พัดชาน้อยใจไม่รู้จะหันหน้าไปปรึกษาใครเธอจึงไปหาหมอกีรติที่คลีนิกของเขา ไปถึงหมอไม่มีคนไข้พอดี
" พี่หมอ "
" คุณพัด มีอะไรหรือเปล่าครับ "
" พัดปวดหัวค่ะมาขอยาพี่พัดกิน "
" ปวดหัวหรือครับ มีไข้ด้วยหรือเปล่าให้ผมตรวจให้หน่อยดีไหม "
" ไม่ต้องตรวจก็ได้ค่ะ พัดปวดหัวเครียดกินยาอย่างเดียวก็ได้ "
หมอมองหน้าหญิงสาวไม่ได้หม่นหมองอะไรจึงไม่ให้ยากับเธอ
" ถ้าปวดหัวไม่มาก ผมว่าคุณดื่มน้ำเย็นๆแล้วนั่งพักสักครู่น่าจะดีกว่ากินยานะครับ ถ้ามันไม่ดีขึ้นค่อยกินยา "
กีรติบอกแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเย็นใส่แก้วเอามาส่งให้พัดชา พัดชามองหมอทำตาซึ้งอย่างขอบคุณจนหมอต้องเมินมองไปทางอื่นอย่างอึดอัดใจกับท่าทางของเธอ
" พี่หมอน่ารักที่สุดเลย เวลาพัดอยู่ใกล้ๆพี่หมอแล้วรู้สึกอบอุ่นใจสบายใจอย่างที่สุด "
หมอเดินไปนั่งทีร่เก้าอี้พักผ่อนพัดชาเดินตามปากก็พูดไม่หยุด
" นี่ถ้าพัดได้อยู่กับพี่หมอตลอดพัดคงมีความสุขที่สุดในโลก "
" มันก็ไม่แน่ คุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกก็ได้ "
" ไม่จริงหรอกค่ะ พี่หมอทั้งดีทั้งหล่อใครอยู่ด้วยแล้วบอกว่าโชคร้ายก็บ้าที่สุดแล้ว "
" แต่มีคนที่เขาพูดคำนี้ออกมาแล้ว "
หมอพูดเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเองแววตาขมขื่นฉายวูบโดยที่พัดชาไม่ทันได้สังเกตเห็น พัดชาเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆหมอแล้วเอามือเท้าคางนั่งมองหน้าหมออย่างหลงใหล
" วันนี้คุณพัดไม่ไปไหนหรือครับ "
" แหมพี่หมอถามเหมือนพัดเป็นนักเที่ยวไปไหนๆทุกวันอย่างนั้นแหละ พัดน่ะไม่ค่อยไปไหนหรอกค่ะแต่ถ้าคนที่อยู่ไม่ค่อยติดบ้านต้องหลานสาวคนใหม่ของคุณย่าค่ะ วันๆขี่รถตะลอนๆเข้าป่าเข้ารกไม่รู้หาอะไรนักหนาสักวันถ้างูไม่กัดตายก็คงโดนเสือลงมาจากป่าคาบเอาไปกิน "
หมอกีรตินั่งฟังพัดชาพูดเงียบๆส่วนพัดชาก็เหมือนอัดอั้นตันใจอะไรมานานจึงนินทาว่าลัยวัลย์อย่างสะใจปาก
" คุณย่าก็รักหลงเขาทำอะไรดีไปหมดสวยไปหมด ขนาดไปเที่ยวเก็บเม็ดมะกร่ำเม็ดมะขามเก็บกรวดเก็บทรายมาทำอะไรบ้าๆบอๆคุณย่าก็ชมว่าสวยชมว่าดีพัดแล้วจะบ้าตาย ถ้าแม่นั่นเป็นเด็กเล็กๆก็ไปอย่างนี่โตเป็นควายทำอะไรไร้สาระแล้วเอามานั่งชมพัดรับไม่ได้ "
" ทำไมคุณพัดคิดว่าสิ่งที่คุณวัลย์ทำ ไร้สาระ งานศิลปะผมว่ามันสร้างสรรค์มากกว่านะครับ "
" งานศิลปะอะไรกันคะพี่หมอ พัดดูไม่เข้าท่าซักอย่าง ถ้าอยากทำงานศิลปะก็วาดรูปถ่ายรูปที่มันสวยๆสิคะหรือว่าตัดเย็บเสื้อผ้าที่มันใช้ประโยชน์ได้ แต่นี่กรวดหินดินทรายสกปรกรกรุงรังน่ะสิคะ นี่เห็นว่าตะลอนออกหาเก็บเม็ดมะกร่ำ ป้าสนก็อีกคนไปตลาดก็เที่ยวขนเม็ดมะขามเม็ดระกำเอามาล้างตากไว้ให้กันไม่รู้จะช่วยกันทำอะไรบ้าๆไปถึงไหน "
" คุณพัดหายปวดหัวแล้วใช่ไหมครับ "
" ดีขึ้นแล้วค่ะ ได้คุยกับพี่หมอแล้วสบายใจขึ้นตั้งเยอะ "
" จะเที่ยงแล้วผมต้องขอตัวกลับไปบ้านก่อน "
" พี่หมอจะกลับไปทานข้าวหรือคะ "
" ผมมีคนไข้อยู่ที่บ้าน จะกลับไปดูสักหน่อย "
" คนไข้ที่บ้านหรือคะ พี่หมอรับรักษาคนไข้ที่บ้านด้วยหรือคะ "
หมอเงียบไม่ตอบ พัดชายิ่งสงสัย
" ขอพัดไปดูคนไข้ที่บ้านพี่หมอด้วยได้ไหมคะ "
หมอมองพัดชาด้วยสายตาที่หญิงสาวถึงกับรู้ตัวว่าละลาบละล้วงกับเขามากไปแล้ว
" คือ พัดไม่รู้ว่าจะไปไหนเลยอยากไปที่บ้านพี่หมอ "
" ที่บ้านไม่มีใครถ้าคุณพัดไปเกรงว่าจะไม่สะดวกนัก "
" ทีคนไข้เขายังอยู่ได้ หรือว่าเป็นคนไข้คนพิเศษของพี่หมอคะ "
พัดชาพูดไปอย่างนั้นแต่คำตอบของหมอทำให้หญิงสาวถึงกับร้อนไปทั้งใจ
" ครับ เธอเป็นคนไข้ที่พิเศษของผม "
" พี่หมอ "
" ผมขอตัวก่อนนะครับ "
หมอพูดแล้วเดินออกไปทันทีพัดชามองตามใจร้อนผ่าวเหมือนคนอกหักเลยทีเดียว
" พูดแบบนี้แสดงว่าพี่หมอมีแฟนแล้วน่ะสิ ไม่ยอม ยังไงฉันก็ไม่ยอม ไม่ยอม "
พัดชาปึงปังอยู่คนเดียว
อาการของแม้นมาศหนักขึ้นทุกวันจนเธอไม่มีแรงที่จะลุกเดินได้แต่ยังไม่ยอมให้กีรติพาเธอไปโรงพยาบาล
" มาศ คุณจะดื้อไม่ยอมรักษาตัวของคุณเพื่อประโยชน์อะไร "
" คุณถามประโยชน์ที่ฉันจะได้หรือ กริม ประโยชน์ของฉันมันมหาศาลนักคุณรู้เอาไว้ซะด้วย "
" คุณอยากตาย "
" ใช่ ฉันอยากตาย ได้ยินหรือยังว่าฉันอยากตาย ตายเพื่อที่จะได้หลุดพ้นไปจากคุณเสียที "
" แล้วคนที่คุณรอเขาล่ะ ไหนคุณบอกว่าจะรอเขาแล้วทำไมจะรีบตายหรือว่าหมดหวังแล้วที่เขาจะมาหาคุณ "
" หยุดเดี๋ยวนี้นะ "
" คุณจะเอาอย่างไรกันแน่มาศ จะรอเขาหรือจะรีบตาย "
กีรติพูดเสียงเย็นแม้นมาศปัดของที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้มือเธออย่างระงับอารมณ์ไม่ได้ที่กีรติพูดจี้ใจดำเธออย่างจัง
เมื่อแม้นมาศออกแรงอาละวาดเลือดก็ทะลักออกปากออกจมูกของเธออย่างน่ากลัว กีรติเข้าช่วยประคองแต่แม้นมาศพยายามดิ้นรนไม่ให้เขามาช่วยเธอไม่นานร่างผอมบางของแม้นมาศก็แน่นิ่งหมดสติ กีรติเดินกลับลงมาข้างล่างเลือดของแม้นมาศเปรอะเปื้อนเสื้อสีฟ้าอ่อนจนแดงฉานไปทั้งอก อนินเห็นสภาพแล้วถามพี่ชายอย่างกังวล
" มันบ่อยมากไปแล้วนะพี่กริม เขาเป็นอะไรกันแน่ "
" เขาไม่ยอมไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล พี่ก็ตรวจไม่ถูกเหมือนกันนิน "
" อย่างนั้นก็ปล่อยให้ตายไปเลย จะได้ไม่ต้องมาอยู่ให้ทุเรศทุรังอย่างนี้ "
อนินพูดอย่างสุดจะหมั่นไส้แม้นมาศที่ไม่ยอมไปตรวจรักษาตัวเอง
" เขาก็คงอยากจะตายจริงๆ "
" แต่ผมว่าคนที่ตายก่อนน่าจะเป็นพี่กริมนะ เจอแบบนี้ประสาทกินตายก่อนแน่ "
" นิน พี่ขอร้อง เรื่องระหว่างพี่กับเขายังไงพี่ก็อยากให้นินทน "
" พี่กริมครับ "
อนินถอนใจยาวอยากจะพูดอยากจะว่าอีกแต่เห็นสีหน้าและแววตาของพี่ชายแล้วเขาก็ต้องเงียบ
พัดชาเดินใจลอยเสียใจที่คิดว่ากีรติมีแฟนแล้วจนกระทั่งมาถึงคอกม้า คนงานเลี้ยงม้ากำลังจะให้ม้าผสมพันธุ์กันอยู่พอดี
" คุณพัดมาทำอะไรแถวนี้ครับ "
" เดินเล่น ทำไมแถวนี้ห้ามมาเดินเล่นหรือไง "
" เปล่าครับ แต่วันนี้เรากำลังจะให้ม้าผสมพันธุ์กันคุณพัดกลับไปก่อนดีไหมครับ "
คนงานบอกเพราะไม่อยากให้เจ้านายสาวมาอยู่ดูการผสมพันธุ์ของม้าที่มันน่าจะไม่หมาะสม
" ก็ผสมไปสิฉันจะดูบ้างไม่ได้หรือไง "
" มันจะดีหรือครับ "
" ทำไม ไม่ดียังไง ฉันก็อยากดูการผสมพันธุ์ของม้าเหมือนกัน "
พัดชาพูดหน้าตาเฉย คนงานมองหน้ากันแต่เมื่อเห็นพัดชาไม่สนใจอะไรแต่จะดูด้วยก็จึงดำเนินการของพวกเขาต่อไป ก็พัดชาไม่อายแล้วจะไปอายแทนหล่อนทำไม ลุงหัวหน้าคนงานเอาไซรีนฉีดยาออกมาแล้วดูดเอาน้ำยาจากขวดหลอดเล็กๆพัดชายืนดูถามอย่างสงสัย
" ยาอะไรล่ะน้า "
" ทิงเจอร์ขาวครับ "
" ทิงเจอร์ขาวใช้ทำอะไร "
" เอาให้ม้ามันกินเพื่อกระตุ้นให้ม้ามันคึกครับ "
" ทำไมต้องให้มันคึกล่ะ "
พัดชาถามเพราะไม่รู้ว่าทิงเจอร์ขาวมันมีผลอย่างไรกับม้า
" โธ่ คุณพัดครับ ม้ามันไม่ยอมผสมพันธุ์เองเราก็ต้องให้ยากระตุ้นมัน มันจะได้ผสมพันธุ์กันสำเร็จเรียกว่าผสมเทียมแบบจริงๆ "
พัดชาจ้องมองตาเป๋ง เธอถามหัวหน้าคนงานอีกเมื่อความคิดอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง
" แล้วไอ้ทิงเจอร์ขาวอะไรเนี่ยคนกินได้ไหม "
" โอย คนเขาไม่กินกันหรอกครับ "
คนงานผู้ชายอีกสองคนหัวเราะที่พัดชาถามแบบนั้นหัวหน้าคนงานรีบอธิบาย
" ถ้าให้คนกินก็ตายกันพอดี "
" ตายเหรอ ทีม้ามันยังผสมพันธุ์กันแล้วคนกินทำไมถึงตายล่ะ "
" มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ แหมผมจะพูดอย่างไรดีคุณพัดถึงจะเข้าใจล่ะครับ "
" ก็พูดออกมาแบบว่าฟังแล้วรู้เรื่องเข้าใจเลยไม่ได้หรือไง "
" คือไอ้ยานี่ มันเป็นยากระตุ้นอย่างแรง เขาไม่ใช้กับคนกันหรอกครับคุณพัดลองคิดดูขนาดม้ามันยังยอมผสมพันธุ์กันแล้วคนเรี่ยวแรงไม่เท่าม้ากินเข้าไปมันจะควบคุมตัวเองได้อย่างไร เสียคนเลยแหละถ้าเกิดกินเข้าไป
" อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว อย่างนั้นที่เหลือนี่ฉันเอาไปนะ "
" คุณพัด คุณพัดจะเอายานั่นไปทำอะไรมันแพงมากเลยนะครับ คุณท่านซื้อมาแค่ขวดเดียวเหลือผมต้องเอาไปคืนท่าน "
" ฉันจะเอาไปคืนคุณย่าเอง "
พัดชาบอกแล้วเดินหนีออกมาจากคอกม้า ความคิดของพัดชาตอนนี้มันน่ากลัวมากกับการที่เธอเอายาร้ายแรงนั่นมา
ย่าพวงครามกับลัยวัลย์และป้าสนไปทำบุญกันที่วัดกันส่วนราวินยังไม่ออกมาจากห้อง พัดชาออกมานั่งที่ระเบียงบ้านมองน้ำฝรั่งคั้นในแก้วด้วยสายตาหมายมั่น
" นายวิน นายจะต้องเป็นหนูทดลองยาให้ฉันดูสรรพคุณยาทิงเจอร์ขาวนี่ว่ามันจะเป็นยังไง ราวินตื่นนอนเขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินมายังห้องรับประทานอาหาร กับข้าวบนโต๊ะป้าสนจัดเตรียมเอาไว้แล้ว เขาจึงลงมือกินข้าวมื้อเช้าจนอิ่มแล้วตบท้ายด้วยน้ำฝรั่งคั้นหนึ่งแก้วที่รินวางไว้ ราวินไม่รู้ว่าพัดชาแอบบดูผลงานอยู่ไม่ห่างจนเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพัดชาไม่เห็นราวินหล่อนจึงออกเดินหา
" ไปไหนแล้วหนูทดลองยาของฉัน "
พัดชาเดินหาไม่เจอราวินจึงกลับไปที่ห้องของเธออย่างเซงๆแต่พอปิดประตูแล้วหันมาเท่านั้นพัดชาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อราวินที่เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำถลันเข้ามาเอามืออุดปากฌธอแล้วลากไปที่เตียงพัดชาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดแต่ราวินไม่มีสติจะควบคุมตัวเองได้พัดชาจึงกลายเป็นเหยื่อของของราวินอีกต่ออย่างช่วยไม่ได้ เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงกว่ายาจะหมดฤทะราวินหมดแรงฟุบคาอกของพัดชาที่นอนลืมตาฌพลงน้ำตาไหลพราก พัดชาผลักราวินลงจากตัวของเธอแล้วลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างคราบเลือดคราบคาวและน้ำตาที่อาบนองไปทั้งเนื้อตัวหน้าตา พัดชาร้องไห้อยู่ในห้องน้ำจนสาแก่ใจจึงออกมาราวินไม่ได้อยู่ในห้องแล้วทิ้งไว้แต่คราบเลือดและความอัปยศที่พัดชาต้องจดจำไปจนวันตาย ทุกอย่างเธอจะโทษใครนอกจากโชคชะตาที่แกล้งเธอโชคชะตาแกล้งเธอชัดๆ
พัดชาขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ย่าพวงครามให้ป้าสนไปตามออกมากินข้าวมื้อเย็นพร้อมกัน ป้าสนกลับมาบอกว่าพัดชาไม่ออกมากิน
" เขาเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ไม่เห็นออกมาจากห้องตั้งแต่ฉันกลับมาจากวัดแล้ว "
ราวินนั่งเงียบแต่ไม่กล้าสบตาผู้เป็นย่านักเพราะความผิดครั้งนี้มหันต์เหลือเกิน
" เอาเขาไม่ออกมากินเราก็กินกันได้เลย สนเดี๋ยวเธอก็เข้าไปดูเขาอีกทีนะเผื่อไม่สบายจะได้หาหยูกยาให้กิน "
" ค่ะคุณท่าน "
" อาทิตย์หน้าวัลย์ก็กลับกรุงเทพฯแล้วสินะ ย่าล่ะใจหายมาอยู่ให้คิดถึงแล้วก็กลับ "
" เอาไว้มีวันหยุดยาวหลายวันวัลย์จะมาเยี่ยมคุณย่าอีก "
" จ่ะ ย่าจะคอย แล้ววินล่ะจะอยู่กับย่าก่อนหรือจะกลับไปกับน้องเลย "
" ผมก็ต้องกลับครับคุณย่า เพื่อนโทรมาบอกว่าได้งานแล้วคงต้องไปทำงานซะที "
" ไปทำงานที่ไหนล่ะ "
" ก็คงที่ภูเก็ตครับ "
" โอย ทำไมไกลขนาดนั้น ทำไมไม่หางานใกล้บ้านทำไม่ห่วงแม่ไม่ห่วงน้องบ้างหรือไง "
" ก็ห่วงครับ แต่งานที่นั่นเพื่อนบอกเงินดีมาก แล้วผมก็อยากไปทำด้วยครับ "
" เงินดีอย่างไร มาทำกับย่าย่าจะให้มากกว่าด้วย "
" ให้ผมได้ลองทำงานในสาขาที่ผมเรียนมาก่อนนะครับเมื่อเบื่อแล้วผมจะมารบกวนคุณย่าอยู่กับคุณย่าที่นี่ "
" เอา ก็ไม่ว่ากัน ตกลงก็กลับไปกันหมดเหลือคนแก่อยู่ที่นี่คนเดียว "
" คนเดียวที่ไหนคะคุณย่าพี่พัดก็ยังอยู่อีกคน "
" แม่นั่นน่ะ เขาเอานิยมนิยายอะไรไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปนั่นเดี๋ยวไปนี่อีกหน่อยเขาเบื่อคนแก่เขาก็คงไปจากย่า"
รอวัน...จันทร์ส่องหล้า ตอนที่ 9
" พี่หมอ "
" คุณพัด มีอะไรหรือเปล่าครับ "
" พัดปวดหัวค่ะมาขอยาพี่พัดกิน "
" ปวดหัวหรือครับ มีไข้ด้วยหรือเปล่าให้ผมตรวจให้หน่อยดีไหม "
" ไม่ต้องตรวจก็ได้ค่ะ พัดปวดหัวเครียดกินยาอย่างเดียวก็ได้ "
หมอมองหน้าหญิงสาวไม่ได้หม่นหมองอะไรจึงไม่ให้ยากับเธอ
" ถ้าปวดหัวไม่มาก ผมว่าคุณดื่มน้ำเย็นๆแล้วนั่งพักสักครู่น่าจะดีกว่ากินยานะครับ ถ้ามันไม่ดีขึ้นค่อยกินยา "
กีรติบอกแล้วเดินไปเปิดตู้เย็นรินน้ำเย็นใส่แก้วเอามาส่งให้พัดชา พัดชามองหมอทำตาซึ้งอย่างขอบคุณจนหมอต้องเมินมองไปทางอื่นอย่างอึดอัดใจกับท่าทางของเธอ
" พี่หมอน่ารักที่สุดเลย เวลาพัดอยู่ใกล้ๆพี่หมอแล้วรู้สึกอบอุ่นใจสบายใจอย่างที่สุด "
หมอเดินไปนั่งทีร่เก้าอี้พักผ่อนพัดชาเดินตามปากก็พูดไม่หยุด
" นี่ถ้าพัดได้อยู่กับพี่หมอตลอดพัดคงมีความสุขที่สุดในโลก "
" มันก็ไม่แน่ คุณอาจจะรู้สึกว่าเป็นคนโชคร้ายที่สุดในโลกก็ได้ "
" ไม่จริงหรอกค่ะ พี่หมอทั้งดีทั้งหล่อใครอยู่ด้วยแล้วบอกว่าโชคร้ายก็บ้าที่สุดแล้ว "
" แต่มีคนที่เขาพูดคำนี้ออกมาแล้ว "
หมอพูดเบาๆเหมือนรำพึงกับตัวเองแววตาขมขื่นฉายวูบโดยที่พัดชาไม่ทันได้สังเกตเห็น พัดชาเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งใกล้ๆหมอแล้วเอามือเท้าคางนั่งมองหน้าหมออย่างหลงใหล
" วันนี้คุณพัดไม่ไปไหนหรือครับ "
" แหมพี่หมอถามเหมือนพัดเป็นนักเที่ยวไปไหนๆทุกวันอย่างนั้นแหละ พัดน่ะไม่ค่อยไปไหนหรอกค่ะแต่ถ้าคนที่อยู่ไม่ค่อยติดบ้านต้องหลานสาวคนใหม่ของคุณย่าค่ะ วันๆขี่รถตะลอนๆเข้าป่าเข้ารกไม่รู้หาอะไรนักหนาสักวันถ้างูไม่กัดตายก็คงโดนเสือลงมาจากป่าคาบเอาไปกิน "
หมอกีรตินั่งฟังพัดชาพูดเงียบๆส่วนพัดชาก็เหมือนอัดอั้นตันใจอะไรมานานจึงนินทาว่าลัยวัลย์อย่างสะใจปาก
" คุณย่าก็รักหลงเขาทำอะไรดีไปหมดสวยไปหมด ขนาดไปเที่ยวเก็บเม็ดมะกร่ำเม็ดมะขามเก็บกรวดเก็บทรายมาทำอะไรบ้าๆบอๆคุณย่าก็ชมว่าสวยชมว่าดีพัดแล้วจะบ้าตาย ถ้าแม่นั่นเป็นเด็กเล็กๆก็ไปอย่างนี่โตเป็นควายทำอะไรไร้สาระแล้วเอามานั่งชมพัดรับไม่ได้ "
" ทำไมคุณพัดคิดว่าสิ่งที่คุณวัลย์ทำ ไร้สาระ งานศิลปะผมว่ามันสร้างสรรค์มากกว่านะครับ "
" งานศิลปะอะไรกันคะพี่หมอ พัดดูไม่เข้าท่าซักอย่าง ถ้าอยากทำงานศิลปะก็วาดรูปถ่ายรูปที่มันสวยๆสิคะหรือว่าตัดเย็บเสื้อผ้าที่มันใช้ประโยชน์ได้ แต่นี่กรวดหินดินทรายสกปรกรกรุงรังน่ะสิคะ นี่เห็นว่าตะลอนออกหาเก็บเม็ดมะกร่ำ ป้าสนก็อีกคนไปตลาดก็เที่ยวขนเม็ดมะขามเม็ดระกำเอามาล้างตากไว้ให้กันไม่รู้จะช่วยกันทำอะไรบ้าๆไปถึงไหน "
" คุณพัดหายปวดหัวแล้วใช่ไหมครับ "
" ดีขึ้นแล้วค่ะ ได้คุยกับพี่หมอแล้วสบายใจขึ้นตั้งเยอะ "
" จะเที่ยงแล้วผมต้องขอตัวกลับไปบ้านก่อน "
" พี่หมอจะกลับไปทานข้าวหรือคะ "
" ผมมีคนไข้อยู่ที่บ้าน จะกลับไปดูสักหน่อย "
" คนไข้ที่บ้านหรือคะ พี่หมอรับรักษาคนไข้ที่บ้านด้วยหรือคะ "
หมอเงียบไม่ตอบ พัดชายิ่งสงสัย
" ขอพัดไปดูคนไข้ที่บ้านพี่หมอด้วยได้ไหมคะ "
หมอมองพัดชาด้วยสายตาที่หญิงสาวถึงกับรู้ตัวว่าละลาบละล้วงกับเขามากไปแล้ว
" คือ พัดไม่รู้ว่าจะไปไหนเลยอยากไปที่บ้านพี่หมอ "
" ที่บ้านไม่มีใครถ้าคุณพัดไปเกรงว่าจะไม่สะดวกนัก "
" ทีคนไข้เขายังอยู่ได้ หรือว่าเป็นคนไข้คนพิเศษของพี่หมอคะ "
พัดชาพูดไปอย่างนั้นแต่คำตอบของหมอทำให้หญิงสาวถึงกับร้อนไปทั้งใจ
" ครับ เธอเป็นคนไข้ที่พิเศษของผม "
" พี่หมอ "
" ผมขอตัวก่อนนะครับ "
หมอพูดแล้วเดินออกไปทันทีพัดชามองตามใจร้อนผ่าวเหมือนคนอกหักเลยทีเดียว
" พูดแบบนี้แสดงว่าพี่หมอมีแฟนแล้วน่ะสิ ไม่ยอม ยังไงฉันก็ไม่ยอม ไม่ยอม "
พัดชาปึงปังอยู่คนเดียว
อาการของแม้นมาศหนักขึ้นทุกวันจนเธอไม่มีแรงที่จะลุกเดินได้แต่ยังไม่ยอมให้กีรติพาเธอไปโรงพยาบาล
" มาศ คุณจะดื้อไม่ยอมรักษาตัวของคุณเพื่อประโยชน์อะไร "
" คุณถามประโยชน์ที่ฉันจะได้หรือ กริม ประโยชน์ของฉันมันมหาศาลนักคุณรู้เอาไว้ซะด้วย "
" คุณอยากตาย "
" ใช่ ฉันอยากตาย ได้ยินหรือยังว่าฉันอยากตาย ตายเพื่อที่จะได้หลุดพ้นไปจากคุณเสียที "
" แล้วคนที่คุณรอเขาล่ะ ไหนคุณบอกว่าจะรอเขาแล้วทำไมจะรีบตายหรือว่าหมดหวังแล้วที่เขาจะมาหาคุณ "
" หยุดเดี๋ยวนี้นะ "
" คุณจะเอาอย่างไรกันแน่มาศ จะรอเขาหรือจะรีบตาย "
กีรติพูดเสียงเย็นแม้นมาศปัดของที่วางอยู่บนโต๊ะใกล้มือเธออย่างระงับอารมณ์ไม่ได้ที่กีรติพูดจี้ใจดำเธออย่างจัง
เมื่อแม้นมาศออกแรงอาละวาดเลือดก็ทะลักออกปากออกจมูกของเธออย่างน่ากลัว กีรติเข้าช่วยประคองแต่แม้นมาศพยายามดิ้นรนไม่ให้เขามาช่วยเธอไม่นานร่างผอมบางของแม้นมาศก็แน่นิ่งหมดสติ กีรติเดินกลับลงมาข้างล่างเลือดของแม้นมาศเปรอะเปื้อนเสื้อสีฟ้าอ่อนจนแดงฉานไปทั้งอก อนินเห็นสภาพแล้วถามพี่ชายอย่างกังวล
" มันบ่อยมากไปแล้วนะพี่กริม เขาเป็นอะไรกันแน่ "
" เขาไม่ยอมไปตรวจเช็คที่โรงพยาบาล พี่ก็ตรวจไม่ถูกเหมือนกันนิน "
" อย่างนั้นก็ปล่อยให้ตายไปเลย จะได้ไม่ต้องมาอยู่ให้ทุเรศทุรังอย่างนี้ "
อนินพูดอย่างสุดจะหมั่นไส้แม้นมาศที่ไม่ยอมไปตรวจรักษาตัวเอง
" เขาก็คงอยากจะตายจริงๆ "
" แต่ผมว่าคนที่ตายก่อนน่าจะเป็นพี่กริมนะ เจอแบบนี้ประสาทกินตายก่อนแน่ "
" นิน พี่ขอร้อง เรื่องระหว่างพี่กับเขายังไงพี่ก็อยากให้นินทน "
" พี่กริมครับ "
อนินถอนใจยาวอยากจะพูดอยากจะว่าอีกแต่เห็นสีหน้าและแววตาของพี่ชายแล้วเขาก็ต้องเงียบ
พัดชาเดินใจลอยเสียใจที่คิดว่ากีรติมีแฟนแล้วจนกระทั่งมาถึงคอกม้า คนงานเลี้ยงม้ากำลังจะให้ม้าผสมพันธุ์กันอยู่พอดี
" คุณพัดมาทำอะไรแถวนี้ครับ "
" เดินเล่น ทำไมแถวนี้ห้ามมาเดินเล่นหรือไง "
" เปล่าครับ แต่วันนี้เรากำลังจะให้ม้าผสมพันธุ์กันคุณพัดกลับไปก่อนดีไหมครับ "
คนงานบอกเพราะไม่อยากให้เจ้านายสาวมาอยู่ดูการผสมพันธุ์ของม้าที่มันน่าจะไม่หมาะสม
" ก็ผสมไปสิฉันจะดูบ้างไม่ได้หรือไง "
" มันจะดีหรือครับ "
" ทำไม ไม่ดียังไง ฉันก็อยากดูการผสมพันธุ์ของม้าเหมือนกัน "
พัดชาพูดหน้าตาเฉย คนงานมองหน้ากันแต่เมื่อเห็นพัดชาไม่สนใจอะไรแต่จะดูด้วยก็จึงดำเนินการของพวกเขาต่อไป ก็พัดชาไม่อายแล้วจะไปอายแทนหล่อนทำไม ลุงหัวหน้าคนงานเอาไซรีนฉีดยาออกมาแล้วดูดเอาน้ำยาจากขวดหลอดเล็กๆพัดชายืนดูถามอย่างสงสัย
" ยาอะไรล่ะน้า "
" ทิงเจอร์ขาวครับ "
" ทิงเจอร์ขาวใช้ทำอะไร "
" เอาให้ม้ามันกินเพื่อกระตุ้นให้ม้ามันคึกครับ "
" ทำไมต้องให้มันคึกล่ะ "
พัดชาถามเพราะไม่รู้ว่าทิงเจอร์ขาวมันมีผลอย่างไรกับม้า
" โธ่ คุณพัดครับ ม้ามันไม่ยอมผสมพันธุ์เองเราก็ต้องให้ยากระตุ้นมัน มันจะได้ผสมพันธุ์กันสำเร็จเรียกว่าผสมเทียมแบบจริงๆ "
พัดชาจ้องมองตาเป๋ง เธอถามหัวหน้าคนงานอีกเมื่อความคิดอย่างหนึ่งแล่นเข้ามาในสมอง
" แล้วไอ้ทิงเจอร์ขาวอะไรเนี่ยคนกินได้ไหม "
" โอย คนเขาไม่กินกันหรอกครับ "
คนงานผู้ชายอีกสองคนหัวเราะที่พัดชาถามแบบนั้นหัวหน้าคนงานรีบอธิบาย
" ถ้าให้คนกินก็ตายกันพอดี "
" ตายเหรอ ทีม้ามันยังผสมพันธุ์กันแล้วคนกินทำไมถึงตายล่ะ "
" มันไม่ใช่อย่างนั้นหรอกครับ แหมผมจะพูดอย่างไรดีคุณพัดถึงจะเข้าใจล่ะครับ "
" ก็พูดออกมาแบบว่าฟังแล้วรู้เรื่องเข้าใจเลยไม่ได้หรือไง "
" คือไอ้ยานี่ มันเป็นยากระตุ้นอย่างแรง เขาไม่ใช้กับคนกันหรอกครับคุณพัดลองคิดดูขนาดม้ามันยังยอมผสมพันธุ์กันแล้วคนเรี่ยวแรงไม่เท่าม้ากินเข้าไปมันจะควบคุมตัวเองได้อย่างไร เสียคนเลยแหละถ้าเกิดกินเข้าไป
" อ๋อ ฉันเข้าใจแล้ว อย่างนั้นที่เหลือนี่ฉันเอาไปนะ "
" คุณพัด คุณพัดจะเอายานั่นไปทำอะไรมันแพงมากเลยนะครับ คุณท่านซื้อมาแค่ขวดเดียวเหลือผมต้องเอาไปคืนท่าน "
" ฉันจะเอาไปคืนคุณย่าเอง "
พัดชาบอกแล้วเดินหนีออกมาจากคอกม้า ความคิดของพัดชาตอนนี้มันน่ากลัวมากกับการที่เธอเอายาร้ายแรงนั่นมา
ย่าพวงครามกับลัยวัลย์และป้าสนไปทำบุญกันที่วัดกันส่วนราวินยังไม่ออกมาจากห้อง พัดชาออกมานั่งที่ระเบียงบ้านมองน้ำฝรั่งคั้นในแก้วด้วยสายตาหมายมั่น
" นายวิน นายจะต้องเป็นหนูทดลองยาให้ฉันดูสรรพคุณยาทิงเจอร์ขาวนี่ว่ามันจะเป็นยังไง ราวินตื่นนอนเขาอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินมายังห้องรับประทานอาหาร กับข้าวบนโต๊ะป้าสนจัดเตรียมเอาไว้แล้ว เขาจึงลงมือกินข้าวมื้อเช้าจนอิ่มแล้วตบท้ายด้วยน้ำฝรั่งคั้นหนึ่งแก้วที่รินวางไว้ ราวินไม่รู้ว่าพัดชาแอบบดูผลงานอยู่ไม่ห่างจนเวลาผ่านไปเกือบยี่สิบนาทีพัดชาไม่เห็นราวินหล่อนจึงออกเดินหา
" ไปไหนแล้วหนูทดลองยาของฉัน "
พัดชาเดินหาไม่เจอราวินจึงกลับไปที่ห้องของเธออย่างเซงๆแต่พอปิดประตูแล้วหันมาเท่านั้นพัดชาก็ต้องตกใจสุดขีดเมื่อราวินที่เนื้อตัวเปียกปอนไปด้วยน้ำถลันเข้ามาเอามืออุดปากฌธอแล้วลากไปที่เตียงพัดชาดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อเอาตัวรอดแต่ราวินไม่มีสติจะควบคุมตัวเองได้พัดชาจึงกลายเป็นเหยื่อของของราวินอีกต่ออย่างช่วยไม่ได้ เวลาผ่านไปนานนับชั่วโมงกว่ายาจะหมดฤทะราวินหมดแรงฟุบคาอกของพัดชาที่นอนลืมตาฌพลงน้ำตาไหลพราก พัดชาผลักราวินลงจากตัวของเธอแล้วลุกขึ้นเดินโซซัดโซเซไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างคราบเลือดคราบคาวและน้ำตาที่อาบนองไปทั้งเนื้อตัวหน้าตา พัดชาร้องไห้อยู่ในห้องน้ำจนสาแก่ใจจึงออกมาราวินไม่ได้อยู่ในห้องแล้วทิ้งไว้แต่คราบเลือดและความอัปยศที่พัดชาต้องจดจำไปจนวันตาย ทุกอย่างเธอจะโทษใครนอกจากโชคชะตาที่แกล้งเธอโชคชะตาแกล้งเธอชัดๆ
พัดชาขังตัวเองอยู่แต่ในห้อง ย่าพวงครามให้ป้าสนไปตามออกมากินข้าวมื้อเย็นพร้อมกัน ป้าสนกลับมาบอกว่าพัดชาไม่ออกมากิน
" เขาเป็นอะไรหรือเปล่า วันนี้ไม่เห็นออกมาจากห้องตั้งแต่ฉันกลับมาจากวัดแล้ว "
ราวินนั่งเงียบแต่ไม่กล้าสบตาผู้เป็นย่านักเพราะความผิดครั้งนี้มหันต์เหลือเกิน
" เอาเขาไม่ออกมากินเราก็กินกันได้เลย สนเดี๋ยวเธอก็เข้าไปดูเขาอีกทีนะเผื่อไม่สบายจะได้หาหยูกยาให้กิน "
" ค่ะคุณท่าน "
" อาทิตย์หน้าวัลย์ก็กลับกรุงเทพฯแล้วสินะ ย่าล่ะใจหายมาอยู่ให้คิดถึงแล้วก็กลับ "
" เอาไว้มีวันหยุดยาวหลายวันวัลย์จะมาเยี่ยมคุณย่าอีก "
" จ่ะ ย่าจะคอย แล้ววินล่ะจะอยู่กับย่าก่อนหรือจะกลับไปกับน้องเลย "
" ผมก็ต้องกลับครับคุณย่า เพื่อนโทรมาบอกว่าได้งานแล้วคงต้องไปทำงานซะที "
" ไปทำงานที่ไหนล่ะ "
" ก็คงที่ภูเก็ตครับ "
" โอย ทำไมไกลขนาดนั้น ทำไมไม่หางานใกล้บ้านทำไม่ห่วงแม่ไม่ห่วงน้องบ้างหรือไง "
" ก็ห่วงครับ แต่งานที่นั่นเพื่อนบอกเงินดีมาก แล้วผมก็อยากไปทำด้วยครับ "
" เงินดีอย่างไร มาทำกับย่าย่าจะให้มากกว่าด้วย "
" ให้ผมได้ลองทำงานในสาขาที่ผมเรียนมาก่อนนะครับเมื่อเบื่อแล้วผมจะมารบกวนคุณย่าอยู่กับคุณย่าที่นี่ "
" เอา ก็ไม่ว่ากัน ตกลงก็กลับไปกันหมดเหลือคนแก่อยู่ที่นี่คนเดียว "
" คนเดียวที่ไหนคะคุณย่าพี่พัดก็ยังอยู่อีกคน "
" แม่นั่นน่ะ เขาเอานิยมนิยายอะไรไม่ได้หรอก เดี๋ยวไปนั่นเดี๋ยวไปนี่อีกหน่อยเขาเบื่อคนแก่เขาก็คงไปจากย่า"