Anorexia nervosa คืออะไร ?
อนาเร็กเซีย หรือ อนอเร็กเซีย เนอโวซ่า (Anorexia Nervosa) เป็นโรคของความผิดปกติในการกินเช่นเดียวกัน ผู้ป่วยจะมีปัญหาทางด้านจิตใจ มักรู้สึกว่าหากควบคุมการกินอาหารของตัวเองได้ ก็จะสามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ทำให้ร่างกายผ่ายผอมมากเนื่องจากพยายามลดอาหารและออกกำลังมากเกินไป มักเกิดในวัยรุ่นผู้หญิงอีกเช่นกัน อาการที่เด่นชัดคือพยายามอดอาหารหรือกินให้น้อยที่สุด เพราะรู้สึกมีปมด้อย ไม่พึงพอใจเรื่องรูปร่างของตนเอง
อาการของโรคในช่วงแรก คือ เด็กผู้หญิงมักประจำเดือนขาด ชอบชั่งน้ำหนักตัวบ่อยๆ วิตกกังวลเรื่องน้ำหนักตัวเกินเหตุ เลือกกินมากขึ้น ชอบคะยั้นคะยอให้คนอื่นกินแทน น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ และหมกมุ่นอยู่กับการออกกำลังกายให้มากที่สุดแต่กินให้น้อยที่สุด บางรายพยายามล้วงคออาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมา บังคับตัวเองให้อดอาหารน้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน การเจริญเติบโตชะงักงัน ภาวะการเจริญพันธุ์ลดลง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ชายก็เป็นได้เช่นกัน แต่เป็นจำนวน1/10 ของผู้หญิง และมันก็เกิดขึ้นกับผม
ผมเป็นโรค Anorexia หรือพวกคลั่งผอม มาเกือบ 2ปี จนน้ำหนักอยู่ที่ 42 กิโลกรัม สูง 167 BMI ประมาณ15.5-16.0
อาการที่เกิดขึ้นสำหรับผม คือ
1. พยายามกินอาหารที่แคลอรี่ต่ำมาก หรือยอมอดบางมื้อเพื่อให้ผอมลงอีก
2. ปฎิเสธการไปกินข้าวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ
3. แยกตัวออกมาอยู่คนเดียว คำนวณแคลอรี่ทุกอย่างในแต่ละวันที่กินเข้าไป
4. กินให้น้อยมากๆ และออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ้ เพื่อเบริ์นออกอย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่า 1 ชม
5. ของทอดไม่แตะ-ของหวาน ไม่กิน เลี่ยงทุกอย่างที่แคลอรี่สูงๆ และกินไม่เกิน 1 พันแคลอรี่ต่อวัน (สำหรับผมนะ)
6. บางครั้งเกิดอาการ Binge eating disorder คือ อดมากเกินไป ผมเคยอดเหลือ 600-700 แคลอรี่ต่อวัน แน่นอครับ ไม่พอสำหรับร่างกายแน่ๆ จนสวาปามเค้กสเวนเซ่นขนาด 4 ปอนด์( Miracle 4) คุกกี้อีก 10 กว่าชิ้นหมดภายในไม่ถึง 1 ชม ตามด้วยชีสเค้กอีก 2 ปอนด์
7. ชั่งน้ำหนักบ่อยมาก ชั่วโมงๆนึง จะช่างน้ำหนักตัวเองไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งได้ น้ำหนักขึ้นมาแค่ 0.1-0.2 กรัมจะรู้สึกหงุดหงิดมาก
ส่วนผลที่ตามมาที่ผมเจอ
1. จดจำอะไรต่างๆได้น้อยลง ลืมอะไรง่ายไปหมดหรือเรียกว่าสมาธิสั้น อ่านหนังสือไม่เกิน 5-10 นาทีก็ต้องหยุด เกินกว่านี้จำอะไรไม่ได้แล้วที่ได้อ่านไป
2. ขี้หนาวมาก อยู่ในห้องแอร์ อุณหภูมิ 25-26 องศาสำหรับผมหนาวมากๆ ต้องใส่เสื้อกันหนาวและต้องเปิดแอร์ที่ 27-28 องศาขึ้นไป
3. ตรวจวัดน้ำตาลและโคเลสเตอรอลในเลือดต่ำมาก คนปกติจะอยู่ที่ 150-200 มก แต่ผมอยู่ที่ 90 ซึ่งคุณหมอบอกว่าถ้าต่ำลงกว่านี้อีก จะตายได้ ต่ำก็ไม่ดี สูงก็ไม่ดี
4. ความดันชีพจรอยู่ที่ 80/45 อยู่ในระดับต่ำมากๆ มาเกือบ 2 ปีเต็มๆ มึนหัวตลอดเวลา จะเป็นลม
5. คุณหมอบอกถ้าไม่รักษาจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและช็อคตายได้
6. ตับถูกทำลาย ค่าเอนไซม์ในตับสูงเพราะการอดมาเป็นเวลานาน
7. ผมเคยอ่านบทความว่าสำหรับผู้หญิงที่เป็นโรค Anorexia ประจำเดือนจะไม่มา และเสี่ยงต่อการเป็นหมันสูง สำหรับผมที่เกิดขึ้น คือ อารมณ์ทางเพศหมด
8. ระบบขับถ่ายพัง ท้องผูก 5 วันก็ไม่ถ่าย ต้องกินยาถ่ายเพื่อให้ถ่ายออกมา เมื่อถ่ายออกมาแล้ว รู้สึกดี ไปวัดตัวเลขบนตาชั่งก็น้ำหนักลงไปอีก ชอบๆ
9. ผมร่วงและบางลงเยอะมาก
10. ผิวแห้งและแตกลาย
11. กลายเป็นคนอารมณ์ 2 ขั้วหรือ Bi-polar
จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต คือ คุณแม่ผมร้องไห้ ว่าทำไมวันๆผมไม่กินอะไรเลย ถามผมว่าติดยาเหรอ เวลาไปไหน คนทักว่าผอมแบบนี้ติดยาชัวๆ เหมือนโครงกระดูกเดินได้ เสื้อผ้าผู้ชาย โดยเฉพาะกางเกง เอวเล็กสุด คือ 28 ผมต้องซื้อกางเกงยีนผู้หญิงมาใส่ เอว 23 เท่านั้น ผมเห็นน้ำตาแม่ ผมสงสารแม่มาก แม่ชวนกินข้าว พ่อชวนกินข้าว ผมไม่ไป MK Fuji หรือ Pizza ที่เมื่อก่อนผมชอบกิน ผมไม่กิน ผมปฏิเสธหมด
หลังจากนั้นต้องหาหมอครับ โดยเฉพาะบำบัดกับจิตแพทย์ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ บำบัดมา 6 เดือนกว่าแล้ว กินของหวานมากขึ้น (เมื่อก่อนไม่แตะเลย เพราะกลัวอ้วนมาก) จนตอนนี้น้ำหนักมาอยู่ที่ 44 กิโลกรัม จนเลิกบำบัดไปได้สักพักแล้วครับ เข้าใจสิ่งที่ร่างกายต้องการ ว่าการอดมากๆเป็นเช่นไร
- เชื่อมั่นในตนเองและรักตัวเองให้มากๆครับ ข้อนี้สำคัญที่สุดและเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนทัศนคติคุณได้
- กินอาหารมากขึ้น
- ออกไปทานข้าวกับครอบครัวมากยิ่งขึ้น
- เปลี่ยนทัศนคติ ว่าผอม ไม่ได้หล่อ ผอมไม่ได้สวยเสมอไป
- ฟังเสียงร่างกาย ร่างกายคุณต้องอยู่กับคุณไปจนตายครับ
- ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว ชีวิตเราไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่ชีวิตเราเป็นของคุณพ่อ คุณแม่ พี่ ป้า น้า อา ที่คอยให้กำลังใจและทำให้เราเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
ปล. สังคมไทยปัจจุบันมีทัศนคติ ค่านิยมว่าคนผอมนั้นสวย คนผอมนั้นหล่อ แต่ผอมเกินไป จนเป็นแบบนางแบบ Victoria Secret อะไรแบบนั้น ไม่ไหวนะครับ อย่าปล่อยให้คนใกล้ตัวคุณเป็นโรคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เชื่อมั่นในตนเอง รักตัวเองให้มากๆ ชีวิตเราไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่ชีวิตเราเป็นของคุณพ่อ คุณแม่ด้วย เขาเลี้ยงดูให้เราเติบใหญ่มา เขารักเรา เราต้องรักตัวเองด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณเครดิตช่วงต้น ผมได้ก็อบมาจากกระปุก
http://health.kapook.com/view3714.html
Anorexia nervosa หรือคลั่งผอม ภัยเงียบสำหรับสังคมไทย อย่าปล่อยให้คนใกล้ตัวคุณเป็นโรคนี้นะครับ
อนาเร็กเซีย หรือ อนอเร็กเซีย เนอโวซ่า (Anorexia Nervosa) เป็นโรคของความผิดปกติในการกินเช่นเดียวกัน ผู้ป่วยจะมีปัญหาทางด้านจิตใจ มักรู้สึกว่าหากควบคุมการกินอาหารของตัวเองได้ ก็จะสามารถควบคุมชีวิตของตัวเองได้ ทำให้ร่างกายผ่ายผอมมากเนื่องจากพยายามลดอาหารและออกกำลังมากเกินไป มักเกิดในวัยรุ่นผู้หญิงอีกเช่นกัน อาการที่เด่นชัดคือพยายามอดอาหารหรือกินให้น้อยที่สุด เพราะรู้สึกมีปมด้อย ไม่พึงพอใจเรื่องรูปร่างของตนเอง
อาการของโรคในช่วงแรก คือ เด็กผู้หญิงมักประจำเดือนขาด ชอบชั่งน้ำหนักตัวบ่อยๆ วิตกกังวลเรื่องน้ำหนักตัวเกินเหตุ เลือกกินมากขึ้น ชอบคะยั้นคะยอให้คนอื่นกินแทน น้ำหนักตัวลดลงอย่างฮวบฮาบ และหมกมุ่นอยู่กับการออกกำลังกายให้มากที่สุดแต่กินให้น้อยที่สุด บางรายพยายามล้วงคออาเจียนเอาอาหารที่กินเข้าไปออกมา บังคับตัวเองให้อดอาหารน้ำหนักลดลงมาเรื่อยๆ จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพ ระบบต่างๆ ในร่างกายแปรปรวน การเจริญเติบโตชะงักงัน ภาวะการเจริญพันธุ์ลดลง และอาจรุนแรงถึงขั้นเสียชีวิตได้ ผู้ชายก็เป็นได้เช่นกัน แต่เป็นจำนวน1/10 ของผู้หญิง และมันก็เกิดขึ้นกับผม
ผมเป็นโรค Anorexia หรือพวกคลั่งผอม มาเกือบ 2ปี จนน้ำหนักอยู่ที่ 42 กิโลกรัม สูง 167 BMI ประมาณ15.5-16.0
อาการที่เกิดขึ้นสำหรับผม คือ
1. พยายามกินอาหารที่แคลอรี่ต่ำมาก หรือยอมอดบางมื้อเพื่อให้ผอมลงอีก
2. ปฎิเสธการไปกินข้าวกับครอบครัวหรือเพื่อนๆ
3. แยกตัวออกมาอยู่คนเดียว คำนวณแคลอรี่ทุกอย่างในแต่ละวันที่กินเข้าไป
4. กินให้น้อยมากๆ และออกกำลังกายแบบคาร์ดิโอ้ เพื่อเบริ์นออกอย่างน้อยๆไม่ต่ำกว่า 1 ชม
5. ของทอดไม่แตะ-ของหวาน ไม่กิน เลี่ยงทุกอย่างที่แคลอรี่สูงๆ และกินไม่เกิน 1 พันแคลอรี่ต่อวัน (สำหรับผมนะ)
6. บางครั้งเกิดอาการ Binge eating disorder คือ อดมากเกินไป ผมเคยอดเหลือ 600-700 แคลอรี่ต่อวัน แน่นอครับ ไม่พอสำหรับร่างกายแน่ๆ จนสวาปามเค้กสเวนเซ่นขนาด 4 ปอนด์( Miracle 4) คุกกี้อีก 10 กว่าชิ้นหมดภายในไม่ถึง 1 ชม ตามด้วยชีสเค้กอีก 2 ปอนด์
7. ชั่งน้ำหนักบ่อยมาก ชั่วโมงๆนึง จะช่างน้ำหนักตัวเองไม่ต่ำกว่า 10 ครั้งได้ น้ำหนักขึ้นมาแค่ 0.1-0.2 กรัมจะรู้สึกหงุดหงิดมาก
ส่วนผลที่ตามมาที่ผมเจอ
1. จดจำอะไรต่างๆได้น้อยลง ลืมอะไรง่ายไปหมดหรือเรียกว่าสมาธิสั้น อ่านหนังสือไม่เกิน 5-10 นาทีก็ต้องหยุด เกินกว่านี้จำอะไรไม่ได้แล้วที่ได้อ่านไป
2. ขี้หนาวมาก อยู่ในห้องแอร์ อุณหภูมิ 25-26 องศาสำหรับผมหนาวมากๆ ต้องใส่เสื้อกันหนาวและต้องเปิดแอร์ที่ 27-28 องศาขึ้นไป
3. ตรวจวัดน้ำตาลและโคเลสเตอรอลในเลือดต่ำมาก คนปกติจะอยู่ที่ 150-200 มก แต่ผมอยู่ที่ 90 ซึ่งคุณหมอบอกว่าถ้าต่ำลงกว่านี้อีก จะตายได้ ต่ำก็ไม่ดี สูงก็ไม่ดี
4. ความดันชีพจรอยู่ที่ 80/45 อยู่ในระดับต่ำมากๆ มาเกือบ 2 ปีเต็มๆ มึนหัวตลอดเวลา จะเป็นลม
5. คุณหมอบอกถ้าไม่รักษาจะเป็นโรคหัวใจขาดเลือดและช็อคตายได้
6. ตับถูกทำลาย ค่าเอนไซม์ในตับสูงเพราะการอดมาเป็นเวลานาน
7. ผมเคยอ่านบทความว่าสำหรับผู้หญิงที่เป็นโรค Anorexia ประจำเดือนจะไม่มา และเสี่ยงต่อการเป็นหมันสูง สำหรับผมที่เกิดขึ้น คือ อารมณ์ทางเพศหมด
8. ระบบขับถ่ายพัง ท้องผูก 5 วันก็ไม่ถ่าย ต้องกินยาถ่ายเพื่อให้ถ่ายออกมา เมื่อถ่ายออกมาแล้ว รู้สึกดี ไปวัดตัวเลขบนตาชั่งก็น้ำหนักลงไปอีก ชอบๆ
9. ผมร่วงและบางลงเยอะมาก
10. ผิวแห้งและแตกลาย
11. กลายเป็นคนอารมณ์ 2 ขั้วหรือ Bi-polar
จนกระทั่งเกิดจุดเปลี่ยนในชีวิต คือ คุณแม่ผมร้องไห้ ว่าทำไมวันๆผมไม่กินอะไรเลย ถามผมว่าติดยาเหรอ เวลาไปไหน คนทักว่าผอมแบบนี้ติดยาชัวๆ เหมือนโครงกระดูกเดินได้ เสื้อผ้าผู้ชาย โดยเฉพาะกางเกง เอวเล็กสุด คือ 28 ผมต้องซื้อกางเกงยีนผู้หญิงมาใส่ เอว 23 เท่านั้น ผมเห็นน้ำตาแม่ ผมสงสารแม่มาก แม่ชวนกินข้าว พ่อชวนกินข้าว ผมไม่ไป MK Fuji หรือ Pizza ที่เมื่อก่อนผมชอบกิน ผมไม่กิน ผมปฏิเสธหมด
หลังจากนั้นต้องหาหมอครับ โดยเฉพาะบำบัดกับจิตแพทย์ อาการดีขึ้นเรื่อยๆ บำบัดมา 6 เดือนกว่าแล้ว กินของหวานมากขึ้น (เมื่อก่อนไม่แตะเลย เพราะกลัวอ้วนมาก) จนตอนนี้น้ำหนักมาอยู่ที่ 44 กิโลกรัม จนเลิกบำบัดไปได้สักพักแล้วครับ เข้าใจสิ่งที่ร่างกายต้องการ ว่าการอดมากๆเป็นเช่นไร
- เชื่อมั่นในตนเองและรักตัวเองให้มากๆครับ ข้อนี้สำคัญที่สุดและเป็นสิ่งสำคัญที่จะเปลี่ยนทัศนคติคุณได้
- กินอาหารมากขึ้น
- ออกไปทานข้าวกับครอบครัวมากยิ่งขึ้น
- เปลี่ยนทัศนคติ ว่าผอม ไม่ได้หล่อ ผอมไม่ได้สวยเสมอไป
- ฟังเสียงร่างกาย ร่างกายคุณต้องอยู่กับคุณไปจนตายครับ
- ชีวิตเรามีแค่ชีวิตเดียว ชีวิตเราไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่ชีวิตเราเป็นของคุณพ่อ คุณแม่ พี่ ป้า น้า อา ที่คอยให้กำลังใจและทำให้เราเติบใหญ่มาจนถึงทุกวันนี้
ปล. สังคมไทยปัจจุบันมีทัศนคติ ค่านิยมว่าคนผอมนั้นสวย คนผอมนั้นหล่อ แต่ผอมเกินไป จนเป็นแบบนางแบบ Victoria Secret อะไรแบบนั้น ไม่ไหวนะครับ อย่าปล่อยให้คนใกล้ตัวคุณเป็นโรคนี้ สิ่งสำคัญที่สุดคือ เชื่อมั่นในตนเอง รักตัวเองให้มากๆ ชีวิตเราไม่ได้เป็นของเราคนเดียว แต่ชีวิตเราเป็นของคุณพ่อ คุณแม่ด้วย เขาเลี้ยงดูให้เราเติบใหญ่มา เขารักเรา เราต้องรักตัวเองด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ
ขอบคุณเครดิตช่วงต้น ผมได้ก็อบมาจากกระปุก
http://health.kapook.com/view3714.html