สถานการณ์ตลาดหุ้นในปัจจุบันน่าปะหลาดใจเป็นอย่างมาก ไม่ว่าผมจะไปที่ไหนก็เริ่มมีคนพูดเรื่องหุ้นกันแล้ว ผมไปธนาคารคนทำงานธนาคารก็เริ่มคุยเรื่องหุ้น พนักงานบริษัทก็เริ่มคุยเรื่องหุ้น ผมนั่งกินอาหารในร้านอาหารก็ได้ยินโต๊ะข้างๆคุยเรื่องหุ้น แม้แต่ลูกของญาติผมเองซึ่งยังเป็นนักศึกษาอยู่ก็ยังมาถามผมเรื่องการเล่นหุ้น ผมไปร้านหนังสือก็เห็นหนังสือเกี่ยวกับหุ้นถูกจัดวางในตำแหน่งหน้าร้านและมีจำนวนมากเหลือเกิน ผิดจากแต่ก่อนที่หนังสือเกี่ยวกับหุ้นจะอยู่หลังร้านและมีจำนวนน้อยนิดแจนแทบต้องรื้อหากันเลยทีเดียว.....................โอ้พระเจ้า................หุ้นได้กลายเป็นแฟชั่นยอดนิยมไปแล้ว

อะไรคือแรงจูงใจให้ตลาดหุ้นกลายเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบัน====> ผมคิดว่าน่าจะเป็นการที่ตลาดได้ปรับตัวสูงขึ้นมาหลายต่อหลายปี ทำให้คนที่เล่นหุ้นได้กำไรมากมายจากตลาดขาขึ้น ซึ่งเป็นตัวจุดประกายให้อีกหลายๆคนเริ่มสนใจเรื่องราวเกี่ยวกับหุ้นมากขึ้น  อีกปัจจัยหนึ่งก็คือตำนานเซียนผู้ทำกำไรได้จำนวนมากจากตลาดขาขึ้นและได้ประกาศความสำเร็จของตัวเองโดยการเขียนหนังสือเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับการลงทุนในตลาดหุ้น ทำให้ผู้อ่านเคลิ้มตามไม่มากก็น้อย อีกปัจจัยสำคัญก็คือผลประโยชน์จากตลาดหุ้น เมื่อตลาดหุ้นเริ่มได้รับความนิยมมากขึ้น แน่นอนว่าฝ่ายที่เกี่ยวข้องย่อมมองเห็นโอกาสจากผลประโยชน์ของปริมาณเงินหมุนเวียนดังกล่าว จึงได้สร้างแรงจูงใจด้วยวิธีต่างๆนาๆให้คนจำนวนมากวิ้งเข้ามาเก็งกำไรในตลาดหุ้น

คนที่วิ้งเข้ามาก็มีทั้งในรูปแบบของการลงทุนทางตรงด้วยตัวเอง หรือคนที่ไม่มีความรู้เรื่องหุ้นเลยก็ลงทุนได้ด้วยการซื้อกองทุน ไปจนถึงคนที่มีเงินน้อยที่ใช้การออมในหุ้นเดือนละเล็กละน้อยไปเรื่อยๆ ทุกคนล้วนเข้ามาด้วยความฝันอันยิ่งใหญ่ นั่นก็คือความร่ำรวยจากตลาดหุ้น อย่างไรก็ตามเมื่อมองดูค่า PE ของดัชนี SET พบว่าสูงถึง 20-21 เท่า ซึ่งถือว่าชนเพดานก่อนเกิดวิกฤติตลาดหุ้นถล่มในสมัยปี 40

ดังนั้น ไม่ว่าสถานการณ์ต่อไปจะเป็นยังไง บางทีเราควรจะเผื่อใจเอาไว้บ้างนะครับ ว่าการลงทุนมีความเสี่ยง มีโอกาสทั้งกำไรและขาดทุนได้ในเวลาเดียวกัน ในบางครั้งเราอาจจะสมหวัง และในบางครั้งเราอาจจะผิดหวัง ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตครับ