สถานการณ์ปัญหาชาวโรฮิงญาในปัจจุบันดูเสมือนจะทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยื่งขึ้น
กลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติไปแล้ว ที่ทุกฝ่ายต้องรีบออกมาแก้ไข
ทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และประเทศปลายทาง รวมทั้งองค์กรอย่างสหประชาชาติ
ที่เสมือนจะไม่เคยแก้ไขปัญหาอะไรให้เป็นรูปธรรมได้ก็ตามที
...............
...............
ปัญหาของชาวโรฮิงญาบอกอะไรแก่สังคมบ้าง???
ที่สำคัญที่สุดคือเราได้เห็นกระแสของการอพยพย้ายถิ่นฐานอย่างไม่ปกติของประชาชนในประเทศยากจน
เช่นบังคลาเทศ ปากีสถาน เนปาล รวมถึงหลายประเทศทางทวีปแอฟริกา
เราได้เห็นชาวบ้านจากแอฟริกาในรูปแบบ Boat people อพยพหนีภัยเศรษฐกิจไปยังยุโรปมากขึ้น
ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับชาวโรฮิงญาที่อพยพผ่านมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ผมจะไม่พูดเรื่องค้ามนุษย์นะครับ จะมีจริงหรือไม่ ทุกท่านตอบคำถามเองได้
แต่ผมขอพูดเฉพาะที่ว่ามันเป็นกระแสของการอพยพในรูปแบบใหม่
ที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างมากและรุนแรงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ประชาชนเหล่านี้นอกจากจะหนีภัยสงครามในประเทศบ้านเกิด เช่นชาวซีเรีย เป็นต้น
ยังมีอีกมากที่หนีภัยทางเศรษฐกิจ เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า เช่นชาวโรฮิงญาทั้งจากพม่าและบังคลาเทศ ฯลฯ
...............
...............
ปัญหาเหล่านี้ต้องมองให้รอบด้านครับ
ฝ่ายรัฐย่อมมองปัญหาในมิติเชิงความมั่นคงและเศรษฐกิจการเมืองเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ฝ่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนย่อมมองปัญหานี้ในเชิงมนุษยธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อีกเช่นกัน
องค์กรสิทธิมนุษยชนย่อมเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นตามหลักสิทธิมนุษยชน
ซึ่งถือเป็นเรื่องปกตินะครับ เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน ก็คือเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักมนุษยธรรม
ผมมีความเศร้าใจอยู่ประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือมีนักสื่อสารมวลชนรุ่นใหญ่ท่านหนึ่ง ทางช่อง FM 90.50
พูดจาเชิงเหยียดหยามชาวโรฮิงญาและดูหมิ่นองค์กรสิทธิมนุษยชนโดยขาดซึ่งข้อมูล และใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เขาเสนอแนะว่าให้องค์กรสิทธิมนุษยชนรับเลี้ยงและดูแลชาวโรฮิงญาครอบครัวละหนึ่งคนไปเลย
จะได้ไม่ต้องมาร้องแรกแหกกระเชอให้ประเทศไทยต้องแบกรับภาระ
ซึ่งถือเป็นความคิดเห็นที่ขาดวุฒิภาวะอย่างสิ้นเชิงจริงๆครับ
ตามหลักการที่เป็นสากลนั้น องค์กรสิทธิมนุษยชนมีหน้าที่ในการตรวจสอบอำนาจรัฐทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ
รณรงค์เรียกร้องให้เกิดการแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหานั้นเป็นหน้าที่ของรัฐนะครับ จะแก้หรือไม่แก้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เหมือนที่สื่อมวลชนมักพูดเสมอว่าตนเองเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของรัฐนั่นเอง
...............
...............
ส่วนคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ที่จะช่วยโรฮิงญา หรือควรจะมีวิธีการช่วยอย่างไร ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ
เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองที่แตกต่างกันไป
บางคนมองในมุมเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง
ในขณะที่บางคนอาจมองในมิติทางมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน ก็ว่ากันไป
ไม่มีใครถูกทั้งหมด และไม่มีใครผิดทั้งหมดเช่นกัน
แต่ไม่ควรมองฝ่ายที่เห็นต่างเป็นคนผิด
และผมเชื่อเสมอว่าปัญหาแบบนี้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงกว่านี้
เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ
จะมีการย้ายถิ่นฐานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายหลักครับ
เนื่องจากค่าแรงสูงกว่าที่อื่นๆ อีกทั้งมาตรการในการควบคุมคุณภาพแรงงานที่หละหลวม
...............
...............
คนทุกคนมีสิทธิที่จะเสวงหาชีวิตที่ดีกว่า มั่นคงและปลอดภัยกว่า มิใช่หรือ???
เหมือนที่คนจีนสมัยก่อนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของใครหลายคนอพยพลงใต้มาปักหลักตั้งฐานกันที่เมืองสยามแห่งนี้แหละครับ
ชาวโรฮิงญา หรือแม้แต่ชาวแอฟริกาอีกจำนวนมากก็เป็นเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ จะมองพวกเขาในมุมไหน ด้วยสายตาแบบใด หรือด้วยมิติด้านใดก็ตาม
แต่ได้โปรดพึงระลึกไว้เสมอครับว่า
...............
...............
พวกเขา…เป็นมนุษย์เหมือนเราทุกคนนะครับ!!!
สวัสดี
The ROHINGYA!!!
สถานการณ์ปัญหาชาวโรฮิงญาในปัจจุบันดูเสมือนจะทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยื่งขึ้น
กลายเป็นปัญหาระดับนานาชาติไปแล้ว ที่ทุกฝ่ายต้องรีบออกมาแก้ไข
ทั้งประเทศต้นทาง ทางผ่าน และประเทศปลายทาง รวมทั้งองค์กรอย่างสหประชาชาติ
ที่เสมือนจะไม่เคยแก้ไขปัญหาอะไรให้เป็นรูปธรรมได้ก็ตามที
...............
...............
ปัญหาของชาวโรฮิงญาบอกอะไรแก่สังคมบ้าง???
ที่สำคัญที่สุดคือเราได้เห็นกระแสของการอพยพย้ายถิ่นฐานอย่างไม่ปกติของประชาชนในประเทศยากจน
เช่นบังคลาเทศ ปากีสถาน เนปาล รวมถึงหลายประเทศทางทวีปแอฟริกา
เราได้เห็นชาวบ้านจากแอฟริกาในรูปแบบ Boat people อพยพหนีภัยเศรษฐกิจไปยังยุโรปมากขึ้น
ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกันกับชาวโรฮิงญาที่อพยพผ่านมายังประเทศไทย
ทั้งนี้ผมจะไม่พูดเรื่องค้ามนุษย์นะครับ จะมีจริงหรือไม่ ทุกท่านตอบคำถามเองได้
แต่ผมขอพูดเฉพาะที่ว่ามันเป็นกระแสของการอพยพในรูปแบบใหม่
ที่จะต้องเกิดขึ้นอย่างมากและรุนแรงขึ้นในอนาคตอันใกล้นี้
ประชาชนเหล่านี้นอกจากจะหนีภัยสงครามในประเทศบ้านเกิด เช่นชาวซีเรีย เป็นต้น
ยังมีอีกมากที่หนีภัยทางเศรษฐกิจ เพื่อแสวงหาชีวิตที่ดีกว่า เช่นชาวโรฮิงญาทั้งจากพม่าและบังคลาเทศ ฯลฯ
...............
...............
ปัญหาเหล่านี้ต้องมองให้รอบด้านครับ
ฝ่ายรัฐย่อมมองปัญหาในมิติเชิงความมั่นคงและเศรษฐกิจการเมืองเป็นหลัก ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจได้
ฝ่ายองค์กรด้านสิทธิมนุษยชนย่อมมองปัญหานี้ในเชิงมนุษยธรรม ซึ่งถือเป็นเรื่องที่เข้าใจได้อีกเช่นกัน
องค์กรสิทธิมนุษยชนย่อมเรียกร้องให้มีการช่วยเหลือพวกเขาเหล่านั้นตามหลักสิทธิมนุษยชน
ซึ่งถือเป็นเรื่องปกตินะครับ เป็นมาตรฐานที่ทั่วโลกใช้กัน ก็คือเรียกร้องให้แก้ปัญหาโดยยึดหลักมนุษยธรรม
ผมมีความเศร้าใจอยู่ประเด็นหนึ่งเกี่ยวกับเรื่องนี้ คือมีนักสื่อสารมวลชนรุ่นใหญ่ท่านหนึ่ง ทางช่อง FM 90.50
พูดจาเชิงเหยียดหยามชาวโรฮิงญาและดูหมิ่นองค์กรสิทธิมนุษยชนโดยขาดซึ่งข้อมูล และใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผล
เขาเสนอแนะว่าให้องค์กรสิทธิมนุษยชนรับเลี้ยงและดูแลชาวโรฮิงญาครอบครัวละหนึ่งคนไปเลย
จะได้ไม่ต้องมาร้องแรกแหกกระเชอให้ประเทศไทยต้องแบกรับภาระ
ซึ่งถือเป็นความคิดเห็นที่ขาดวุฒิภาวะอย่างสิ้นเชิงจริงๆครับ
ตามหลักการที่เป็นสากลนั้น องค์กรสิทธิมนุษยชนมีหน้าที่ในการตรวจสอบอำนาจรัฐทั้งในระดับชาติ และระดับนานาชาติ
รณรงค์เรียกร้องให้เกิดการแก้ปัญหา ซึ่งการแก้ปัญหานั้นเป็นหน้าที่ของรัฐนะครับ จะแก้หรือไม่แก้ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่ง
เหมือนที่สื่อมวลชนมักพูดเสมอว่าตนเองเป็นกระจกสะท้อนการทำงานของรัฐนั่นเอง
...............
...............
ส่วนคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ที่จะช่วยโรฮิงญา หรือควรจะมีวิธีการช่วยอย่างไร ก็เป็นสิทธิส่วนบุคคลครับ
เพราะต่างคนต่างก็มีมุมมองที่แตกต่างกันไป
บางคนมองในมุมเศรษฐกิจ การเมืองและความมั่นคง
ในขณะที่บางคนอาจมองในมิติทางมนุษยธรรม และหลักสิทธิมนุษยชน ก็ว่ากันไป
ไม่มีใครถูกทั้งหมด และไม่มีใครผิดทั้งหมดเช่นกัน
แต่ไม่ควรมองฝ่ายที่เห็นต่างเป็นคนผิด
และผมเชื่อเสมอว่าปัญหาแบบนี้จะเกิดขึ้นอย่างรุนแรงกว่านี้
เมื่อเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียนอย่างเต็มรูปแบบ
จะมีการย้ายถิ่นฐานอย่างที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และประเทศไทยจะเป็นเป้าหมายหลักครับ
เนื่องจากค่าแรงสูงกว่าที่อื่นๆ อีกทั้งมาตรการในการควบคุมคุณภาพแรงงานที่หละหลวม
...............
...............
คนทุกคนมีสิทธิที่จะเสวงหาชีวิตที่ดีกว่า มั่นคงและปลอดภัยกว่า มิใช่หรือ???
เหมือนที่คนจีนสมัยก่อนซึ่งเป็นบรรพบุรุษของใครหลายคนอพยพลงใต้มาปักหลักตั้งฐานกันที่เมืองสยามแห่งนี้แหละครับ
ชาวโรฮิงญา หรือแม้แต่ชาวแอฟริกาอีกจำนวนมากก็เป็นเช่นเดียวกัน
ไม่ว่าคุณจะเห็นด้วยหรือไม่ จะมองพวกเขาในมุมไหน ด้วยสายตาแบบใด หรือด้วยมิติด้านใดก็ตาม
แต่ได้โปรดพึงระลึกไว้เสมอครับว่า
...............
...............
พวกเขา…เป็นมนุษย์เหมือนเราทุกคนนะครับ!!!
สวัสดี