สวัสดีคับเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ต วันนี้จะพาไปเที่ยว เกียวโต โอซาก้ากันครับ
ก่อนอื่นเลยกระทู้นี้ ขอเขียนโดยสองคนคือ ผมและแฟนของผมนะครับ เนื่องจากกระทู้อาจจะยาว ขออนุญาตช่วยกันเขียนครับ และเพื่อนๆจะได้เห็นความคิดในแง่ของผู้หญิงในบางตอนด้วยครับ และสามารถติดตามทริปอื่นๆของผมได้ที่
https://www.facebook.com/maxparkinworld และ instagram : maxparkin ครับ
เริ่มกันที่ ทริปนี้ตอนแรกเราก็ไม่รุ้จะไปไหนหรอกคับ เนื่องจากกำลังจะเป็นวันหยุดยาวสามวัน ครั้นจะอยู่บ้านเฉยๆก็รู้สึกเสียดายวันหยุดจังแหะ จะนัดเจอกัน กทม (เนื่องจากเราอยู่คนละจังหวัดครับ) ไปนั่งร้านกาแฟใช้ชีวิต slow life ก็อาจจะไม่ค่อยใช่สไตล์เราสองคนสักเท่าไหร่ จะว่าไป เราสองคนก็ชอบพจญภัย หาสิ่งแปลกใหม่ตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ เราก็เลยนั่งเปิดเวปหาที่เที่ยวครับ และแล้วก็ไปเจอเว็ปนึงในเฟส
ตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก ที่โอซาก้า เห้ย ราคาถูกเฟ่อร์ 7,xxx บาท เราก็เลยมานั่งคิดว่า เอ...หรือวันหยุดนี้เราจะไป slow life กันที่ Osaka ดี อิอิ ค่าใช้จ่ายก็คงจะถูกมากเล้ยยย !! แต่ที่พักแอบน่ากัวแหะ แต่คิดในใจ ไม่เป็นไร คิดซะว่าบินราคานี้แล้วเราไปเปิด รร อื่นอีกก็ยังคุ้มม !! ก็เลยนั่งหาที่เที่ยวที่โอซาก้า เกียวโตครับ ว่าจะโดนใจมั้ย คิดอยู่ข้ามวันจนนึกว่าโปรจะโดนแย่งชิงไปหมดแล้ว สุดท้ายเราก็จองทัน เปิดเวป กดๆๆ ตัดบัตรเครดิตไป เย้!! จะได้ไปญี่ปุ่นแล้วว
หลังจากจองเราก็มีเวลาอาทิตย์นึงก่อนบินครับ แน่นอน เราก็มาวางแผนการเดินทางและเที่ยวในโอซาก้า กับเกี่ยวโต แฟนผมจะดูที่เที่ยวและวางตารางเที่ยวในแต่ละวันครับ เพราะว่าเขาเคยไปมาแล้วครั้งนึง แต่ก็ไปกับทัวร์ไม่ค่อยรู้เส้นทางอะไรเท่าไหร่ แต่พอจะรู้ว่าที่ไหนน่าสนใจบ้าง ส่วนผมดูแค่พวกบัตรต่างๆ กับการเดินทาง (หมูอ่ะดิ 55+) แต่!! มันไม่ง่ายนะครัช สำหรับผมแล้วค่อนข้าง งง พอสมควร กับบัตร เจอาร์เอย คันหู เอ้ย คันไซเอย อเมซิ่งเอย ซึ่งมันก็คือ บัตรเหมา รถไฟ รถเมล์ต่างๆ นั่นแหละ (เห็นเขาเรียก”บัตรเบ่ง”กันนะ อิอิ)
คือถ้าเราไม่ซื้อเหมามันจะแพงมากก บัตรเหมาคุ้มกว่าเยอะ ฟรีค่าเข้าที่เที่ยวหลายที่ด้วยนะเออ ทั้งนี้มันก็แล้วแต่ด้วยว่าไปหลายที่มั้ย เพราะถ้าไปไม่มากก็ซื้อปกติอาจจะคุ้มกว่า ดังนั้นมันก็แล้วแต่โปรแกรมเที่ยวล่ะครับ ผมก็เลยไปซื้อหนังสือมาอ่าน บวกกับหาข้อมูลในบลูแพลนเน็ตที่นี่แหละครับ
แน่นอนด้วยความที่เป็นคนจิงจัง (เกี่ยวมะเนี่ย) ไปทั้งที ผมจัดเต็ม บอกแฟนไปนั่นด้วยนะ นี่ด้วยๆ จนแฟนบอก อาจจะไม่ slow life แล้วล่ะ นี่มัน marathon life ชัดๆ!! 55+ ซื้อบัตรเบ่งไปเล้ย ไม่ต้องคิดมาก!! ก็เลยได้พระเอกบัตรเบ่งมา คือ JR PASS , amazing day pass, Kyoto City Bus All-day Pass
และวางโปรแกรมเที่ยวดังนี้ครับ
[ DAY 1 ]
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง (ตื่นเต้นๆ) เราไปเที่ยวบิน XJ610 ครับ ไปถึง 22.40 น (ตามตาราง) และเราวางแผนไว้ว่าจะนั่งรถไฟไปลงสถานีชินอิมามิยะ ซึ่งใกล้ที่พักเราพอดีครับ เป็นสถานีก่อนถึงนัมบะ ซึ่งรถไฟเที่ยวสุดท้าย 23.30 สะดวกมากทีเดว ลงเครื่องละมีเวลา ชม นึง น่าจะทัน ถ้าไม่ติด ตม.นาน ชิวเลย อิอิ
สักพัก สี่ทุ่มครึ่งละ เริ่มรน ขาเริ่มกระดิกละ ไม่ได้ปวดฉี่นะ แต่ลุ้น เมื่อไหร่จะถึงซะที ..สุดท้าย !! ปรากฏว่าเครื่องดีเลย์คับ เครื่องเราแตะพื้นตอน 23.15 เฮือกกก !! (สวรรค์กลั้นแกล้งชัดๆ เอ๊ะ หรือกัปตันกลั่นแกล้ง 55+)
ตอนนั้นเราวิ่งเลยคับ ขึ้นรถไฟในสนามบินไป ตม. ไปถึงคิวแรกๆคับ ต่อคิว 4-5 คน มองตา ตม. ปริบๆ พร้อมสแกนลายนิ้วมือ คิดในใจ จะทันมั้ยว้าๆๆ มองนาฬิกา 23.25 เผื่อๆใจไว้ละ แต่คิดว่ามีหวังเสมอ นี่ยังไม่รุ้เลยนะ ว่ารถไฟมันไปขึ้นตรงไหน 55+
ผ่าน ตม. มา เย้ เราอาจทัน พุ่งคับพุ่ง !! ไม่มีของโหลดเหมือนคนอื่น โอกาสเปนของเราละ กำลังจะออกประตูแล้ว แต่ !! เจอสุ่มตรวจกระเป๋าอีกรอบ แม่เจ้า !! จนท. หญิง ถามด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่าเอาอันนั้นอันนี้มาด้วยรึป่าว ก่อนจะขอตรวจกระเป๋าและบรรจงค้นอย่าง ใจเย็น เสดเฮือก! จะไม่ทันแว้วว ผ่านเกทออกมาแว้ววว ..ว่าแต่รถไฟไปทางไหนหยอ -“- เราก็พุ่งออกไปตรงป้ายรถเมล์ครับ เจอ จนท. คนญี่ปุ่นยืนยุตรงช่องขายตั๋วรถบัส เราก็เลยไปถาม เขาก็บอกว่า รถไฟหมดแล้ว เง้ออ สรุปว่าไม่ทัน T T ฮือออ เรา ตกรถไฟ ครับ !
แน่นอนครับว่า ผมมีแผนสำรองมาแล้ว อิอิ นั่นคือ ไปรถบัสนี่แหละครับ รอบ 00.30 ครับ ไปลงแถวนัมบะ แล้วเราค่อยหาทางไป โรงแรมเราอีกที เป็นตัวเลือกเดวแล้วล่ะครับตอนนี้ ครั้นจะนั่งแท็กซี่เข้าเมือง อาจจะขอนอนสนามบินดีกว่า 55+ เพราะแพงมหาโหด (เอ้อ ลืมบอกไปว่าสนามบินที่นี่เขามี ห้องพักด้วยนะครับ ใช้บริการได้ หาดูได้ในเวปสนามบินคับ)
เราก็ทำการซื้อตั๋วรถบัสเลยครับ (จิงๆเขาเรียกรถลีมูซีนครับ ) ตู้ขายตั๋วแน่นอนว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเบย ผมลืมหาข้อมูลมา 55+ แต่เจอพี่คนไทยแถวนั้น อ่านภาษาญี่ปุ่นได้ครับ แล้วเขาก็กดให้ครับ เป็นพระคุณมาก ตั๋วคนละ 1550 เยน (ตั๋วรถไฟคนละ 920 เยนเอง T T)
แต่การเดินทางนี้ไม่เหงาครับ คนไทยเต็มรถบัส 555+ มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเยอะครับ
ลืมบอกไปครับว่า ทริปนี้เราเช่าเจ้าไวไฟมาจากเมืองไทยด้วย ใช้ประโยชน์มากมายจิงๆ ทั้งทริป ไม่ว่าจะเป็น ลาย เฟสบุ๊ค อินตาแกรม โซเชี่ยวแคม แคม แคม เห้ยยย! ไม่ใช่ ไว้ดูเที่ยวรถไฟ แผนที่ในเมืองเวลาไปที่นั่นที่นี่ กันหลงไรงี้คับ อิอิ ไม่งั้นไม่น่ารอด 55+
จิงๆต้องบอกนะคับว่า คนญี่ปุ่นเฟรนลี่ครับ เราสามารถถามทางได้ เพราะผมถามตลอดทริปอ่ะ เวลาหลง ฮ่าๆ และเขาจะตั้งใจตอบแบบละเอียดด้วยนะครับ เพียงแต่ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นเองแหละคับ 555+ แต่รู้เรื่องนะคับ คือบอกจนกว่าเราจะเข้าใจอ่ะ 55 สงสารเขาเหมือนกันนะ
รถบัสมาแล้วครับ รถคันนี้ มีที่นั่งตรงกลางด้วยนะครับ แน่นอนครับ อย่าหวังว่าจะลงที่ไหนนอกจาก สถานีปลายทางนัมบะ ฮ่าๆ เพราะเขาส่งที่เดวครับ
เป็นระยะทางไกลครับ แต่ใช้เวลาไม่นานเนื่องจากดึกมากแล้วครับ ถนนโล่ง เราก็มาถึงนัมบะ พอลงรถปุ๊บ ทุกคนเปิด map หาทางไป รร ตัวเองครับ ส่วนแฟนผม…วิ่งเข้า family mart ไปแล้ว (เห้ยเตง หารถก่อน! ..งืม หาของกินก่อนก้ได้ เค้าก็หิว งั่มๆ)
ตัดกลับมา เราก็เจอแท็กซี่ครับ ก็จอดยุตรงรถบัสจอดแหละครับ แน่นอนเราได้ยินมาว่าค่าแท็กซี่มหาโหดมาคับ เราก็ลังเลครับ แต่ว่ามันไกลจากที่พักจิงๆถ้าจะเดิน และจะเดินไปดึกๆ ก็กลัวครับ เราจึงจำใจ ไปแท็กซี่เถิดดด แต่โชคดีที่ตอนจะก้าวขึ้นรถ ได้ยินเสียงคนไทย ทักมา ว่า “พี่คะๆ จะไปแถว...มั้ยคะ?” เราก็ว่าไป เขาก็เลยขอไปด้วยสองคน หารกันครับ ก็โชคดีครับ เย้ๆๆ
แท็กซี่ที่นี่ มิเตอร์เริ่มที่ 660 เยน (ค่าเงินวันที่เรามานี้ อยู่ที่ประมาณ 0.28 คับ ผมตีง่ายๆ 300 เยน = 100 บาท ครับ) เราวิ่งไปประมาณสักสองกิโลถึงโรงแรมครับ มิเตอร์ยุแถวๆ 1200 เยน ครับ แพงใช้ได้ทีเดว แต่มีคนช่วยหาร เย้! แท็กซี่ที่นี่ประตูเปิดเองด้วยครับ เท่มากๆ
หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าโรงแรมครับ ดูนาฬิกาตีสองแล้ว ทันใดนั้นก็มองไปเห็นร้านไฟๆ เห้ย ร้านขายของกิน โชคดีมากที่หน้าโรงแรมมีร้านขายอาหาร 24 ชม. (จิงๆใกล้ๆมีfamily martด้วย) ราคาถูกมากด้วย ทุกอย่าง 120 เยน จัดเลยคับ
เข้าโรงแรมไดม่อนของเราครับ อันนี้ล็อบบี้โรงแรม แน่นอน ตอนไปถึงเขาปิดแล้วครับ (อันนี้เอารูปวันอื่นมาให้ดูครับ เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย) ก่อนมาเราทำใจมาแล้วครับว่า เราคงจะหาที่ใหม่ย่านสะดวกๆ วอกอินไปเลยครับ (เพราะเราเกรงว่าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ 55+ แต่ยังไงซะ คืนแรกเราก็ต้องอยู่ ยังไงซะพวกเราลุยๆทั้งคู่อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา อิอิ)
ที่ รร นี้มีเงื่อนไขว่า ถ้าจะเช็คอินเกิน ห้าทุ่ม เราต้องแจ้งมาก่อนครับ แน่นอนผมก็พยายามไปหาในเน็ตจนเจอเมล์ ก็เลยเมล์มาบอกเขาล่วงหน้าครับ และเขาตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษดีมากๆ ว่าจะไม่ล็อกห้องไว้ให้ และบอกเลขห้องมาครับ เพราะดึกขนาดนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว ..เยี่ยมเลย คิดว่า พนง. ที่ รร พูดอังกฤษได้ๆ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก 55+ เดวจะเล่าให้ฟังตอนไปเอากุญแจตอนเช้าคับ
เดินไปห้องพักกัน มีตู้กดน้ำดื่มในโรงแรมด้วยครับ น้ำเปล่าราคา 120 เยน ครับ
นี่คือทางเดินหน้าห้องพักเราครับ อยู่ชั้นห้า ส่วนใหญ่เป็นแนวนักท่องเที่ยวแบ็คแพ๊คเกอร์มาพักเยอะครับ
แต่นแต๊นน นี่คือห้องเราเองครับ เล็ก กะทัดรัด รัด รัด รัด รัดด แต่สะอาดนะ อยู่ได้ๆ ห้องแอร์ มีห้องน้ำรวมทุกชั้นครับ ดูดีกว่าที่คิดไว้ครับ ส่วนห้องอาบน้ำอยู่ล่างสุดครับ (อารมเหมือนมาเข้าค่าย) แต่เราตั้งใจมาแล้วว่าทริปนี้ ลุยนะ ไม่ใช่คุณหนู ดังนั้นไม่คิดมากครับ
แต่คืนนี้ไม่สนใจอะไรละครับ รีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ โปรแกรมออกเช้า มีเวลานอนแค่สองสาม ชม. และที่สำคัญห้องอาบน้ำชายที่นี่เป็นห้องอาบน้ำรวมครับ ผมมีเรื่องตื่นเต้นรออยู่พุ่งนี้เช้า 555+
หมดวันแรก วันเดินทางง่ายๆ ที่ไม่ง่ายเท่าไหร่ครับ วันต่อไปพาเที่ยวเกียวโต ไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ติดตามตอนต่อไปนะครัชชช
[CR] 4DAYS IN JAPAN : กิโมโน เกียวโต โอซาก้า งบ 15,000 สบายๆ
สวัสดีคับเพื่อนๆชาวบลูแพลนเน็ต วันนี้จะพาไปเที่ยว เกียวโต โอซาก้ากันครับ
ก่อนอื่นเลยกระทู้นี้ ขอเขียนโดยสองคนคือ ผมและแฟนของผมนะครับ เนื่องจากกระทู้อาจจะยาว ขออนุญาตช่วยกันเขียนครับ และเพื่อนๆจะได้เห็นความคิดในแง่ของผู้หญิงในบางตอนด้วยครับ และสามารถติดตามทริปอื่นๆของผมได้ที่ https://www.facebook.com/maxparkinworld และ instagram : maxparkin ครับ
เริ่มกันที่ ทริปนี้ตอนแรกเราก็ไม่รุ้จะไปไหนหรอกคับ เนื่องจากกำลังจะเป็นวันหยุดยาวสามวัน ครั้นจะอยู่บ้านเฉยๆก็รู้สึกเสียดายวันหยุดจังแหะ จะนัดเจอกัน กทม (เนื่องจากเราอยู่คนละจังหวัดครับ) ไปนั่งร้านกาแฟใช้ชีวิต slow life ก็อาจจะไม่ค่อยใช่สไตล์เราสองคนสักเท่าไหร่ จะว่าไป เราสองคนก็ชอบพจญภัย หาสิ่งแปลกใหม่ตามประสาวัยรุ่นน่ะครับ เราก็เลยนั่งเปิดเวปหาที่เที่ยวครับ และแล้วก็ไปเจอเว็ปนึงในเฟส
ตั๋วเครื่องบิน+ที่พัก ที่โอซาก้า เห้ย ราคาถูกเฟ่อร์ 7,xxx บาท เราก็เลยมานั่งคิดว่า เอ...หรือวันหยุดนี้เราจะไป slow life กันที่ Osaka ดี อิอิ ค่าใช้จ่ายก็คงจะถูกมากเล้ยยย !! แต่ที่พักแอบน่ากัวแหะ แต่คิดในใจ ไม่เป็นไร คิดซะว่าบินราคานี้แล้วเราไปเปิด รร อื่นอีกก็ยังคุ้มม !! ก็เลยนั่งหาที่เที่ยวที่โอซาก้า เกียวโตครับ ว่าจะโดนใจมั้ย คิดอยู่ข้ามวันจนนึกว่าโปรจะโดนแย่งชิงไปหมดแล้ว สุดท้ายเราก็จองทัน เปิดเวป กดๆๆ ตัดบัตรเครดิตไป เย้!! จะได้ไปญี่ปุ่นแล้วว
หลังจากจองเราก็มีเวลาอาทิตย์นึงก่อนบินครับ แน่นอน เราก็มาวางแผนการเดินทางและเที่ยวในโอซาก้า กับเกี่ยวโต แฟนผมจะดูที่เที่ยวและวางตารางเที่ยวในแต่ละวันครับ เพราะว่าเขาเคยไปมาแล้วครั้งนึง แต่ก็ไปกับทัวร์ไม่ค่อยรู้เส้นทางอะไรเท่าไหร่ แต่พอจะรู้ว่าที่ไหนน่าสนใจบ้าง ส่วนผมดูแค่พวกบัตรต่างๆ กับการเดินทาง (หมูอ่ะดิ 55+) แต่!! มันไม่ง่ายนะครัช สำหรับผมแล้วค่อนข้าง งง พอสมควร กับบัตร เจอาร์เอย คันหู เอ้ย คันไซเอย อเมซิ่งเอย ซึ่งมันก็คือ บัตรเหมา รถไฟ รถเมล์ต่างๆ นั่นแหละ (เห็นเขาเรียก”บัตรเบ่ง”กันนะ อิอิ)
คือถ้าเราไม่ซื้อเหมามันจะแพงมากก บัตรเหมาคุ้มกว่าเยอะ ฟรีค่าเข้าที่เที่ยวหลายที่ด้วยนะเออ ทั้งนี้มันก็แล้วแต่ด้วยว่าไปหลายที่มั้ย เพราะถ้าไปไม่มากก็ซื้อปกติอาจจะคุ้มกว่า ดังนั้นมันก็แล้วแต่โปรแกรมเที่ยวล่ะครับ ผมก็เลยไปซื้อหนังสือมาอ่าน บวกกับหาข้อมูลในบลูแพลนเน็ตที่นี่แหละครับ
แน่นอนด้วยความที่เป็นคนจิงจัง (เกี่ยวมะเนี่ย) ไปทั้งที ผมจัดเต็ม บอกแฟนไปนั่นด้วยนะ นี่ด้วยๆ จนแฟนบอก อาจจะไม่ slow life แล้วล่ะ นี่มัน marathon life ชัดๆ!! 55+ ซื้อบัตรเบ่งไปเล้ย ไม่ต้องคิดมาก!! ก็เลยได้พระเอกบัตรเบ่งมา คือ JR PASS , amazing day pass, Kyoto City Bus All-day Pass
และวางโปรแกรมเที่ยวดังนี้ครับ
[ DAY 1 ]
และแล้วก็มาถึงวันเดินทาง (ตื่นเต้นๆ) เราไปเที่ยวบิน XJ610 ครับ ไปถึง 22.40 น (ตามตาราง) และเราวางแผนไว้ว่าจะนั่งรถไฟไปลงสถานีชินอิมามิยะ ซึ่งใกล้ที่พักเราพอดีครับ เป็นสถานีก่อนถึงนัมบะ ซึ่งรถไฟเที่ยวสุดท้าย 23.30 สะดวกมากทีเดว ลงเครื่องละมีเวลา ชม นึง น่าจะทัน ถ้าไม่ติด ตม.นาน ชิวเลย อิอิ
สักพัก สี่ทุ่มครึ่งละ เริ่มรน ขาเริ่มกระดิกละ ไม่ได้ปวดฉี่นะ แต่ลุ้น เมื่อไหร่จะถึงซะที ..สุดท้าย !! ปรากฏว่าเครื่องดีเลย์คับ เครื่องเราแตะพื้นตอน 23.15 เฮือกกก !! (สวรรค์กลั้นแกล้งชัดๆ เอ๊ะ หรือกัปตันกลั่นแกล้ง 55+)
ตอนนั้นเราวิ่งเลยคับ ขึ้นรถไฟในสนามบินไป ตม. ไปถึงคิวแรกๆคับ ต่อคิว 4-5 คน มองตา ตม. ปริบๆ พร้อมสแกนลายนิ้วมือ คิดในใจ จะทันมั้ยว้าๆๆ มองนาฬิกา 23.25 เผื่อๆใจไว้ละ แต่คิดว่ามีหวังเสมอ นี่ยังไม่รุ้เลยนะ ว่ารถไฟมันไปขึ้นตรงไหน 55+
ผ่าน ตม. มา เย้ เราอาจทัน พุ่งคับพุ่ง !! ไม่มีของโหลดเหมือนคนอื่น โอกาสเปนของเราละ กำลังจะออกประตูแล้ว แต่ !! เจอสุ่มตรวจกระเป๋าอีกรอบ แม่เจ้า !! จนท. หญิง ถามด้วยน้ำเสียงใจเย็นว่าเอาอันนั้นอันนี้มาด้วยรึป่าว ก่อนจะขอตรวจกระเป๋าและบรรจงค้นอย่าง ใจเย็น เสดเฮือก! จะไม่ทันแว้วว ผ่านเกทออกมาแว้ววว ..ว่าแต่รถไฟไปทางไหนหยอ -“- เราก็พุ่งออกไปตรงป้ายรถเมล์ครับ เจอ จนท. คนญี่ปุ่นยืนยุตรงช่องขายตั๋วรถบัส เราก็เลยไปถาม เขาก็บอกว่า รถไฟหมดแล้ว เง้ออ สรุปว่าไม่ทัน T T ฮือออ เรา ตกรถไฟ ครับ !
แน่นอนครับว่า ผมมีแผนสำรองมาแล้ว อิอิ นั่นคือ ไปรถบัสนี่แหละครับ รอบ 00.30 ครับ ไปลงแถวนัมบะ แล้วเราค่อยหาทางไป โรงแรมเราอีกที เป็นตัวเลือกเดวแล้วล่ะครับตอนนี้ ครั้นจะนั่งแท็กซี่เข้าเมือง อาจจะขอนอนสนามบินดีกว่า 55+ เพราะแพงมหาโหด (เอ้อ ลืมบอกไปว่าสนามบินที่นี่เขามี ห้องพักด้วยนะครับ ใช้บริการได้ หาดูได้ในเวปสนามบินคับ)
เราก็ทำการซื้อตั๋วรถบัสเลยครับ (จิงๆเขาเรียกรถลีมูซีนครับ ) ตู้ขายตั๋วแน่นอนว่าเป็นภาษาญี่ปุ่นหมดเบย ผมลืมหาข้อมูลมา 55+ แต่เจอพี่คนไทยแถวนั้น อ่านภาษาญี่ปุ่นได้ครับ แล้วเขาก็กดให้ครับ เป็นพระคุณมาก ตั๋วคนละ 1550 เยน (ตั๋วรถไฟคนละ 920 เยนเอง T T)
แต่การเดินทางนี้ไม่เหงาครับ คนไทยเต็มรถบัส 555+ มีเพื่อนร่วมชะตากรรมเยอะครับ
ลืมบอกไปครับว่า ทริปนี้เราเช่าเจ้าไวไฟมาจากเมืองไทยด้วย ใช้ประโยชน์มากมายจิงๆ ทั้งทริป ไม่ว่าจะเป็น ลาย เฟสบุ๊ค อินตาแกรม โซเชี่ยวแคม แคม แคม เห้ยยย! ไม่ใช่ ไว้ดูเที่ยวรถไฟ แผนที่ในเมืองเวลาไปที่นั่นที่นี่ กันหลงไรงี้คับ อิอิ ไม่งั้นไม่น่ารอด 55+
จิงๆต้องบอกนะคับว่า คนญี่ปุ่นเฟรนลี่ครับ เราสามารถถามทางได้ เพราะผมถามตลอดทริปอ่ะ เวลาหลง ฮ่าๆ และเขาจะตั้งใจตอบแบบละเอียดด้วยนะครับ เพียงแต่ตอบเป็นภาษาญี่ปุ่นเท่านั้นเองแหละคับ 555+ แต่รู้เรื่องนะคับ คือบอกจนกว่าเราจะเข้าใจอ่ะ 55 สงสารเขาเหมือนกันนะ
รถบัสมาแล้วครับ รถคันนี้ มีที่นั่งตรงกลางด้วยนะครับ แน่นอนครับ อย่าหวังว่าจะลงที่ไหนนอกจาก สถานีปลายทางนัมบะ ฮ่าๆ เพราะเขาส่งที่เดวครับ
เป็นระยะทางไกลครับ แต่ใช้เวลาไม่นานเนื่องจากดึกมากแล้วครับ ถนนโล่ง เราก็มาถึงนัมบะ พอลงรถปุ๊บ ทุกคนเปิด map หาทางไป รร ตัวเองครับ ส่วนแฟนผม…วิ่งเข้า family mart ไปแล้ว (เห้ยเตง หารถก่อน! ..งืม หาของกินก่อนก้ได้ เค้าก็หิว งั่มๆ)
ตัดกลับมา เราก็เจอแท็กซี่ครับ ก็จอดยุตรงรถบัสจอดแหละครับ แน่นอนเราได้ยินมาว่าค่าแท็กซี่มหาโหดมาคับ เราก็ลังเลครับ แต่ว่ามันไกลจากที่พักจิงๆถ้าจะเดิน และจะเดินไปดึกๆ ก็กลัวครับ เราจึงจำใจ ไปแท็กซี่เถิดดด แต่โชคดีที่ตอนจะก้าวขึ้นรถ ได้ยินเสียงคนไทย ทักมา ว่า “พี่คะๆ จะไปแถว...มั้ยคะ?” เราก็ว่าไป เขาก็เลยขอไปด้วยสองคน หารกันครับ ก็โชคดีครับ เย้ๆๆ
แท็กซี่ที่นี่ มิเตอร์เริ่มที่ 660 เยน (ค่าเงินวันที่เรามานี้ อยู่ที่ประมาณ 0.28 คับ ผมตีง่ายๆ 300 เยน = 100 บาท ครับ) เราวิ่งไปประมาณสักสองกิโลถึงโรงแรมครับ มิเตอร์ยุแถวๆ 1200 เยน ครับ แพงใช้ได้ทีเดว แต่มีคนช่วยหาร เย้! แท็กซี่ที่นี่ประตูเปิดเองด้วยครับ เท่มากๆ
หลังจากนั้นเราก็เดินเข้าโรงแรมครับ ดูนาฬิกาตีสองแล้ว ทันใดนั้นก็มองไปเห็นร้านไฟๆ เห้ย ร้านขายของกิน โชคดีมากที่หน้าโรงแรมมีร้านขายอาหาร 24 ชม. (จิงๆใกล้ๆมีfamily martด้วย) ราคาถูกมากด้วย ทุกอย่าง 120 เยน จัดเลยคับ
เข้าโรงแรมไดม่อนของเราครับ อันนี้ล็อบบี้โรงแรม แน่นอน ตอนไปถึงเขาปิดแล้วครับ (อันนี้เอารูปวันอื่นมาให้ดูครับ เนื่องจากไม่ได้ถ่ายรูปไว้เลย) ก่อนมาเราทำใจมาแล้วครับว่า เราคงจะหาที่ใหม่ย่านสะดวกๆ วอกอินไปเลยครับ (เพราะเราเกรงว่าจะอยู่ที่นี่ไม่ได้ 55+ แต่ยังไงซะ คืนแรกเราก็ต้องอยู่ ยังไงซะพวกเราลุยๆทั้งคู่อยู่แล้ว ไม่มีปัญหา อิอิ)
ที่ รร นี้มีเงื่อนไขว่า ถ้าจะเช็คอินเกิน ห้าทุ่ม เราต้องแจ้งมาก่อนครับ แน่นอนผมก็พยายามไปหาในเน็ตจนเจอเมล์ ก็เลยเมล์มาบอกเขาล่วงหน้าครับ และเขาตอบกลับเป็นภาษาอังกฤษดีมากๆ ว่าจะไม่ล็อกห้องไว้ให้ และบอกเลขห้องมาครับ เพราะดึกขนาดนั้นไม่มีใครอยู่แล้ว ..เยี่ยมเลย คิดว่า พนง. ที่ รร พูดอังกฤษได้ๆ แต่ไม่ใช่อย่างนั้นหรอก 55+ เดวจะเล่าให้ฟังตอนไปเอากุญแจตอนเช้าคับ
เดินไปห้องพักกัน มีตู้กดน้ำดื่มในโรงแรมด้วยครับ น้ำเปล่าราคา 120 เยน ครับ
นี่คือทางเดินหน้าห้องพักเราครับ อยู่ชั้นห้า ส่วนใหญ่เป็นแนวนักท่องเที่ยวแบ็คแพ๊คเกอร์มาพักเยอะครับ
แต่นแต๊นน นี่คือห้องเราเองครับ เล็ก กะทัดรัด รัด รัด รัด รัดด แต่สะอาดนะ อยู่ได้ๆ ห้องแอร์ มีห้องน้ำรวมทุกชั้นครับ ดูดีกว่าที่คิดไว้ครับ ส่วนห้องอาบน้ำอยู่ล่างสุดครับ (อารมเหมือนมาเข้าค่าย) แต่เราตั้งใจมาแล้วว่าทริปนี้ ลุยนะ ไม่ใช่คุณหนู ดังนั้นไม่คิดมากครับ
แต่คืนนี้ไม่สนใจอะไรละครับ รีบเข้านอน เพราะพรุ่งนี้ โปรแกรมออกเช้า มีเวลานอนแค่สองสาม ชม. และที่สำคัญห้องอาบน้ำชายที่นี่เป็นห้องอาบน้ำรวมครับ ผมมีเรื่องตื่นเต้นรออยู่พุ่งนี้เช้า 555+
หมดวันแรก วันเดินทางง่ายๆ ที่ไม่ง่ายเท่าไหร่ครับ วันต่อไปพาเที่ยวเกียวโต ไฮไลท์ของทริปนี้เลยก็ว่าได้ ติดตามตอนต่อไปนะครัชชช