สวัสดีนะค่ะทุกคน ชื่อ นก อายุอานามก็เลขสามกว่าแล้วนะค่ะ วันนี้เขียนกระทู้เมื่อเกิดความประทับใจในตัวสินค้าและอยากบอกต่อสำหรับคนที่มีความสนใจเหมือนกันในการทานวิตามินและอาหารเสริมนะค่ะ ก่อนอื่นขอบอกก่อนเลยนะค่ะว่าเมื่อก่อนเรามีอคติในการกินวิตามินและอาหารเสริมเพราะเราคิดว่าไม่จำเป็นต้องมาเสียเงินในการซื้อผลิตภัณฑ์พวกเหล่านี้ กินผักกินผลไม้ทั่วไปและอาหารคงได้วิตามินครบแล้ว ซึ่งเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของเรา ณ. ตอนนั้น แต่พอเราย้อนไปดูแล้วถือว่า เราคิดผิดเพราะ การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเราไม่ได้เป็นกลุ่มคนที่รักและเอาใจใส่สุขภาพ คือ ทำงานเยอะมาตั้งแต่เด็ก, นอนดึก, กินอาหารไม่ตรงเวลา (บางวันกินข้าวสองมื้อ มื้อที่สองก็ตอนดึกสี่ ห้าทุ่ม ไม่กี่ชม.ก็เข้านอน)และไม่ชอบออกกำลังกาย เพราะไม่ค่อยมีเวลาและขี้เกียจด้วย ( วันหยุดก็อยากนอนทั้งวันไม่อยากทำอะไร ) เราใช้ชีวิตแบบนี้มาหลายปีโดยที่เราไม่ค่อยใส่ใจ (คิดว่าตอนเด็กๆ ฉันก็เป็นนักกีฬา ทั้งเป็นนักวิ่ง, นักบาสเกตบอล,นักวอลเลย์บอล คือเล่นกีฬาเยอะมาก เลยคิดว่า ไม่เป็นไรหรอก เราออกกำลังกายมาเยอะล่ะ) และ คิดว่าเดี๋ยวค่อยทำ เดี๋ยวค่อยทำ จนพอเราอายุเพิ่มขึ้น ประมาณอายุ 28 สุขภาพของเรา ร่างกายของเราเริ่มแสดงอาการ เริ่มเจ็บออดๆ แอ่ดๆ, ปวดตามข้อกระดูก,และเป็นภูมิแพ้อากาศ อากาศเปลี่ยนนิดหน่อยก็เป็นหวัดเป็นไข้ จนตอนที่อยู่เมืองไทย(ตอนนี้นกอยู่ต่างประเทศนะค่ะ) ตอนนั้นเข้าโรงพยาบาลจนพยาบาลและหมอจำหน้าได้ (- -)"
ตอนนั้นก็คิดได้นะว่า ร่างกายมันเริ่มรวนล่ะ สงสัยมันคงแก่ไปตามสังขารอายุหรือป่าว แต่อีกความคิดหนึ่งก็บอกว่าอายุฉันก็ยี่สิบกว่าๆมันไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนี้ แต่ว่าทุกครั้งที่เราไปหาพบคุณหมอ คุณหมอก็จะแนะนำหลายอย่างมากๆ คุณควรดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ, ทานอาหารให้ครบห้าหมู่,ออกกำลังกาย คือบอกตามตรงเรารู้หมดแหล่ะที่หมอพูดมาแต่เราไม่ทำเอง แต่ที่แปลกจากข้อแนะนำที่เราไม่เคยรู้มาก่อนคือถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ คุณลองหาตัวช่วยด้วยการทานวิตามิน ซึ่งวิตามินตามพืชผักผลไม้ แต่คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณทานแต่ละวันมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่และร่างกายเรารับวิตามินได้มากเพียงพอกับที่เราบริโภคในแต่ละวันหรือป่าว เพราะ มนุษย์ต้องการวิตามินทุกวัน แล้วสมัยนี้ก็มีวิตามินแบบเป็นเม็ดเพื่อความสะดวกสบายแต่คุณนกควรศึกษาให้ดีก่อนจะเลือกทาน
ตอนนั้นเราฟังแล้วก็คิดว่า เอ่อ น่าสนใจน่ะ ดูมีสาระขึ้น แต่ว่า อีกล่ะ (- -)?
1.ถ้าสนใจ หมอมีวิตามินขายหรือป่าว?? (บอกแล้วว่ามีอคติ ซึ่งไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าหมอแนะนำทางเลือกที่ดีให้)
2.เคยได้ยินว่ากินยา กินวิตามิน อาหารเสริมเยอะ ไตจะเสื่อมแล้ว (แต่ไม่อยากบอกเลยว่า ยาที่ได้จากรพ.ก็เยอะเหมือนกัน คือตอนนั้นคิดไม่ได้ไง)
3.หมอไม่เข้าใจหรอว่า หนูทำงานตื่นก็เช้า ต้องมาขับรถแล้วต้องติดแหง็กแต่เช้า รถก็ติดมาก ข้าวเช้าแทบไม่ได้กิน บางเช้าก็ยังดีแค่ขนมปัง2 แผ่น กว่าจะได้กินอีกทีก็สายๆ ไม่งั้นก็กลางวันเลย บางวันเคลียร์งานไปทันก็ยาวไป คือหนูเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ หลายปีมาแล้ว
สรุป สิ่งๆดีที่คุณหมอแนะนำมานั้น หลังจากนั้น เราทำไม? เราทำบ้าง ก็มีเริ่มแรก ช่วงใหม่ๆน่ะ ที่ดูแลตัวเองบ้าง แต่ก็หายไปกลับมาเป็นวงจรเดิมๆ แต่ยังไม่กินวิตามิน ไปดูที่ร้านยาแหล่ะดูหลายยี่ห้อ แต่ละแบรนด์ก็ราคาค่อนข้างแพง แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร เอาไว้ก่อนนนน
......เกริ่นมายาวมาก เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งบางอย่างที่เรามองข้ามถ้าเราไม่เจอกับตัวเอง จะไม่รู้ว่าเป็นยังไง......
จุดพลิกผันก็เริ่มเมื่อเราอายุเลขสาม ตอนที่เราย้ายมาอยู่อเมริกา ที่นี่สภาพอากาศดีกว่าไทย โดยเฉพาะหน้าร้อน นกอยู่ที่เมืองซานฟรานนะค่ะ อากาศเย็นทั้งปี ดูจากสภาพเหมือนจะทำให้ร่างกายดูดี แข็งแรง ปอดทำงานดี หัวใจร่างกายปกติ แต่ว่า มันดีในส่วนหนึ่งแต่ส่วนที่ร่างกายเริ่มเป็นคือ ยิ่งเป็นหวัด ,ยิ่งปวดข้อกระดูก,ผิวแห้งมากและสิ่งที่รู้สึกน่ากลัวคือ เลือดกำเดาไหลตอนอากาศแห้ง ปกติแล้วตอนไทยก็มีบ้างแต่น้อยมากๆ แต่พอที่นี้ถ้าอากาศเริ่มแห้งก็จะไหลล่ะ ซึ่งบางคนคิดว่า เป็นเรื่องปกตินะค่ะ ถ้าอากาศแห้งแล้วเลือดกำเดาไหล แต่สำหรับเราที่เราบอกว่า มันไม่ปกติคือ ในหนึ่งอาทิตย์เลือดกำเดาไหล สามถึงสี่วัน คือน่ากลัวมาก จนแฟนเราตกใจ และเราก็ตกใจคิดว่าเช่นกัน เราเป็นอะไร ใกล้ตายแล้วหรอ
เราอยากจะไปหาหมอมากแต่บอกก่อนนะค่ะ ว่าที่นี่ค่ารักษาพยาบาลแพงมากกกกก ก็คิดหนักเหมือนกันไหนจะค่าเรียน ค่าเช่าห้องอีก ก็เลยลองดูว่าขอดูแลตัวเองก่อน ถ้าเกิดไม่ไหวค่อยไปหาหมอล่ะกัน (เพื่อนๆคงคิดว่า ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเอง คงดูแลและทำตามที่หมอแนะนำไม่ปล่อยให้เป็นจนถึงแย่แบบนี้หรอก) ซึ่งอาจจะช้าไปสำหรับทุกคนแต่คิดได้ตอนนี้ดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย จากนั้นเราก็ดูแลตัวเองแต่ไม่ได้เป๊ะน่ะ เพราะว่าด้วยอาหารการกินที่นี้อาหารส่วนใหญ่ก็ชีส ขนมปัง จะไปกินอาหารร้านไทยก็แพง จะทำกินที่นี้ก็ยุ่งยากเช่นกัน แต่สิ่งที่เราคิดและจำได้คือ ร่างกายเราต้องการวิตามินทุกวัน ถ้าเราไม่มีเวลาที่หาแบบนั้นก็ซื้อวิตามินดีๆมาลองทานไว้ดู เราก็ศึกษาเรื่องวิตามินแต่ละตัวแต่ละยี่ห้อที่อเมริกา ก็มีหลายตัวเหมือนกัน แต่ที่เรามาสะดุดใจเลือกตัว Women's Daily Pack ของ Finest Nutrition มาลองกินดู
เหตุมาจาก การที่ศึกษาในเน็ตมาหลายยี่ห้อแล้ว จนปวดหัวก็เลยไปเดินเล่นในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ตรงดิ่งไปแผนกวิตามินและอาหารเสริม บอกเลยว่ามีเยอะมาก ยื่นเอ่อ ตาลายไปสองวิแต่ละยี่ห้อก็บอกสรรพคุณโน่นนี่นั้น แค่ยืนดู อ่านก็ใช้เวลาเป็นช.ม แต่ขณะที่เราเลือกดูตัวอื่นอยู่ เราสังเกตเห็นว่า เจ้ากล่องนี้ สี่คนแหล่ะมาหยิบมัน เราก็เลยเขยิบเข้าไปดู หยิบมาอ่านว่ามันคืออะไร ทำไมคนถึงให้ความสนใจมากกว่ายี่ห้ออื่นที่เราดู ณ.ตอนนั้น จากนั้นเราอ่านดูสักพักก็เข้าใจในระดับต้นๆว่าเป็นวิตามินเหมาะสำหรับผู้หญิง ที่เค้าคำนวณมาว่าในแต่ละวันผู้หญิงควรได้รับอะไรบ้างในร่างกาย เราก็หยิบมาถ่ายรูป (ยังไม่ได้ซื้อนะค่ะ ลองไปศึกษาก่อน) กลายเป็นว่า Women's Daily Pack ของ Finest Nutrition มันได้รับความนิยมมานานแล้ว (แต่ไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีขายหรือป่าว ) แต่ที่นี่ขายดี มันจะแบบ ของผู้ชายด้วยนะค่ะ จะเป็น Men's Daily Pack ของ Finest Nutrition ซึ่งแต่ละเม็ดจะมีปริมาณแตกต่างกันและมีบางตัวที่ไม่เหมือนของผู้หญิง เพราะร่างกายและความต้องการวิตามินแตกต่างกัน เมื่อเราศึกษาและมั่นใจล่ะ เราก็เลยไปซื้อลองมาทานดูกว่าจะได้ของต้องไปซื้ออีกที่เพราะของหมดจะสั่งซื้อออนไลน์ก็ไม่ทันใจ ลองซื้อมา 1 กล่อง ซึ่งในกล่องมีทั้งหมด 30 ซอง แต่ละซองจะมี ตัววิตามินและอาหารเสริม 5 เม็ด ดังนี้
1. Multivitamin ( วิตามินรวม ที่เหมาะกับผู้หญิง)
2.Fish Oil (น้ำมันตับปลา ขนาด 1,000 มล.)
3. 1,800 IU of Vitamin D3
4.1,100 mg of Calcium ( แคลเซียม )
5.Cranberry ( สกัดจากแคลนเบอรรี่ ซึ่งประโยชน์จากผลแคลนเบอรี่เยอะมากนะค่ะ อยากให้เพื่อนๆลองศึกษาดู)
คำแนะนำคือ กินวันละ 1 หลังมื้ออาหารนะค่ะ ส่วนที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ พกพาง่ายเพราะรวมวิตามินในซองเดียวกัน ประหยัดเวลาที่ไม่ต้องเสียเวลาแยกซื้อวิตามินแล้วมาเก็บแยกใส่ในกล่องเล็กๆ พกพาไปกินข้างนอก หยิบซองเดียวจบ และประหยัดเงินที่เราไม่ต้องไปซื้อหลายตัว พอเราคำนวณก็แพงกว่าอีก ผลจากที่เรากินมา 1 เดือน ผลที่ได้มันออกจะเวอร์แต่มันเป็นเรื่องจริงคือ
1. เลือดกำเดาเราไม่ไหล
2.ผิวพรรณเรานุ่มและเนียนขึ้น ดูดีขึ้นกว่าเดิม
3.เราไม่เป็นหวัด น้ำมูกมีบ้างตอนหมอกลงจัดแต่กลับมาก็ไม่เป็นอะไร ไม่มีไข้ไม่ตัวร้อนเหมือนที่ผ่านมา
4.เรารู้สึกว่าเมื่อเราลุก หรืออากาศหนาวเราไม่รู้สึกปวดข้อหรือกระดูกมากเหมือนแต่ก่อน
แต่ส่วนข้างในร่างกายเราไม่รู้แต่ที่เราสังเกตได้ก็มีเท่านี้ (><) ถือว่าผลดีเกินคาดค่ะ (ปล. เรายังนอนดึก,กินขนมปังส่วนใหญ่ และยังไม่ออกกำลังกายน่ะ)
ตอนนี้ก็เริ่มกล่องที่สองแล้วค่ะ ก็เพิ่มตัววิตามินซี ของ Nature Made ขนาด 1,000 มล. ขนาดดูดซึมง่าย (Easy Absorption) ยี่ห้อนี้ก็คิดนานเหมือนกัน
เอาเป็นว่า นกกินเท่าที่ร่างกายเราจำเป็น
ท้ายนี้....ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านจนจบ กระทู้นี้หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ถือว่าเป็นความประทับใจของผลิตภัณฑ์และอยากบอกต่อ ส่วนถ้าใครมีเวลาที่ดูแลร่างกายและสุขภาพของตัวเองดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทานก็ได้ ไม่ใช่เอ๊ะอะอะไรก็กินวิตามินนะค่ะอย่างเดียว
** เราคิดว่าคงมีขายที่เมืองไทยเพราะตัวนี้ออกมานานแล้ว ลองสอบถามทางร้านที่ขายวิตามินดูค่ะ**
ท้ายท้ายสุด "อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานจนไม่มีทางแก้ไขนะค่ะ " สวัสดีค่ะ
[CR] ความคิดเปลี่ยนเมื่อฉันลองทานวิตามิน
ตอนนั้นก็คิดได้นะว่า ร่างกายมันเริ่มรวนล่ะ สงสัยมันคงแก่ไปตามสังขารอายุหรือป่าว แต่อีกความคิดหนึ่งก็บอกว่าอายุฉันก็ยี่สิบกว่าๆมันไม่น่าจะเป็นถึงขนาดนี้ แต่ว่าทุกครั้งที่เราไปหาพบคุณหมอ คุณหมอก็จะแนะนำหลายอย่างมากๆ คุณควรดูแลพักผ่อนให้เพียงพอ, ทานอาหารให้ครบห้าหมู่,ออกกำลังกาย คือบอกตามตรงเรารู้หมดแหล่ะที่หมอพูดมาแต่เราไม่ทำเอง แต่ที่แปลกจากข้อแนะนำที่เราไม่เคยรู้มาก่อนคือถ้าคุณไม่มีเวลาจริงๆ คุณลองหาตัวช่วยด้วยการทานวิตามิน ซึ่งวิตามินตามพืชผักผลไม้ แต่คุณต้องรู้ว่าสิ่งที่คุณทานแต่ละวันมีประโยชน์ต่อร่างกายหรือไม่และร่างกายเรารับวิตามินได้มากเพียงพอกับที่เราบริโภคในแต่ละวันหรือป่าว เพราะ มนุษย์ต้องการวิตามินทุกวัน แล้วสมัยนี้ก็มีวิตามินแบบเป็นเม็ดเพื่อความสะดวกสบายแต่คุณนกควรศึกษาให้ดีก่อนจะเลือกทาน
ตอนนั้นเราฟังแล้วก็คิดว่า เอ่อ น่าสนใจน่ะ ดูมีสาระขึ้น แต่ว่า อีกล่ะ (- -)?
1.ถ้าสนใจ หมอมีวิตามินขายหรือป่าว?? (บอกแล้วว่ามีอคติ ซึ่งไม่ดูสภาพตัวเองเลยว่าหมอแนะนำทางเลือกที่ดีให้)
2.เคยได้ยินว่ากินยา กินวิตามิน อาหารเสริมเยอะ ไตจะเสื่อมแล้ว (แต่ไม่อยากบอกเลยว่า ยาที่ได้จากรพ.ก็เยอะเหมือนกัน คือตอนนั้นคิดไม่ได้ไง)
3.หมอไม่เข้าใจหรอว่า หนูทำงานตื่นก็เช้า ต้องมาขับรถแล้วต้องติดแหง็กแต่เช้า รถก็ติดมาก ข้าวเช้าแทบไม่ได้กิน บางเช้าก็ยังดีแค่ขนมปัง2 แผ่น กว่าจะได้กินอีกทีก็สายๆ ไม่งั้นก็กลางวันเลย บางวันเคลียร์งานไปทันก็ยาวไป คือหนูเป็นแบบนี้อ่ะค่ะ หลายปีมาแล้ว
สรุป สิ่งๆดีที่คุณหมอแนะนำมานั้น หลังจากนั้น เราทำไม? เราทำบ้าง ก็มีเริ่มแรก ช่วงใหม่ๆน่ะ ที่ดูแลตัวเองบ้าง แต่ก็หายไปกลับมาเป็นวงจรเดิมๆ แต่ยังไม่กินวิตามิน ไปดูที่ร้านยาแหล่ะดูหลายยี่ห้อ แต่ละแบรนด์ก็ราคาค่อนข้างแพง แต่เราก็ไม่ได้ซื้อ เพราะคิดว่า ไม่เป็นไร เอาไว้ก่อนนนน
......เกริ่นมายาวมาก เพราะอยากให้ทุกคนรู้ว่า สิ่งบางอย่างที่เรามองข้ามถ้าเราไม่เจอกับตัวเอง จะไม่รู้ว่าเป็นยังไง......
จุดพลิกผันก็เริ่มเมื่อเราอายุเลขสาม ตอนที่เราย้ายมาอยู่อเมริกา ที่นี่สภาพอากาศดีกว่าไทย โดยเฉพาะหน้าร้อน นกอยู่ที่เมืองซานฟรานนะค่ะ อากาศเย็นทั้งปี ดูจากสภาพเหมือนจะทำให้ร่างกายดูดี แข็งแรง ปอดทำงานดี หัวใจร่างกายปกติ แต่ว่า มันดีในส่วนหนึ่งแต่ส่วนที่ร่างกายเริ่มเป็นคือ ยิ่งเป็นหวัด ,ยิ่งปวดข้อกระดูก,ผิวแห้งมากและสิ่งที่รู้สึกน่ากลัวคือ เลือดกำเดาไหลตอนอากาศแห้ง ปกติแล้วตอนไทยก็มีบ้างแต่น้อยมากๆ แต่พอที่นี้ถ้าอากาศเริ่มแห้งก็จะไหลล่ะ ซึ่งบางคนคิดว่า เป็นเรื่องปกตินะค่ะ ถ้าอากาศแห้งแล้วเลือดกำเดาไหล แต่สำหรับเราที่เราบอกว่า มันไม่ปกติคือ ในหนึ่งอาทิตย์เลือดกำเดาไหล สามถึงสี่วัน คือน่ากลัวมาก จนแฟนเราตกใจ และเราก็ตกใจคิดว่าเช่นกัน เราเป็นอะไร ใกล้ตายแล้วหรอ
เราอยากจะไปหาหมอมากแต่บอกก่อนนะค่ะ ว่าที่นี่ค่ารักษาพยาบาลแพงมากกกกก ก็คิดหนักเหมือนกันไหนจะค่าเรียน ค่าเช่าห้องอีก ก็เลยลองดูว่าขอดูแลตัวเองก่อน ถ้าเกิดไม่ไหวค่อยไปหาหมอล่ะกัน (เพื่อนๆคงคิดว่า ถ้าเกิดขึ้นกับตัวเอง คงดูแลและทำตามที่หมอแนะนำไม่ปล่อยให้เป็นจนถึงแย่แบบนี้หรอก) ซึ่งอาจจะช้าไปสำหรับทุกคนแต่คิดได้ตอนนี้ดีกว่าไม่ลองทำอะไรเลย จากนั้นเราก็ดูแลตัวเองแต่ไม่ได้เป๊ะน่ะ เพราะว่าด้วยอาหารการกินที่นี้อาหารส่วนใหญ่ก็ชีส ขนมปัง จะไปกินอาหารร้านไทยก็แพง จะทำกินที่นี้ก็ยุ่งยากเช่นกัน แต่สิ่งที่เราคิดและจำได้คือ ร่างกายเราต้องการวิตามินทุกวัน ถ้าเราไม่มีเวลาที่หาแบบนั้นก็ซื้อวิตามินดีๆมาลองทานไว้ดู เราก็ศึกษาเรื่องวิตามินแต่ละตัวแต่ละยี่ห้อที่อเมริกา ก็มีหลายตัวเหมือนกัน แต่ที่เรามาสะดุดใจเลือกตัว Women's Daily Pack ของ Finest Nutrition มาลองกินดู
เหตุมาจาก การที่ศึกษาในเน็ตมาหลายยี่ห้อแล้ว จนปวดหัวก็เลยไปเดินเล่นในซุปเปอร์มาเก็ตใกล้บ้าน ตรงดิ่งไปแผนกวิตามินและอาหารเสริม บอกเลยว่ามีเยอะมาก ยื่นเอ่อ ตาลายไปสองวิแต่ละยี่ห้อก็บอกสรรพคุณโน่นนี่นั้น แค่ยืนดู อ่านก็ใช้เวลาเป็นช.ม แต่ขณะที่เราเลือกดูตัวอื่นอยู่ เราสังเกตเห็นว่า เจ้ากล่องนี้ สี่คนแหล่ะมาหยิบมัน เราก็เลยเขยิบเข้าไปดู หยิบมาอ่านว่ามันคืออะไร ทำไมคนถึงให้ความสนใจมากกว่ายี่ห้ออื่นที่เราดู ณ.ตอนนั้น จากนั้นเราอ่านดูสักพักก็เข้าใจในระดับต้นๆว่าเป็นวิตามินเหมาะสำหรับผู้หญิง ที่เค้าคำนวณมาว่าในแต่ละวันผู้หญิงควรได้รับอะไรบ้างในร่างกาย เราก็หยิบมาถ่ายรูป (ยังไม่ได้ซื้อนะค่ะ ลองไปศึกษาก่อน) กลายเป็นว่า Women's Daily Pack ของ Finest Nutrition มันได้รับความนิยมมานานแล้ว (แต่ไม่แน่ใจว่าเมืองไทยมีขายหรือป่าว ) แต่ที่นี่ขายดี มันจะแบบ ของผู้ชายด้วยนะค่ะ จะเป็น Men's Daily Pack ของ Finest Nutrition ซึ่งแต่ละเม็ดจะมีปริมาณแตกต่างกันและมีบางตัวที่ไม่เหมือนของผู้หญิง เพราะร่างกายและความต้องการวิตามินแตกต่างกัน เมื่อเราศึกษาและมั่นใจล่ะ เราก็เลยไปซื้อลองมาทานดูกว่าจะได้ของต้องไปซื้ออีกที่เพราะของหมดจะสั่งซื้อออนไลน์ก็ไม่ทันใจ ลองซื้อมา 1 กล่อง ซึ่งในกล่องมีทั้งหมด 30 ซอง แต่ละซองจะมี ตัววิตามินและอาหารเสริม 5 เม็ด ดังนี้
1. Multivitamin ( วิตามินรวม ที่เหมาะกับผู้หญิง)
2.Fish Oil (น้ำมันตับปลา ขนาด 1,000 มล.)
3. 1,800 IU of Vitamin D3
4.1,100 mg of Calcium ( แคลเซียม )
5.Cranberry ( สกัดจากแคลนเบอรรี่ ซึ่งประโยชน์จากผลแคลนเบอรี่เยอะมากนะค่ะ อยากให้เพื่อนๆลองศึกษาดู)
คำแนะนำคือ กินวันละ 1 หลังมื้ออาหารนะค่ะ ส่วนที่ชอบอีกอย่างหนึ่งคือ พกพาง่ายเพราะรวมวิตามินในซองเดียวกัน ประหยัดเวลาที่ไม่ต้องเสียเวลาแยกซื้อวิตามินแล้วมาเก็บแยกใส่ในกล่องเล็กๆ พกพาไปกินข้างนอก หยิบซองเดียวจบ และประหยัดเงินที่เราไม่ต้องไปซื้อหลายตัว พอเราคำนวณก็แพงกว่าอีก ผลจากที่เรากินมา 1 เดือน ผลที่ได้มันออกจะเวอร์แต่มันเป็นเรื่องจริงคือ
1. เลือดกำเดาเราไม่ไหล
2.ผิวพรรณเรานุ่มและเนียนขึ้น ดูดีขึ้นกว่าเดิม
3.เราไม่เป็นหวัด น้ำมูกมีบ้างตอนหมอกลงจัดแต่กลับมาก็ไม่เป็นอะไร ไม่มีไข้ไม่ตัวร้อนเหมือนที่ผ่านมา
4.เรารู้สึกว่าเมื่อเราลุก หรืออากาศหนาวเราไม่รู้สึกปวดข้อหรือกระดูกมากเหมือนแต่ก่อน
แต่ส่วนข้างในร่างกายเราไม่รู้แต่ที่เราสังเกตได้ก็มีเท่านี้ (><) ถือว่าผลดีเกินคาดค่ะ (ปล. เรายังนอนดึก,กินขนมปังส่วนใหญ่ และยังไม่ออกกำลังกายน่ะ)
ตอนนี้ก็เริ่มกล่องที่สองแล้วค่ะ ก็เพิ่มตัววิตามินซี ของ Nature Made ขนาด 1,000 มล. ขนาดดูดซึมง่าย (Easy Absorption) ยี่ห้อนี้ก็คิดนานเหมือนกัน
เอาเป็นว่า นกกินเท่าที่ร่างกายเราจำเป็น
ท้ายนี้....ขอบคุณเพื่อนๆทุกคนที่อ่านจนจบ กระทู้นี้หวังว่าคงมีประโยชน์บ้างไม่มากก็น้อย ถือว่าเป็นความประทับใจของผลิตภัณฑ์และอยากบอกต่อ ส่วนถ้าใครมีเวลาที่ดูแลร่างกายและสุขภาพของตัวเองดีอยู่แล้วไม่จำเป็นต้องทานก็ได้ ไม่ใช่เอ๊ะอะอะไรก็กินวิตามินนะค่ะอย่างเดียว
** เราคิดว่าคงมีขายที่เมืองไทยเพราะตัวนี้ออกมานานแล้ว ลองสอบถามทางร้านที่ขายวิตามินดูค่ะ**
ท้ายท้ายสุด "อย่าปล่อยเวลาให้เนิ่นนานจนไม่มีทางแก้ไขนะค่ะ " สวัสดีค่ะ