คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
..ปัญหาครอบครัว ปัญหาชีวิต แบบหนู จขกท. เนี่ยนะคะ
มันเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำให้คนในครอบครัวนั้นๆ มีแต่ความทุกข์แสนสาหัส ..จริงๆ ค่ะ
..แต่ไม่ใช่ปัญหาที่หาดูได้ยากในสังคม เพราะจริงๆ แล้ว มันมีอยู่ดาษดื่น พบเห็นได้ทั่วไป
และมี "ลักษณะร่วม" กันอยู่อย่างหนึ่งนะ คือมันเป็น "วงจร" ที่จะส่งไม้ต่อไปให้..จากรุ่น สู่รุ่น
ไม่ต้องอื่นไกล..หนู จขกท. มองย้อนกลับไปดูพ่อแม่หนูน่ะแหละ
อย่างแม่หนู ..ท่านก็มีวัยเด็กที่เจ็บปวด มี "ปม" มีข้อเสีย ที่สุดท้ายก็ทำให้ไม่สามารถประคองชีวิตสมรสให้ตลอดรอดฝั่งได้
ถึงท่านจะเก่ง จะแกร่ง ..เลิกกับสามีแล้ว ยังมีปัญญาทำมาหากินเลี้ยงดู ส่งเสียลูกๆ ตั้ง 3 คน ให้สุขสบายตามอัตภาพ
ได้มีการศึกษา
..ถ้าท่านเป็นคนค้าขาย ..ท่านก็คงเป็น "แม่ค้า" ที่ประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าเลี้ยงดู ซะจนลูกนึกอยากฆ่าตัวตายตั้งแต่ ป.4 .. ท่านก็เป็น "แม่คน" ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
และได้ฝาก "แผลใจ" ไว้ให้ลูกๆ ..อย่างที่หนูระบายมายืดยาว จากความอัดอั้นมานานนั่นแหละค่ะ
ประเด็นคือ ..ตอนนี้ หนูอยู่ใน "วงจร" นั้น ..หนูก็เป็นเด็กเก็บกด สุขภาพจิตไม่ค่อยดี ..EQ ร่อแร่
เพราะตลอด 8,xxx วันในชีวิต สะสมมาแต่ความทุกข์
..ซึ่งมันบ่มเพาะให้หนูมีแนวคิด มีทัศนคติ ในเชิงลบซะมากกว่าจะเป็นเชิงบวก
ดังนั้น พอยิ่งโต ยิ่งมีบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ ที่มากขึ้น หลากหลายขึ้น
เช่น มีเรื่องงาน มีเรื่องแฟน เข้ามาอีก ..ด้วยพื้นฐานที่สุขภาพจิต และความฉลาดทางอารมณ์ของหนูไม่ค่อยดีอยู่แล้ว
เจอเข้าไป 3 เด้ง ( ทะเลาะกับแม่ เครียดกับงาน มีปัญหากับแฟน ) .. มันคือ "สึนามิ" สำหรับเด็กอายุแค่ 22 ชัดๆ
มันอยู่ที่หนูแล้วล่ะ ..ว่าหนูจะสามารถปรับทัศนคติของตัวเอง ให้ได้ดีกว่าคนรุ่นก่อนๆ มั้ย ?
หนูจะสามารถ "หลุดพ้น" จากวงจรนี้ได้หรือไม่ ?
หรือหนูก็จะทำหน้าที่ "รับไม้ต่อ" มาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ..
แล้วเมื่อวันหนึ่งหนูเป็นแม่คน ..หนูก็จะ "ส่งผ่าน" พฤติกรรมเดียวกันนี้แหละ ไปสร้างบาดแผลให้ลูกๆ หนูต่อ
..แล้วลูกๆ ของหนู ก็จะเป็นเด็กเก็บกดแบบเดียวกับยายเค้า แม่เค้า ..
พอวันหน้าเค้าเป็นพ่อคนแม่คน เค้าก็ส่งผ่าน "มรดก" นี้ ไปให้ลูกเค้า ..คายตะขาบต่อๆ กันไป ..กลายเป็น "ทายาทอสูร"
อยู่ที่หนูแล้วนะ ..ว่าหนูจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหน
ด้วยความปรารถนาดีนะคะ และขอให้โชคดี
มันเป็นปัญหาใหญ่ ที่ทำให้คนในครอบครัวนั้นๆ มีแต่ความทุกข์แสนสาหัส ..จริงๆ ค่ะ
..แต่ไม่ใช่ปัญหาที่หาดูได้ยากในสังคม เพราะจริงๆ แล้ว มันมีอยู่ดาษดื่น พบเห็นได้ทั่วไป
และมี "ลักษณะร่วม" กันอยู่อย่างหนึ่งนะ คือมันเป็น "วงจร" ที่จะส่งไม้ต่อไปให้..จากรุ่น สู่รุ่น
ไม่ต้องอื่นไกล..หนู จขกท. มองย้อนกลับไปดูพ่อแม่หนูน่ะแหละ
อย่างแม่หนู ..ท่านก็มีวัยเด็กที่เจ็บปวด มี "ปม" มีข้อเสีย ที่สุดท้ายก็ทำให้ไม่สามารถประคองชีวิตสมรสให้ตลอดรอดฝั่งได้
ถึงท่านจะเก่ง จะแกร่ง ..เลิกกับสามีแล้ว ยังมีปัญญาทำมาหากินเลี้ยงดู ส่งเสียลูกๆ ตั้ง 3 คน ให้สุขสบายตามอัตภาพ
ได้มีการศึกษา
..ถ้าท่านเป็นคนค้าขาย ..ท่านก็คงเป็น "แม่ค้า" ที่ประสบความสำเร็จ
แต่ถ้าเลี้ยงดู ซะจนลูกนึกอยากฆ่าตัวตายตั้งแต่ ป.4 .. ท่านก็เป็น "แม่คน" ที่ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง
และได้ฝาก "แผลใจ" ไว้ให้ลูกๆ ..อย่างที่หนูระบายมายืดยาว จากความอัดอั้นมานานนั่นแหละค่ะ
ประเด็นคือ ..ตอนนี้ หนูอยู่ใน "วงจร" นั้น ..หนูก็เป็นเด็กเก็บกด สุขภาพจิตไม่ค่อยดี ..EQ ร่อแร่
เพราะตลอด 8,xxx วันในชีวิต สะสมมาแต่ความทุกข์
..ซึ่งมันบ่มเพาะให้หนูมีแนวคิด มีทัศนคติ ในเชิงลบซะมากกว่าจะเป็นเชิงบวก
ดังนั้น พอยิ่งโต ยิ่งมีบทบาท หน้าที่ ความรับผิดชอบ ที่มากขึ้น หลากหลายขึ้น
เช่น มีเรื่องงาน มีเรื่องแฟน เข้ามาอีก ..ด้วยพื้นฐานที่สุขภาพจิต และความฉลาดทางอารมณ์ของหนูไม่ค่อยดีอยู่แล้ว
เจอเข้าไป 3 เด้ง ( ทะเลาะกับแม่ เครียดกับงาน มีปัญหากับแฟน ) .. มันคือ "สึนามิ" สำหรับเด็กอายุแค่ 22 ชัดๆ
มันอยู่ที่หนูแล้วล่ะ ..ว่าหนูจะสามารถปรับทัศนคติของตัวเอง ให้ได้ดีกว่าคนรุ่นก่อนๆ มั้ย ?
หนูจะสามารถ "หลุดพ้น" จากวงจรนี้ได้หรือไม่ ?
หรือหนูก็จะทำหน้าที่ "รับไม้ต่อ" มาจากรุ่นพ่อรุ่นแม่ ..
แล้วเมื่อวันหนึ่งหนูเป็นแม่คน ..หนูก็จะ "ส่งผ่าน" พฤติกรรมเดียวกันนี้แหละ ไปสร้างบาดแผลให้ลูกๆ หนูต่อ
..แล้วลูกๆ ของหนู ก็จะเป็นเด็กเก็บกดแบบเดียวกับยายเค้า แม่เค้า ..
พอวันหน้าเค้าเป็นพ่อคนแม่คน เค้าก็ส่งผ่าน "มรดก" นี้ ไปให้ลูกเค้า ..คายตะขาบต่อๆ กันไป ..กลายเป็น "ทายาทอสูร"
อยู่ที่หนูแล้วนะ ..ว่าหนูจะเลือกทางเดินชีวิตแบบไหน
ด้วยความปรารถนาดีนะคะ และขอให้โชคดี
แสดงความคิดเห็น
ปัญหาที่เรื้อรัง เครียดแต่บอกใครไม่ได้ (ปรึกษา)
ตอนนี้เราอายุ 22ปี เรื่องราวมันเกิดขึ้นมาตั้งแต่ยังเด็ก ครอบครัวเราไม่สมบูรณ์ พ่อแม่ เลิกกัน ก่อนเลิกก็ทะเลาะกันทุกวันรุนอรง
จนเรา ป.6 พ่อแม่ก็อย่าขาดกัน ... แม่เราเป็นคนจีนแท้ๆ ซึ่ง ขี้บ่น และขยันเอามากๆ แกร่ง และเหมือนกับจะแสดงความรักไม่เป็น
เลยทำให้ พ่ออยู่กับแม่ไม่ได้ ...แม่เราแกมีชีวิตที่ไม่ดีมาตั้งแต่เด็ก ...เลยทำให้แกเป็นคนแบบนั้น
แต่เรื่องของเรามันก้คือ แม่เราชอบบ่นชอบด่าเราตั้งแต่เรา พึ่งจะรู้สา สักประมาณอนุบาล2 แม่ตีเราจนเลือดกำเดาไหล
หลังจากนั้น พอเราโดตเรื่อยๆ แกก้อชอบบ่นชอบด่าเรา บางที่เรายังไม่ได้ทำไรก็ด่า พอเราเถียงก็ตีเรา ตลอดจนถึง ม.3 เราโดนมาแล้วทั้ง
กิโล มีด ขวดแก้ว ไม้แขวน กาละมัง เก้าอี้ ไม้กวาด ซึ่งเราตอบตรงๆว่าเรารู้สึกแย่มากและเป็นเหมือนเด็กมีปันหา
แมชอบด่าเรา เราก็เป็นคนชอบเถึยงเพราะบางอย่างที่แม่ด่าเราไม่ได้ผิด แต่แม่เราเป็นคนที่ ทุกๆอย่างแกต้องถูก
ตั้งแต่เด้ก แม่เราไม่เคยไปรับไปส่ง ถึงส่งก้อนับครั้งได้ แกจะรีบตื่นเช้าไปตลาด เพื่อหาเงิน มาเลี้ยงครอบครัว ตอนเด็กๆเราก็ไม่ได้ไรมาก มาหนักๆ
เอาตอนที่เรา อยู่ ป.6 เราไปโรงเรียนนั่งเหม่อทุกวัน เราก็ไม่รู้หรอกว่าเรเปนไร เพราะเรายังเด็กไม่รู้สา แต่คุณครูที่สอนเรา พอเราเรียนจบคาบ
ก็ชอบมาถามมว่าเรามีอะไรหรือปล่าว มีอะไรบอกครุได้ ...เราก้อไม่ได้มีอะไร ตามประสาเด็ก
พอช่วงเราเข้า ม.ต้น เราตามเพื่อน แต่เราไม่ทำไรเสียหาย เรารักสนุก ชอบเที่ยวมากกว่า อยู่กับเพื่อนเยอ เลยไม่ได้ช่วยงาน
แต่เราอยู่บ้าน ทีไร ก็ต้องทะเลาะกันทุกที จนเรา้กลียดบ้านไปเลย ...เราเคยคิดค่าตัวตายตั้งแต่ ป.4
เพราะคิดว่าทำไม วะ เราทำไรก้อผิดไปหมด ...เราเป็นคนไม่เคยมีความมั่นใจ เพราะ แม่ชอบตีชอบตำหนิ
พอเราเข้า ม.ปลายเราก้อพอคิด ได้บ้าง ช่วยงานแม่ แต่ก็เหมือเดิมแกขี้บ่นขี้ด่า ทะเลากันเอาจริงปีนึงมี325วัน เราทะเลาะ ไป280-290วัน
เราบอกตรงว่าเราสุขภาพจิตไม่เหมือนเดกทั่วไปเรารู้ตัว แต่เราไม่เคยเอาปมด้อยครอบครัวมาทำไห้ชีวิตเราแย่
ทุกครั้งๆที่แม่ป่วยเราก้อเป็นคนแรกที่ดูแล (มีพี่น้องสามคน) เราเข้าปี1เรียนต่างจังหวัด อยู่ห่างกันก็รักกันดี แต่พอกลับมาบ้านก้อเอาอีก
ตอนนี้เราเรียนจบ..กลับมาอยู่บ้าน ทะเลาะกันทุกวัน เราร้องไห้จนหัวใจเราเย็นชา เพราะ แม่เราด่าเรา...โดยใช้คำหยาบ เช่น...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เวลาที่แม่ด่าเราแบบนี้เราเจ็บปวด เพราะคนที่ยามส่งเราไห้เข้าสังคมดีดี แต่กลับมาใช้คำพูดแบบนี้
พอเราเถียง แกก้อด่าว่า ส่งเราไห้เรียนปริญญา แต่ ดันมาเถียงแก แกก้อร้องไห้
ตอนนี้คือ บอกตรงๆ ครอบครัวเราจะมีควาทสุขมากกว่านี้ ถ้าแม่ไม่เอาแต่ใจขี้บ่น ขี้ด่า
เพราะเราโตแล้ว เราไม่อยากไห้แกใช้คำแบบนั้น ...ตอนนี้เราไม่กล้าออกไปไหน เรารู้สึกตัวเองโดดเดี่ยว
จริงๆ แล้วชีวิตเรามันก็มีหลายปันหารวมกัน ทั้งเรื่องแฟน งาน แต่ทุกครั้งที่เราเครียดท้อแท้ เราก้ออยากกลับมาอยู่บ้าน
แต่พอมาอยู่บ้านเรากลับเครียดว่าเดิมเป็นร้อยเท่า ร้องไห้ทุกวัน เหมือนคนเป็นโรคซึมเศร้า อะไรนิดๆหน่อยที่แกพูดเราก้อจะเจ็บ แล้วร้องไห้
จนเราไม่อยากทำอะไร เราไม่อยากตื่นมาด้วยซ้ำ ตอนพิมนี่ก็ยังร้องไห้ พอเราคิด เรื่องนี้ มันละเอียดอ่อนเหลือเกิน
เราเปรึกษาใคร เราก็ไม่สามารถเล่าความรู้สึกจากใจเราได้หมด เหมือนเราไม่มีที่พึ่งทางใจเลย เราคิดว่าบ้านคือสิ่งสุดท้ายที่เราเหลือ แต่มันเหมือนเป็นนรกทางใจ เรารักแม่มาก แต่เราก็เจ็บปวด ที่ต้องอยู่ที่นี่ ทั้งคำตำหนิ ด่า ดูถูก
มันคงเป็นสิ่งที่เราเก็บใจใจมาเกือบ20ปี เราแค่อยากมาระบายเฉยๆ เพราะทุกวันที่เราอยู่บ้านไม่สามาถรพูดกะใครได้
เราก้อยากหาย อยากเป็นคนจิตใจแจ่มใส่ มีแต่รอยยิ้ม อยากมีกำลังใจ ครอบครัวคือกำลังใจที่สำคัญ แต่ สำหรับเรา คงไม่ได้
ขอบคุณที่อ่านค่ะ !