ด้วยหน้า หล่อๆ และกล้ามล่ำๆ ที่ สาวๆ ทั่วโลกยกให้เป็นทูนหัว หลายคนอาจจะคิดว่าคริส อีแวนส์ น่าจะใช้ชีวิตแบบมีความสุขดีได้ตามประสาคนหล่อ แต่เปล่าเลย ธรรมดาแล้ว คริส กลับบอกว่าไม่ได้ชอบใช้ชีวิตคนหล่อ เค้าเป็นคนชอบไว้หนวดเฟิ้มๆ ใส่แว่นตากันแดด แล้วก็ใส่หมวก เดินไปไหนมาไหนแบบไม่เป็นจุดสนใจมากกว่า (ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนจำไม่ได้ แต่คริสบอกว่า พวกเด็กๆ มักจะจำเค้าได้อยู่ดี แม้ว่าจะมีหนวด 55) นอกเหนือชอบทำตัวไม่หล่อแบบติดดินแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ คริส อีแวนส์ สนใจศาสนาพุทธ และปรัชญาตะวันออกมากค่ะ และศึกษาจริงจังถึงขั้นเดินทางไปที่ประเทศอินเดียเลยค่ะ
(เคย เอ่ยถึง เรื่องความสนใจศาสนา ของคริส อีแวนส์ ไว้แล้วในกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/33685862 ความลับใต้ร่มผ้าของ Chris Evans ค่ะ คริสมีรอยสักหนึ่งที่มาจากคำสอนของ Eckhart Tolle ผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงค่ะ)
“ ผม ไปใช้ชีวิตที่ Rishikesh เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในช่วงราวๆ ปี 2005-2006 ในสถานปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาครรับ ผมเรียนศาสนาพุทธ ที่แอลเอล และผู้หญิงที่สอนผมก็เรียนมาจากที่โน่น ดังนั้นเราเลยไปที่ Rishikesh กัน และได้ไปพักที่หมู่บ้านเล็กๆ ได้เดินขึ้นเขาหิมาลัย ได้ตั้งแคมป์ที่ริมแม่น้ำคงคา (Ganga) มันเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมากๆเลย (Rishikesh เมืองที่อยู่เชิงเขาหิมาลัย ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของอินเดียค่ะ)
(คริสอยากกลับไปอินเดียอีก แต่พักหลังๆ ก็ไม่ได้ไปแล้ว เพราะว่าติดถ่ายหนัง)
จุดเริ่มต้นที่คริสสนใจเรื่องศาสนาพุทธและปรัชญาตะวันออกเริ่มต้นมาตอนที่เค้าอายุ 16-17 ที่เค้าเริ่มพูดคุยกับคนอื่นๆ แล้วเขาก็มารู้สึกว่าเจอสิ่งที่ใช่ แต่พอเค้าจะคิดว่า “เฮ้ย นี่เราเป็นชาวพุทธนี่หว่า” เค้าก็รู้สึกว่าไม่อยากผูกมัดด้วยคำอธิบายสั้นๆ แค่นั้น เพราะเค้าคิดว่า ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และ ฮินดู นั้นมีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกันมาก มีแค่หลักศาสนาเท่านั้นที่แบ่งแยกศาสนาต่างๆ ออกจากกัน ดังนั้นเขาเลยไม่อยากจำกัดตัวเองไว้ที่ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
“ ผมก็เป็นแค่ชายคนหนึ่งที่สนใจปรัชญาตะวันออกละกันครับ”
สิ่งหนึ่งที่คริส ได้จากการเรียนรู้ทางศาสนา เค้าพบว่าสมองเป็นสถานที่เอะอะวุ่นวายมาก และต้องหาทางที่จะทำให้มันเงียบลง ซึ่งก็คือการทำสมาธิ และมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยเค้าได้มากในการถ่ายหนัง
รู้แบ็คกราวน์กันหอมปากหอมคอแล้ว เราเลยจะขอแปลสัมภาษณ์บางส่วนจากการสัมภาษณ์
GETTING INSIDE CHRIS EVANS’ HEAD BY LINDSEY MACKEON มาฝากกันค่ะ
(เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีมาก แต่แปลยากมากเพราะเราเองก็มัวแต่ดูหน้าพี่คริสจนจับใจความไม่ทันทุกทีเลยค่ะ)
คริส กับ ลินด์ซีย์ แมคเคียน เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากกกกก(เธอเป็นนักแสดงที่หลายคนอาจจำได้จากซีรีส์ Supernatural ในบทรีปเปอร์ค่ะ)
แล้วก็เคยเดินทางไปอินเดียด้วยกันน่ะค่ะ ด้านลินด์ซีย์ นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เธอก็สนใจด้านศาสนาและจิตวิญญาณเช่นเดียวกับคริสค่ะ ล่าสุดเธอได้ส่งคำถามให้คริส มาแชร์ประสบการณ์ดีๆ ให้ทุกคนได้ฟังค่ะ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต แนวทางปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับจิตใจของตัวเองค่ะ
ตัวเราคิดว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลย เพราะไม่ค่อยจะได้เห็นนักแสดงดังๆ มาพูดถึงแง่มุมนี้ โดยเฉพาะคริส ที่ส่วนใหญ่คนก็จะโฟกัสที่หน้าหล่อๆ กล้ามใหญ่ๆ พอได้พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวดูผ่องใสมากเลยค่ะ หน้าใสวิ๊ง ดูดีใจที่ได้แชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่นฟังค่ะ
(ขอ แปลเฉพาะบางคำถามและจับเฉพาะใจความสำคัญนะคะ อาจมีตัดทอนและรวบใจความบ้าง คือไม่ได้แปลแบบถอดคำเป๊ะๆ ค่ะ ดังนั้นถ้ามีผิดพลาดอะไรก็ขออภัยค่ะ **ใครดูแล้วอยากเพิ่มเติมตรงไหนก็ยินดีเลยนะคะ** ถ้าใครอยากดูสัมภาษณ์เต็มๆ ไปดูได้ทีนี่เลยจ้า
http://lindseymckeonblog.com/getting-inside-chris-evans-he…/
อย่าดูหน้าพี่คริสเพลินล่ะ สิ่งที่พี่เค้าพูดถึงก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อเอามาใช้ในชีวิตได้ค่ะ)
คุณมีวิธีการคิดยังไงให้ผ่านพ้นช่วงที่ทั้งดีและแย่ของชีวิต
คริส: สมองเราเป็นสถานที่วุ่นวายมาก เราคิดอะไรหลายๆ อย่างอยู่ตลอดเวลา คิดว่าจะทำโน่นทำนี่ จะเป็นโน่นเป็นนี่ คิดทั้งเรื่องอนาคต คิดถึงเรื่องอดีต แต่สำหรับผมสิ่งสำคัญที่สุดคือการอยู่กับปัจจุบันครับ อยู่กับชั่วเวลานี้ตอนนี้ สำหรับผมเวลาเจอช่วงเวลาที่ลำบาก ก็อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุดไม่ต้องไปคิดถึงพรุ่งนี้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น อยู่กับช่วงเวลาที่เป็นอยู่ก็พอครับ
มีอะไรมั๊ยที่รู้สึกว่าอยากปรับปรุงตัวเอง
คริส: มีสิครับ เยอะเลย ผมอยากที่จะทำสมาธิให้ดีขึ้น มันยากมากเพราะว่าสมองผมมันวุ่นวายมาก ผมอยากจะทำมันให้ดีขึ้นเพื่อที่จะขจัดเสียงวุ่นวายให้หัวให้ออกไป เพราะยิ่งเราสงบจิตใจได้นานเท่าไร เราก็จะอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้นเท่านั้นครับ สิ่งที่ผมมองหาในชีวิตก็คงเป็นชีวิตที่ใช้กับปัจจุบันได้เป็นอย่างดีล่ะครับ ผมหวังว่ายิ่งแก่ขึ้นก็ยิ่งทำได้ดีขึ้น ฝึกสมาธิได้ดีขึ้น จะได้ไม่มีเสียงวุ่นวายในหัว และจะต่อไปจะได้เป็นไปโดยธรรมชาติ มันเหมือนกับว่าผมอยากจะเข้าถึงจิตใจ แต่เข้าไปไม่ถึง มันก็เป็นอะไรที่อธิบายยากนะ แต่ผมรู้สึกแล้วว่ามันดีมาก มันสงบและคุ้มค่าที่ได้ทำครับ
มีหลักปฏิบัติอันไหนที่คุณนำมาปรับใช้กับชีวิต ที่อยากแชร์ให้กับคนอื่น
คริส: มีครับ ( ยกมือขึ้นแตะที่ปากแล้วทำเสียง ชู่วว์แบบให้เงียบ) อันเนี้ยแหละครับคือ สิ่งที่ผมชอบมากที่สุด ผมไปอินเดียกับลินด์ซีย์ กูรูที่สอนเราเค้าเป็นคนที่เก่งมาก และเค้าก็จะเลคเชอร์เราทุกวัน แล้วก็มีหลายครั้งที่ผมมีคำถามแล้วผมก็ยกมือถามเค้า เค้าก็จะแบบ ชู่ววว์ แล้วผมก็หงุดหงิดมาก เพราะผมก็คิดว่า งั้นก็ตอบมาสิจะได้ไม่ต้องถามจะได้เงียบ มันทำให้ผมติดใจมาก จนเกิดความสงสัย แต่แล้วมันก็เป็นวิธีที่เยี่ยมมากเลยครับ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว สมองผมในส่วนที่ตั้งคำถาม อยากจะได้คำตอบนั้น มันเป็นส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับผมเลย
มันเหมือนกับว่า ผมต้องการข้ามแม่น้ำ แต่เมื่อผมข้ามมาแล้ว ผมก็ไม่ต้องการใช้เรือแล้วใช่มะ ทีนี้ผมก็มาคิดว่า ทั้งความงุนงงสงสัย อีโก้ของผม ความวุ่นวายของผม มันคือสิ่งที่ผมได้รู้ตัวว่าผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้นี่นา และผมก็ได้รู้ว่าสมองผมที่ต้องการคำตอบในอินเดียเนี่ย สิ่งที่ต้องทำก็คือเงียบ ชู่วว์ อยู่กับปัจจุบัน คุณต้อง ชู่ววว์ ต้องเงียบ แบบเงียบมากๆเลยนะ คุณจะได้รู้ว่าสมองคุณที่ต้องการคำตอบนั้น มันไม่ใช่ว่าคุณอยากรู้ แต่คุณแค่ไปคิดอะไรให้มันวุ่นวาย สำหรับผมที่มีสมองที่เอะอะแล้ว การ ชู่วว์ มันเป็นสิ่งที่ดีมาก มันเป็นการยอมจำนน ในการยอมจำนนสำหรับผมคือการที่ผมสู้อยู่กับตัวเองในสงครามที่ไม่จำเป็นเลย ดังนั้นผมเลยแค่ ชู่ววว์ ยอมปล่อยตัวปล่อยใจซักนิดแล้วคุณจะได้เห็นในสิ่งที่ดีงามครับ แม้ว่าต่อไปคุณจะเริ่ม สงสัยอีกรอบแล้วก็สู้กับมันใหม่อีกรอบ พยายามทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจอีก แต่สุดท้ายการได้ลองทำใจให้สงบมันจะทำให้รู้สึกดีครับ และคุณจะอยากทำอีก
(ขออธิบายเพิ่มเติมนะคะ คือข้อนี้ชอบเป็นการส่วนตัว อันนี้สรุปเอาเองนะคะว่า คริส พยายามจะสื่อว่า ตอนที่เค้าไปฝึกที่อินเดียมาเนี่ย เค้าตั้งคำถามมากมาย อยากจะรู้โน่นนี่ แล้วก็เกิดความไม่เชื่อค่ะ ต่อต้าน อยากจะให้มีคนตอบในคำถามที่ไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายแล้ว มันเหมือนกับว่า เค้าเอาตัวไปถึงอินเดียแล้ว ทำไมไม่ลองเงียบแล้วลองหาคำตอบด้วยตัวเองล่ะ ทำใจให้สบายๆ ว่างๆ แล้วจะคิดออกเอง ที่คริสบอกว่า สมองที่สั่งว่าอยากรู้เอาเข้าจริงมันไม่ได้อยากรู้หรอกมันอยากเอาชนะมากกว่า แต่พอลองเงียบ แล้วไตร่ตรองแบบที่ครูที่สอน ทำเสียงชู่วว์ ใส่นั่น คริสก็ได้คำตอบเองค่ะ คือง่ายๆ มันคือหลักการในการทำสมาธิแหละค่ะ ถ้ามัวแต่ไปคิดอะไรวุ่นวายก็จะคิดอะไรไม่ออก ว่างๆ ก็ลองทำตามพี่คริสดูนะคะ ชู่ววว์)
เรียบเรียงจาก
http://www.hindustantimes.com/hollywood/i-m-just-an-eastern-philosophy-kind-of-guy-chris-evans/article1-840430.aspx
http://lindseymckeonblog.com/getting-inside-chris-evans-head/
ใครอยากไปเมาท์มอยเรื่องผู้ชาย ทั้งหนังและซีรีส์ โดยเฉพาะพี่คริส อีแวนส์ กันต่อ แวะมาได้ที่
https://www.facebook.com/hotguyinthemovies นะจ๊ะ
มีดีกว่าหน้าหล่อ Chris Evans ขอสอนวิธีฝึกสมาธิให้แฟนๆ
ด้วยหน้า หล่อๆ และกล้ามล่ำๆ ที่ สาวๆ ทั่วโลกยกให้เป็นทูนหัว หลายคนอาจจะคิดว่าคริส อีแวนส์ น่าจะใช้ชีวิตแบบมีความสุขดีได้ตามประสาคนหล่อ แต่เปล่าเลย ธรรมดาแล้ว คริส กลับบอกว่าไม่ได้ชอบใช้ชีวิตคนหล่อ เค้าเป็นคนชอบไว้หนวดเฟิ้มๆ ใส่แว่นตากันแดด แล้วก็ใส่หมวก เดินไปไหนมาไหนแบบไม่เป็นจุดสนใจมากกว่า (ซึ่งอาจจะทำให้หลายคนจำไม่ได้ แต่คริสบอกว่า พวกเด็กๆ มักจะจำเค้าได้อยู่ดี แม้ว่าจะมีหนวด 55) นอกเหนือชอบทำตัวไม่หล่อแบบติดดินแล้ว สิ่งที่หลายคนอาจไม่รู้คือ คริส อีแวนส์ สนใจศาสนาพุทธ และปรัชญาตะวันออกมากค่ะ และศึกษาจริงจังถึงขั้นเดินทางไปที่ประเทศอินเดียเลยค่ะ
(เคย เอ่ยถึง เรื่องความสนใจศาสนา ของคริส อีแวนส์ ไว้แล้วในกระทู้นี้
http://ppantip.com/topic/33685862 ความลับใต้ร่มผ้าของ Chris Evans ค่ะ คริสมีรอยสักหนึ่งที่มาจากคำสอนของ Eckhart Tolle ผู้นำทางจิตวิญญาณที่มีชื่อเสียงค่ะ)
“ ผม ไปใช้ชีวิตที่ Rishikesh เป็นเวลา 3 สัปดาห์ ในช่วงราวๆ ปี 2005-2006 ในสถานปฏิบัติธรรมทางพุทธศาสนาครรับ ผมเรียนศาสนาพุทธ ที่แอลเอล และผู้หญิงที่สอนผมก็เรียนมาจากที่โน่น ดังนั้นเราเลยไปที่ Rishikesh กัน และได้ไปพักที่หมู่บ้านเล็กๆ ได้เดินขึ้นเขาหิมาลัย ได้ตั้งแคมป์ที่ริมแม่น้ำคงคา (Ganga) มันเป็นประสบการณ์ที่เยี่ยมมากๆเลย (Rishikesh เมืองที่อยู่เชิงเขาหิมาลัย ได้ชื่อว่าเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งหนึ่งของอินเดียค่ะ)
(คริสอยากกลับไปอินเดียอีก แต่พักหลังๆ ก็ไม่ได้ไปแล้ว เพราะว่าติดถ่ายหนัง)
จุดเริ่มต้นที่คริสสนใจเรื่องศาสนาพุทธและปรัชญาตะวันออกเริ่มต้นมาตอนที่เค้าอายุ 16-17 ที่เค้าเริ่มพูดคุยกับคนอื่นๆ แล้วเขาก็มารู้สึกว่าเจอสิ่งที่ใช่ แต่พอเค้าจะคิดว่า “เฮ้ย นี่เราเป็นชาวพุทธนี่หว่า” เค้าก็รู้สึกว่าไม่อยากผูกมัดด้วยคำอธิบายสั้นๆ แค่นั้น เพราะเค้าคิดว่า ศาสนาพุทธ ลัทธิเต๋า และ ฮินดู นั้นมีหลายสิ่งที่คล้ายคลึงกันมาก มีแค่หลักศาสนาเท่านั้นที่แบ่งแยกศาสนาต่างๆ ออกจากกัน ดังนั้นเขาเลยไม่อยากจำกัดตัวเองไว้ที่ศาสนาใดศาสนาหนึ่ง
“ ผมก็เป็นแค่ชายคนหนึ่งที่สนใจปรัชญาตะวันออกละกันครับ”
สิ่งหนึ่งที่คริส ได้จากการเรียนรู้ทางศาสนา เค้าพบว่าสมองเป็นสถานที่เอะอะวุ่นวายมาก และต้องหาทางที่จะทำให้มันเงียบลง ซึ่งก็คือการทำสมาธิ และมันก็เป็นสิ่งที่ช่วยเค้าได้มากในการถ่ายหนัง
รู้แบ็คกราวน์กันหอมปากหอมคอแล้ว เราเลยจะขอแปลสัมภาษณ์บางส่วนจากการสัมภาษณ์
GETTING INSIDE CHRIS EVANS’ HEAD BY LINDSEY MACKEON มาฝากกันค่ะ
(เป็นบทสัมภาษณ์ที่ดีมาก แต่แปลยากมากเพราะเราเองก็มัวแต่ดูหน้าพี่คริสจนจับใจความไม่ทันทุกทีเลยค่ะ)
คริส กับ ลินด์ซีย์ แมคเคียน เป็นเพื่อนกันมาอย่างยาวนานมากกกกก(เธอเป็นนักแสดงที่หลายคนอาจจำได้จากซีรีส์ Supernatural ในบทรีปเปอร์ค่ะ)
แล้วก็เคยเดินทางไปอินเดียด้วยกันน่ะค่ะ ด้านลินด์ซีย์ นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เธอก็สนใจด้านศาสนาและจิตวิญญาณเช่นเดียวกับคริสค่ะ ล่าสุดเธอได้ส่งคำถามให้คริส มาแชร์ประสบการณ์ดีๆ ให้ทุกคนได้ฟังค่ะ เกี่ยวกับการใช้ชีวิต แนวทางปฏิบัติต่างๆ เกี่ยวกับจิตใจของตัวเองค่ะ
ตัวเราคิดว่าเป็นอะไรที่ดีมากเลย เพราะไม่ค่อยจะได้เห็นนักแสดงดังๆ มาพูดถึงแง่มุมนี้ โดยเฉพาะคริส ที่ส่วนใหญ่คนก็จะโฟกัสที่หน้าหล่อๆ กล้ามใหญ่ๆ พอได้พูดถึงเรื่องนี้ เจ้าตัวดูผ่องใสมากเลยค่ะ หน้าใสวิ๊ง ดูดีใจที่ได้แชร์ประสบการณ์ของตัวเองให้คนอื่นฟังค่ะ
(ขอ แปลเฉพาะบางคำถามและจับเฉพาะใจความสำคัญนะคะ อาจมีตัดทอนและรวบใจความบ้าง คือไม่ได้แปลแบบถอดคำเป๊ะๆ ค่ะ ดังนั้นถ้ามีผิดพลาดอะไรก็ขออภัยค่ะ **ใครดูแล้วอยากเพิ่มเติมตรงไหนก็ยินดีเลยนะคะ** ถ้าใครอยากดูสัมภาษณ์เต็มๆ ไปดูได้ทีนี่เลยจ้า
http://lindseymckeonblog.com/getting-inside-chris-evans-he…/
อย่าดูหน้าพี่คริสเพลินล่ะ สิ่งที่พี่เค้าพูดถึงก็ดีเหมือนกันนะ เผื่อเอามาใช้ในชีวิตได้ค่ะ)
คุณมีวิธีการคิดยังไงให้ผ่านพ้นช่วงที่ทั้งดีและแย่ของชีวิต
คริส: สมองเราเป็นสถานที่วุ่นวายมาก เราคิดอะไรหลายๆ อย่างอยู่ตลอดเวลา คิดว่าจะทำโน่นทำนี่ จะเป็นโน่นเป็นนี่ คิดทั้งเรื่องอนาคต คิดถึงเรื่องอดีต แต่สำหรับผมสิ่งสำคัญที่สุดคือการอยู่กับปัจจุบันครับ อยู่กับชั่วเวลานี้ตอนนี้ สำหรับผมเวลาเจอช่วงเวลาที่ลำบาก ก็อยู่กับปัจจุบันให้มากที่สุดไม่ต้องไปคิดถึงพรุ่งนี้ไม่ต้องไปคิดถึงเรื่องอื่น อยู่กับช่วงเวลาที่เป็นอยู่ก็พอครับ
มีอะไรมั๊ยที่รู้สึกว่าอยากปรับปรุงตัวเอง
คริส: มีสิครับ เยอะเลย ผมอยากที่จะทำสมาธิให้ดีขึ้น มันยากมากเพราะว่าสมองผมมันวุ่นวายมาก ผมอยากจะทำมันให้ดีขึ้นเพื่อที่จะขจัดเสียงวุ่นวายให้หัวให้ออกไป เพราะยิ่งเราสงบจิตใจได้นานเท่าไร เราก็จะอยู่กับปัจจุบันได้มากขึ้นเท่านั้นครับ สิ่งที่ผมมองหาในชีวิตก็คงเป็นชีวิตที่ใช้กับปัจจุบันได้เป็นอย่างดีล่ะครับ ผมหวังว่ายิ่งแก่ขึ้นก็ยิ่งทำได้ดีขึ้น ฝึกสมาธิได้ดีขึ้น จะได้ไม่มีเสียงวุ่นวายในหัว และจะต่อไปจะได้เป็นไปโดยธรรมชาติ มันเหมือนกับว่าผมอยากจะเข้าถึงจิตใจ แต่เข้าไปไม่ถึง มันก็เป็นอะไรที่อธิบายยากนะ แต่ผมรู้สึกแล้วว่ามันดีมาก มันสงบและคุ้มค่าที่ได้ทำครับ
มีหลักปฏิบัติอันไหนที่คุณนำมาปรับใช้กับชีวิต ที่อยากแชร์ให้กับคนอื่น
คริส: มีครับ ( ยกมือขึ้นแตะที่ปากแล้วทำเสียง ชู่วว์แบบให้เงียบ) อันเนี้ยแหละครับคือ สิ่งที่ผมชอบมากที่สุด ผมไปอินเดียกับลินด์ซีย์ กูรูที่สอนเราเค้าเป็นคนที่เก่งมาก และเค้าก็จะเลคเชอร์เราทุกวัน แล้วก็มีหลายครั้งที่ผมมีคำถามแล้วผมก็ยกมือถามเค้า เค้าก็จะแบบ ชู่ววว์ แล้วผมก็หงุดหงิดมาก เพราะผมก็คิดว่า งั้นก็ตอบมาสิจะได้ไม่ต้องถามจะได้เงียบ มันทำให้ผมติดใจมาก จนเกิดความสงสัย แต่แล้วมันก็เป็นวิธีที่เยี่ยมมากเลยครับ เพราะเอาเข้าจริงแล้ว สมองผมในส่วนที่ตั้งคำถาม อยากจะได้คำตอบนั้น มันเป็นส่วนที่ไม่จำเป็นสำหรับผมเลย
มันเหมือนกับว่า ผมต้องการข้ามแม่น้ำ แต่เมื่อผมข้ามมาแล้ว ผมก็ไม่ต้องการใช้เรือแล้วใช่มะ ทีนี้ผมก็มาคิดว่า ทั้งความงุนงงสงสัย อีโก้ของผม ความวุ่นวายของผม มันคือสิ่งที่ผมได้รู้ตัวว่าผมไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้นี่นา และผมก็ได้รู้ว่าสมองผมที่ต้องการคำตอบในอินเดียเนี่ย สิ่งที่ต้องทำก็คือเงียบ ชู่วว์ อยู่กับปัจจุบัน คุณต้อง ชู่ววว์ ต้องเงียบ แบบเงียบมากๆเลยนะ คุณจะได้รู้ว่าสมองคุณที่ต้องการคำตอบนั้น มันไม่ใช่ว่าคุณอยากรู้ แต่คุณแค่ไปคิดอะไรให้มันวุ่นวาย สำหรับผมที่มีสมองที่เอะอะแล้ว การ ชู่วว์ มันเป็นสิ่งที่ดีมาก มันเป็นการยอมจำนน ในการยอมจำนนสำหรับผมคือการที่ผมสู้อยู่กับตัวเองในสงครามที่ไม่จำเป็นเลย ดังนั้นผมเลยแค่ ชู่ววว์ ยอมปล่อยตัวปล่อยใจซักนิดแล้วคุณจะได้เห็นในสิ่งที่ดีงามครับ แม้ว่าต่อไปคุณจะเริ่ม สงสัยอีกรอบแล้วก็สู้กับมันใหม่อีกรอบ พยายามทำความเข้าใจ แต่ก็ไม่เข้าใจอีก แต่สุดท้ายการได้ลองทำใจให้สงบมันจะทำให้รู้สึกดีครับ และคุณจะอยากทำอีก
(ขออธิบายเพิ่มเติมนะคะ คือข้อนี้ชอบเป็นการส่วนตัว อันนี้สรุปเอาเองนะคะว่า คริส พยายามจะสื่อว่า ตอนที่เค้าไปฝึกที่อินเดียมาเนี่ย เค้าตั้งคำถามมากมาย อยากจะรู้โน่นนี่ แล้วก็เกิดความไม่เชื่อค่ะ ต่อต้าน อยากจะให้มีคนตอบในคำถามที่ไม่เข้าใจ แต่สุดท้ายแล้ว มันเหมือนกับว่า เค้าเอาตัวไปถึงอินเดียแล้ว ทำไมไม่ลองเงียบแล้วลองหาคำตอบด้วยตัวเองล่ะ ทำใจให้สบายๆ ว่างๆ แล้วจะคิดออกเอง ที่คริสบอกว่า สมองที่สั่งว่าอยากรู้เอาเข้าจริงมันไม่ได้อยากรู้หรอกมันอยากเอาชนะมากกว่า แต่พอลองเงียบ แล้วไตร่ตรองแบบที่ครูที่สอน ทำเสียงชู่วว์ ใส่นั่น คริสก็ได้คำตอบเองค่ะ คือง่ายๆ มันคือหลักการในการทำสมาธิแหละค่ะ ถ้ามัวแต่ไปคิดอะไรวุ่นวายก็จะคิดอะไรไม่ออก ว่างๆ ก็ลองทำตามพี่คริสดูนะคะ ชู่ววว์)
เรียบเรียงจาก
http://www.hindustantimes.com/hollywood/i-m-just-an-eastern-philosophy-kind-of-guy-chris-evans/article1-840430.aspx
http://lindseymckeonblog.com/getting-inside-chris-evans-head/
ใครอยากไปเมาท์มอยเรื่องผู้ชาย ทั้งหนังและซีรีส์ โดยเฉพาะพี่คริส อีแวนส์ กันต่อ แวะมาได้ที่
https://www.facebook.com/hotguyinthemovies นะจ๊ะ