว่า การเกิดใหม่ของร่างกาย
ถ้าสมมติวิทยาศาสตร์สามารถคัดลอกความทรงจำของคนเราได้ แล้วเอาความทรงจำนั้นไปใส่ไว้ในสมองของเด็กที่เพิ่งเกิดใหม่ได้ ก็จะทำให้เกิดจิตใจขึ้นมาใหม่ที่มีความทรงจำและคิดนึกได้เหมือนจิตเก่าทุกประการ ก็เรียกว่า การเกิดใหม่ของจิตใจ (ปัจจุบันวิทยาศาสตร์ยังไม่สามารถเข้าใจได้ว่าสมองบันทึกความทรงจำไว้ในลักษณะใด)
ทีนี้ถ้ามีการโคลนนิ่งร่างกายเก่าแล้วเกิดร่างกายใหม่ขึ้นมา และคัดลอกความทรงจำของร่างกายเก่า แล้วเอาไปใส่ไว้ในร่างกายที่โคลนนิ่งขึ้นมานั้น ก็จะเท่ากับเป็นการเกิดใหม่ขึ้นมาทันทีทั้งร่างกายและจิตใจ
แต่พวกสัสสตทิฏฐิจะไม่ยอมรับเรื่องการเกิดใหม่เช่นนี้ เพราะเขาเชื่อว่าชีวิตมันมีสิ่งที่เป็นตัวตนเฉพาะของแต่ละคนเพียงหนึ่งเท่านั้น ไม่สามารถแยกออกไปเป็นหลายๆคนได้โดยที่คนเก่ายังไม่ดับ (ตาย) แต่เขาจะยอมรับว่า มีการเกิดใหม่ได้เมื่อคนเก่าตายแล้วเท่านั้น แม้ว่าคนที่เกิดใหม่จะไม่มีความทรงจำเหมือนคนเก่าก็ตาม
สรุปได้ว่า การเกิดใหม่ที่แท้จริงจะต้องมีลักษณะของร่างกายและความทรงจำที่เหมือนเดิม จึงจะเรียกว่าเป็นการเกิดใหม่ที่แท้จริง ที่เป็นสากลคือทุกคนยอมรับ ส่วนเรื่องการเกิดใหม่ได้แม้ว่าคนที่เกิดใหม่จะไม่มีความทรงจำเหมือนเดิมแล้วก็ตามนั้น มันเป็นแค่ความเชื่อเท่านั้น ไม่สามารถเป็นความจริงไปได้ คือความเชื่อนี้มันเป็นแค่เพียงการรักษาความเห็นว่ามีตัวตนสืบต่อเอาไว้เรื่อยไปเท่านั้น ถ้าไม่อ้างว่าเพราะเราลืมเรื่องชาติก่อนหมดแล้วก็จะทำให้ความเห็นนี้ไม่มีใครเชื่อถืออีกต่อไป เพราะไม่สามารถตอบคำถามของคนที่สงสัยได้ แม้จะเป็นคำตอบที่ไม่ทำให้คนที่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์เกิดความเข้าใจได้เลยก็ตาม แต่คนถามที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์ก็เข้าใจเพราะเขาไม่รู้ว่าจะสงสัยอะไรอีกต่อไป นี่เองที่ทำให้ความเชื่อนี้จะมีอยู่ในเฉพาะคนบางกลุ่มที่ไม่มีความรู้ด้านวิทยาศาสตร์อย่างถูกต้องและเพียงพอเท่านั้น ไม่ได้เป็นสากลที่ทุกคนจะยอมรับ