สื่อต่างชาติและ UN ต่างมองเหตุการจราจลในรัฐยะไข่เป็นความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย ชาวมุสลิมโรฮิงยากับชาวพุทธยะไข่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีการสมรู้ร่วมคิดกันในหลายระดับที่จะกำจัดชาวโรฮิงยา ไม่ใช่เป็นเพียง genocide .ในรัฐยะไข่เท่านั้น
สาเหตุแรกเลยที่ชาวโรฮิงยาอยู่ในพม่าไม่ได้คือศาสนา แต่ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งแต่เป็นองค์ประกอบนึงที่ชาวพม่านำมาใช้จำแนกเชื้อชาติ และพม่าเองเป็นพุทธสังคมที่เข็มแข็งเปรียบได้กับการประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและเมื่อศาสนาหนึ่งถูกประกาศเป็นศาสนาประจำชาติ คนที่นับถือศาสนาอื่นก็จะถูกปฎิบัติอย่างไม่เสมอภาค คนพม่าซึ่งนำพุทธศาสนามาผูกไว้เป็นส่วนนึงของความเป็นชาติ จึงทำให้คนพม่าเป็นโรค Islamophobia กลัวอิสลามและมองชาวมุสลิมโรฮิงยาเป็นผู้รุกรานชาติ invader
สาเหตุที่สองคือหลายชาติพันธ์ชนกลุ่มน้อยในพม่าไม่ต้องการให้โรฮิงยามามีส่วนแบ่งในผลประโยชน์หลังจากที่มีการปฎิรูปประชาธิปไตย ท้าวความนิดนึงว่าพม่านั้นมีหลายชนเผ่าที่ครองพื้นที่ตนเองอยู่ไม่ยอมให้พม่าชนกลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารเอาพื้นที่ผลประโยชน์ไม่ว่าไม้ เหมืองแร่ น้ำมัน จากเขตของตนเองไป ต้องการแยกตัวเป็นอิสระหรือเป็นสาธารณะรัฐแบบอเมริกา ให้ดูแลผลประโยชน์ในพื้นที่ตัวเองของแต่ละชาติพันธ์ เมื่อรัฐบาลพม่ามีเจตนาว่าจะปฎิรูปและให้มีการเลือกตั้งมีชนกลุ่มน้อยเข้าไปเป็น สส แล้วต่างก็ไม่อยากให้โรฮิงยาซึ่งไม่ใช่ชนเผ่าดั้งเดิมในพม่ามามีส่วนแบ่งในเค็กก้อนนี้ นี่ก็เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันในระดับหนึ่ง
สมรู้ร่วมคิดกันในระดับรัฐบาลพม่า รัฐบาลเต็งเส็งนั้นต้องการจะขับไล่โรฮิงยาออกไปไม่ว่าทางตรงทางอ้อม ไม่ให้สิทธิพลเมืองให้อยู่อย่างลำบากยากแค้นจนตรอก แล้วอพยบออกไปเองหรือขนไปทิ้งชายแดนบ้างก็มีตามคำบอกเล่า ในเหตุการณ์เผาหมู่บ้านในยะไข่ราบเป็นหน้ากลองนี้ หลายคนอาจมองว่ารัฐบาลพม่าจะดูแลความสงบได้แต่ที่จริงแล้ว รัฐบาลพม่าไม่ใช่พระเอก และเป็นโอกาสที่ดีด้วยซ้ำที่จะพลักดันโรฮิงยาออกไป หากไม่มีใครติดตามชาวโรฮิงยาอาจถูกปิดประตูตีแมวไปแล้วก็ได้ ด้วยข้ออ้างว่าโรฮิงยาก่อการร้ายเผาหมู่บ้านก็เป็นความชอบธรรมในการสังหารหมู่ แต่ถึงไม่ทำอะไรปล่อยไห้ชาวยะไข่กับชาวโรฮิงยาฆ่ากันเองก็เป็นประโยชน์กว่าที่มือจะไปเปื้อนความผิด
ในระดับชาตินั้นประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศหรือไทยก็ไม่อยากจะรับไม่อยากจะสนใจเพราะรังแต่จะเป็นปัญหาคนต่างด้าวเข้ามาผิดกฏหมาย บังกลาเทศนั้นมีแค้มป์อพยบโรฮิงยากว่าแสนคนซึ่งไม่อยากจะรับอีกแล้วในเหตุการณ์ครั้งนี้บังกลาเทศได้ปิดชายแดนพลักดันโรฮิงยากลับพม่า
ส่วนอาเซียนก็ไม่สามารถจะแทรกแทรงกิจการภายในได้ ไม่มีกลไกจะไปจัดการ ความมั่นคงของอาเซียนจะเป็นไปเพื่อความมั่นคงของภูมิภาค แต่ละประเทศก็มีเรื่องกดขี่ชนกลุ่มน้อย ตามมาด้วยการอพยบย้ายถิ่นฐาน ต่างด้าวผิดกฏหมาย ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ความร่วมมือของอาเซียนจะเป็นไปทางจัดการกับชนกลุ่มน้อยเสียมากว่า เธอจัดการของเธอไปอย่าไห้มันอพยบมาก่อปัญหาในบ้านฉัน ฉันก็จะจัดการกับพวกในบ้านฉันเธอก็อย่ามายุ่งเรื่องภายในบ้านฉัน
ขณะนี้ไม่ว่าจะผู้นำประชาธิปไตยพม่ารุ่น 8888 หรือนางอองซานซูจี ผู้นำศาสนา ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน ต่างปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ออกตัวพูดอะไร อเมริกาและยุโรปที่เคยโจมตีพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างก็เร่งเข้าไปลงทุนในพม่าโดยไม่สนในการกวาดล้างชาวโรฮิงยาเลย
ชาวโรฮิงยาแทบไม่มีสิทธิจะอยู่บนโลกใบนี้ อยู่ก็ตายล่องเรือไปอยู่ที่อื่นก็ถูกพลักออกทะเล ตาย ป่วยอยู่กลางทะเลอีก เหมือนกับว่าเค้าไม่ใช่คนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่มีใครต้องการ ถึงไปอยู่ในประเทศอื่นได้ก็ไม่มีสิทธิพลเมืองที่เท่าเทียมก็อยู่แบบประกอบอาชีพเล็กน้อยๆไม่มีเสียง หรือไม่มีตัววตนด้วยซ้ำไป
...........................................................................................................................................................................
บทสัมภาษณ์นูรุลอิสลาม บินอุมัร ฮัมซะห์ ประธานองค์กรโรฮิงญาอาระกันแห่งชาติลี้ภัยอยู่ในอินโดฯ
ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ที่มาทำข่าว ณประเทศอินโดนิเซียในประเด็นสำคัญหลังจากมีองค์กร/
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเข้าไปช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกละเมิดอย่างหนัก
ในระยะหลังๆทำให้มีผู้อพยพทะลักออกนอกประเทศจำนวนมาก
ถาม พม่าเปิดทางให้หน่วยงาน/นักข่าว/NGOด้านสิทธิมนุษยชนเข้าประเทศพม่านั้น
เป็นการเปิดประเทศของจริงหรือเป็นเพียงซับกระแสความโกรธแค้นของประชาคมมุสลิม
ตอบ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลพม่าเพราะความจริงรัฐบาล
ขาดความจริงใจเนื่องจากสถานการณ์ยังเหมือนเดิม ยังมีพฤติการณ์โหดเหี้ยมเกิดขึ้นต่อเนื่องทั้งเผาบ้าน
อุ้มฆ่า จับกุมซึ่งระยะหลังพุ่งเป้าไปที่เยาวชนและครูสอนหนังสือ ห้ามขนอาหารช่วยเหลือโดยผ่านทางทะเล
ปิดมัสยิด ห้ามละหมาด ครั้นมีการเยือนของผู้นำระดับสูงกลับอนุญาติให้เปิดมัสยิดได้
แต่ห้ามชาวโรฮิงญาออกเพ่นพล่านนอกเคหะสถาน
ถาม เป็นการปะทะกันระหว่างชาติพันธ์หรือไม่
ตอบ รัฐบาลพูดอย่างนั้นเป็นการมองด้านเดียว แต่เรามองว่ารัฐบาลต่างหากวางแผนเป็นขั้นตอน
ให้ชาวพุทธในพื้นที่เกลียดชังและเจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุนใช้กำลังฆ่าประชาชน
ถาม องค์กรการประชุมโลกอิสลามมองว่าเป็นการปะทะทางชาติพันธุ์ถูกต้องหรือไม่
ตอบ ประเด็นสำคัญไม่ใช่เพียงความชอบธรรมทางกฎหมายเพราะเราถือว่า
เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมพม่าหรือรัฐบาลยัดเยียดว่าโรฮิงญาเป็นผู้อพยพลี้ภัยเข้ามา
แต่มันคือการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ
ถาม ทำไมระยะหลัง ๆ มีการรณรงค์ให้ชำระโรฮิงญาให้สิ้นซาก
ตอบ การรณรงค์ให้เกลียดชังโรฮิงญาเกิดขึ้นมานานแล้วนับแต่ปี ๑๙๖๒ ที่ทหารยึดประเทศ
และเป็นรัฐบาลทหารวิธีการนี้มันได้ผลดีเพราะโรฮิงญาราว๓แสนคนอพยพหนีตายไปบังคลาเทศ
ดังนั้นวิธีการนี้จะทำให้โรฮิงญาหมดจากรัฐยะไข่
ถาม บทบาทโรฮิงญาที่กระจายอยู่นอกประเทศเป็นอย่างไร
ตอบ กระจายอยู่นอกประเทศกว่า๑.๕ล้านคน ทั้งบังคลาเทศ ปากีสถาน ซาอุฯ
รวมทั้งไทย มาเลเซีย อินโดฯแต่สถานะคนที่ได้รับการรับรองเป็นผู้ลี้ภัย
อย่างเป็นทางการของสหประชาชาติมีเพียง ๓ หมื่นคนเท่านั้น ที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่รัฐ
ในประเทศต่างๆกดขี่ เช่นบังคลาเทศ ซาอุฯก็ไม่อนุญาตให้ส่งลูกหลานเรียนในโรงเรียนรัฐบาล
ถาม การเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตยในพม่าช่วยได้หรือไม่
ตอบ พม่าปิดประเทศมานานเวลาเปิดประเทศกลายเป็นเนื้อหอมเป็นที่หมายตาของทุกประเทศ
ที่จะเข้ากอบโกยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพม่า พื้นที่โรฮิงญารัฐอาระกานมีทรัพยากร
ที่ยังไม่ได้สำรวจมหาศาล อองซานซูจีไม่เคยพูดประเด็นนี้เพราะกลัวเสียคะแนนทางการเมือง อาเซียนเงียบเช่นกัน
ถาม เวทีระหว่างประเทศมีท่าทีอย่างไร
ตอบ พม่าส่งสัญญานต่อผู้แทนสหประชาชาติว่าโรฮิงญาเป็นผู้ลี้ภัยไร้สัญชาติต้องหาประเทศที่สาม
ให้อยู่สถานเดียวบังคลาเทศไม่รับผู้อพยพโรฮิงญา จีนสนับสนุนรัฐบาลพม่าเต็มสูบ
อินเดียดูเหมือนประชาธิปไตยและมีชาติพันธ์เดียวกันแต่อินเดียไม่อยากเสียส่วนแบ่งด้านเศรษฐกิจกับพม่าจึงเงียบดีกว่า
ถาม ทำไมโรฮิงญาไม่เข้าร่วมกับองค์กรชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ
ตอบ ไม่มีกลุ่มไหนรับเรา ทั้งองค์กรชมรมรณรงค์ประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลที่เป็นชาวกะฉิ่น
กะเหรี่ยงกลุ่มนี้มีทั้งชาวคริสต์ พุทธ เขายอมรับความเป็นโรฮิงญาได้แต่ไม่อยากมีปัญหากับชาวพุทธยะไข่
ถาม ทำไมชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ จึงติดอาวุธตอบโต้รัฐบาลพม่าส่วนโรฮิงญามีแนวคิดอย่างไร
ตอบ เราเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาแบบสันติวิธี ในอดีตมีการติดอาวุธเช่นกันแต่ก่อนรัฐประหาร
และรัฐบาลขณะนั้นสัญญาว่าเมื่อวางอาวุธจะยอมรับชาติพันธุ์โรฮิงญา แต่แล้วทุกอย่างเปลี่ยนเมื่อทหารปกครองประเทศ
ถาม อยากให้แก้ปัญหาอย่างไรในลำดับแรก ๆ
ตอบ โรฮิงญาอยากอยู่แผ่นดินเกิดคือพม่าไม่อยากเร่ร่อนนอกประเทศ
ก่อนอื่นอยากให้พื้นที่กลับสู่ภาวะปกติมีความปลอดภัย มั่นคง เคารพหลักมนุษยชน
มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงคุ้มครองพลเมืองของเราUN peacekeeping
เปิดช่องทางการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน มีหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจสอบและค้นหาความจริง
มีสื่อมวลชนอิสระเพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก
.....................................................................................................................................................................
ความต้องการ และเป็นสิ่งที่ชาวโรฮิงญา ต้องการ ที่แท้จริง คือ อยู่บ้านของตัวเอง อย่างสันติสุข UNควรรีบเข้าไปดูแลที่ต้นเหตุ ที่ดินแดนของเค้าเ้ลยครับผม ให้เค้ากลับบ้าน อยู่กับครอบครัวของเค้า อย่างสงบ สันติ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรังอีกต่อไป หรือUNจะปล่อยให้เค้า ปกป้งตัวเอง
บางที..เค้าอาจจะต้องเริ่มปลูกฝิ่นขาย ซื้ออาวุธจัดตั้งกองกำลังเพื่อเรียกร้องหาอิสระภาพและความสงบ..... แบบขุนส่า ก็เป็นได้ครับผม
โรฮิงญา ชาติพันธุ์ไร้รอยต่อ..การสมรู้ร่วมคิดสังหารหมู่โรฮิงยาและเหตุที่ชาวโรงฮิงยาอยู่ในพม่าไม่ได้
สื่อต่างชาติและ UN ต่างมองเหตุการจราจลในรัฐยะไข่เป็นความขัดแย้งระหว่างสองฝ่าย ชาวมุสลิมโรฮิงยากับชาวพุทธยะไข่ ซึ่งแท้ที่จริงแล้วมีการสมรู้ร่วมคิดกันในหลายระดับที่จะกำจัดชาวโรฮิงยา ไม่ใช่เป็นเพียง genocide .ในรัฐยะไข่เท่านั้น
สาเหตุแรกเลยที่ชาวโรฮิงยาอยู่ในพม่าไม่ได้คือศาสนา แต่ศาสนาไม่ใช่ต้นเหตุของความขัดแย้งแต่เป็นองค์ประกอบนึงที่ชาวพม่านำมาใช้จำแนกเชื้อชาติ และพม่าเองเป็นพุทธสังคมที่เข็มแข็งเปรียบได้กับการประกาศศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติและเมื่อศาสนาหนึ่งถูกประกาศเป็นศาสนาประจำชาติ คนที่นับถือศาสนาอื่นก็จะถูกปฎิบัติอย่างไม่เสมอภาค คนพม่าซึ่งนำพุทธศาสนามาผูกไว้เป็นส่วนนึงของความเป็นชาติ จึงทำให้คนพม่าเป็นโรค Islamophobia กลัวอิสลามและมองชาวมุสลิมโรฮิงยาเป็นผู้รุกรานชาติ invader
สาเหตุที่สองคือหลายชาติพันธ์ชนกลุ่มน้อยในพม่าไม่ต้องการให้โรฮิงยามามีส่วนแบ่งในผลประโยชน์หลังจากที่มีการปฎิรูปประชาธิปไตย ท้าวความนิดนึงว่าพม่านั้นมีหลายชนเผ่าที่ครองพื้นที่ตนเองอยู่ไม่ยอมให้พม่าชนกลุ่มใหญ่ซึ่งเป็นรัฐบาลทหารเอาพื้นที่ผลประโยชน์ไม่ว่าไม้ เหมืองแร่ น้ำมัน จากเขตของตนเองไป ต้องการแยกตัวเป็นอิสระหรือเป็นสาธารณะรัฐแบบอเมริกา ให้ดูแลผลประโยชน์ในพื้นที่ตัวเองของแต่ละชาติพันธ์ เมื่อรัฐบาลพม่ามีเจตนาว่าจะปฎิรูปและให้มีการเลือกตั้งมีชนกลุ่มน้อยเข้าไปเป็น สส แล้วต่างก็ไม่อยากให้โรฮิงยาซึ่งไม่ใช่ชนเผ่าดั้งเดิมในพม่ามามีส่วนแบ่งในเค็กก้อนนี้ นี่ก็เป็นการสมรู้ร่วมคิดกันในระดับหนึ่ง
สมรู้ร่วมคิดกันในระดับรัฐบาลพม่า รัฐบาลเต็งเส็งนั้นต้องการจะขับไล่โรฮิงยาออกไปไม่ว่าทางตรงทางอ้อม ไม่ให้สิทธิพลเมืองให้อยู่อย่างลำบากยากแค้นจนตรอก แล้วอพยบออกไปเองหรือขนไปทิ้งชายแดนบ้างก็มีตามคำบอกเล่า ในเหตุการณ์เผาหมู่บ้านในยะไข่ราบเป็นหน้ากลองนี้ หลายคนอาจมองว่ารัฐบาลพม่าจะดูแลความสงบได้แต่ที่จริงแล้ว รัฐบาลพม่าไม่ใช่พระเอก และเป็นโอกาสที่ดีด้วยซ้ำที่จะพลักดันโรฮิงยาออกไป หากไม่มีใครติดตามชาวโรฮิงยาอาจถูกปิดประตูตีแมวไปแล้วก็ได้ ด้วยข้ออ้างว่าโรฮิงยาก่อการร้ายเผาหมู่บ้านก็เป็นความชอบธรรมในการสังหารหมู่ แต่ถึงไม่ทำอะไรปล่อยไห้ชาวยะไข่กับชาวโรฮิงยาฆ่ากันเองก็เป็นประโยชน์กว่าที่มือจะไปเปื้อนความผิด
ในระดับชาตินั้นประเทศเพื่อนบ้านอย่างบังกลาเทศหรือไทยก็ไม่อยากจะรับไม่อยากจะสนใจเพราะรังแต่จะเป็นปัญหาคนต่างด้าวเข้ามาผิดกฏหมาย บังกลาเทศนั้นมีแค้มป์อพยบโรฮิงยากว่าแสนคนซึ่งไม่อยากจะรับอีกแล้วในเหตุการณ์ครั้งนี้บังกลาเทศได้ปิดชายแดนพลักดันโรฮิงยากลับพม่า
ส่วนอาเซียนก็ไม่สามารถจะแทรกแทรงกิจการภายในได้ ไม่มีกลไกจะไปจัดการ ความมั่นคงของอาเซียนจะเป็นไปเพื่อความมั่นคงของภูมิภาค แต่ละประเทศก็มีเรื่องกดขี่ชนกลุ่มน้อย ตามมาด้วยการอพยบย้ายถิ่นฐาน ต่างด้าวผิดกฏหมาย ยาเสพติด อาชญากรรมข้ามชาติ ความร่วมมือของอาเซียนจะเป็นไปทางจัดการกับชนกลุ่มน้อยเสียมากว่า เธอจัดการของเธอไปอย่าไห้มันอพยบมาก่อปัญหาในบ้านฉัน ฉันก็จะจัดการกับพวกในบ้านฉันเธอก็อย่ามายุ่งเรื่องภายในบ้านฉัน
ขณะนี้ไม่ว่าจะผู้นำประชาธิปไตยพม่ารุ่น 8888 หรือนางอองซานซูจี ผู้นำศาสนา ประเทศเพื่อนบ้าน อาเซียน ต่างปิดหูปิดตาทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น ไม่ออกตัวพูดอะไร อเมริกาและยุโรปที่เคยโจมตีพม่าละเมิดสิทธิมนุษยชนต่างก็เร่งเข้าไปลงทุนในพม่าโดยไม่สนในการกวาดล้างชาวโรฮิงยาเลย
ชาวโรฮิงยาแทบไม่มีสิทธิจะอยู่บนโลกใบนี้ อยู่ก็ตายล่องเรือไปอยู่ที่อื่นก็ถูกพลักออกทะเล ตาย ป่วยอยู่กลางทะเลอีก เหมือนกับว่าเค้าไม่ใช่คนเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ไม่มีใครต้องการ ถึงไปอยู่ในประเทศอื่นได้ก็ไม่มีสิทธิพลเมืองที่เท่าเทียมก็อยู่แบบประกอบอาชีพเล็กน้อยๆไม่มีเสียง หรือไม่มีตัววตนด้วยซ้ำไป
...........................................................................................................................................................................
บทสัมภาษณ์นูรุลอิสลาม บินอุมัร ฮัมซะห์ ประธานองค์กรโรฮิงญาอาระกันแห่งชาติลี้ภัยอยู่ในอินโดฯ
ให้สัมภาษณ์สำนักข่าวอัลญะซีเราะห์ที่มาทำข่าว ณประเทศอินโดนิเซียในประเด็นสำคัญหลังจากมีองค์กร/
นักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนเข้าไปช่วยเหลือมุสลิมโรฮิงญาที่ถูกละเมิดอย่างหนัก
ในระยะหลังๆทำให้มีผู้อพยพทะลักออกนอกประเทศจำนวนมาก
ถาม พม่าเปิดทางให้หน่วยงาน/นักข่าว/NGOด้านสิทธิมนุษยชนเข้าประเทศพม่านั้น
เป็นการเปิดประเทศของจริงหรือเป็นเพียงซับกระแสความโกรธแค้นของประชาคมมุสลิม
ตอบ สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นเพียงการสร้างภาพลักษณ์ของรัฐบาลพม่าเพราะความจริงรัฐบาล
ขาดความจริงใจเนื่องจากสถานการณ์ยังเหมือนเดิม ยังมีพฤติการณ์โหดเหี้ยมเกิดขึ้นต่อเนื่องทั้งเผาบ้าน
อุ้มฆ่า จับกุมซึ่งระยะหลังพุ่งเป้าไปที่เยาวชนและครูสอนหนังสือ ห้ามขนอาหารช่วยเหลือโดยผ่านทางทะเล
ปิดมัสยิด ห้ามละหมาด ครั้นมีการเยือนของผู้นำระดับสูงกลับอนุญาติให้เปิดมัสยิดได้
แต่ห้ามชาวโรฮิงญาออกเพ่นพล่านนอกเคหะสถาน
ถาม เป็นการปะทะกันระหว่างชาติพันธ์หรือไม่
ตอบ รัฐบาลพูดอย่างนั้นเป็นการมองด้านเดียว แต่เรามองว่ารัฐบาลต่างหากวางแผนเป็นขั้นตอน
ให้ชาวพุทธในพื้นที่เกลียดชังและเจ้าหน้าที่รัฐสนับสนุนใช้กำลังฆ่าประชาชน
ถาม องค์กรการประชุมโลกอิสลามมองว่าเป็นการปะทะทางชาติพันธุ์ถูกต้องหรือไม่
ตอบ ประเด็นสำคัญไม่ใช่เพียงความชอบธรรมทางกฎหมายเพราะเราถือว่า
เราเป็นส่วนหนึ่งของสังคมพม่าหรือรัฐบาลยัดเยียดว่าโรฮิงญาเป็นผู้อพยพลี้ภัยเข้ามา
แต่มันคือการเลือกปฏิบัติทางเชื้อชาติอย่างเป็นระบบ
ถาม ทำไมระยะหลัง ๆ มีการรณรงค์ให้ชำระโรฮิงญาให้สิ้นซาก
ตอบ การรณรงค์ให้เกลียดชังโรฮิงญาเกิดขึ้นมานานแล้วนับแต่ปี ๑๙๖๒ ที่ทหารยึดประเทศ
และเป็นรัฐบาลทหารวิธีการนี้มันได้ผลดีเพราะโรฮิงญาราว๓แสนคนอพยพหนีตายไปบังคลาเทศ
ดังนั้นวิธีการนี้จะทำให้โรฮิงญาหมดจากรัฐยะไข่
ถาม บทบาทโรฮิงญาที่กระจายอยู่นอกประเทศเป็นอย่างไร
ตอบ กระจายอยู่นอกประเทศกว่า๑.๕ล้านคน ทั้งบังคลาเทศ ปากีสถาน ซาอุฯ
รวมทั้งไทย มาเลเซีย อินโดฯแต่สถานะคนที่ได้รับการรับรองเป็นผู้ลี้ภัย
อย่างเป็นทางการของสหประชาชาติมีเพียง ๓ หมื่นคนเท่านั้น ที่เหลือถูกเจ้าหน้าที่รัฐ
ในประเทศต่างๆกดขี่ เช่นบังคลาเทศ ซาอุฯก็ไม่อนุญาตให้ส่งลูกหลานเรียนในโรงเรียนรัฐบาล
ถาม การเปลี่ยนแปลงทางประชาธิปไตยในพม่าช่วยได้หรือไม่
ตอบ พม่าปิดประเทศมานานเวลาเปิดประเทศกลายเป็นเนื้อหอมเป็นที่หมายตาของทุกประเทศ
ที่จะเข้ากอบโกยผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจในพม่า พื้นที่โรฮิงญารัฐอาระกานมีทรัพยากร
ที่ยังไม่ได้สำรวจมหาศาล อองซานซูจีไม่เคยพูดประเด็นนี้เพราะกลัวเสียคะแนนทางการเมือง อาเซียนเงียบเช่นกัน
ถาม เวทีระหว่างประเทศมีท่าทีอย่างไร
ตอบ พม่าส่งสัญญานต่อผู้แทนสหประชาชาติว่าโรฮิงญาเป็นผู้ลี้ภัยไร้สัญชาติต้องหาประเทศที่สาม
ให้อยู่สถานเดียวบังคลาเทศไม่รับผู้อพยพโรฮิงญา จีนสนับสนุนรัฐบาลพม่าเต็มสูบ
อินเดียดูเหมือนประชาธิปไตยและมีชาติพันธ์เดียวกันแต่อินเดียไม่อยากเสียส่วนแบ่งด้านเศรษฐกิจกับพม่าจึงเงียบดีกว่า
ถาม ทำไมโรฮิงญาไม่เข้าร่วมกับองค์กรชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ
ตอบ ไม่มีกลุ่มไหนรับเรา ทั้งองค์กรชมรมรณรงค์ประชาธิปไตยต่อต้านรัฐบาลที่เป็นชาวกะฉิ่น
กะเหรี่ยงกลุ่มนี้มีทั้งชาวคริสต์ พุทธ เขายอมรับความเป็นโรฮิงญาได้แต่ไม่อยากมีปัญหากับชาวพุทธยะไข่
ถาม ทำไมชนกลุ่มน้อยอื่น ๆ จึงติดอาวุธตอบโต้รัฐบาลพม่าส่วนโรฮิงญามีแนวคิดอย่างไร
ตอบ เราเชื่อมั่นในการแก้ปัญหาแบบสันติวิธี ในอดีตมีการติดอาวุธเช่นกันแต่ก่อนรัฐประหาร
และรัฐบาลขณะนั้นสัญญาว่าเมื่อวางอาวุธจะยอมรับชาติพันธุ์โรฮิงญา แต่แล้วทุกอย่างเปลี่ยนเมื่อทหารปกครองประเทศ
ถาม อยากให้แก้ปัญหาอย่างไรในลำดับแรก ๆ
ตอบ โรฮิงญาอยากอยู่แผ่นดินเกิดคือพม่าไม่อยากเร่ร่อนนอกประเทศ
ก่อนอื่นอยากให้พื้นที่กลับสู่ภาวะปกติมีความปลอดภัย มั่นคง เคารพหลักมนุษยชน
มีเจ้าหน้าที่ความมั่นคงคุ้มครองพลเมืองของเราUN peacekeeping
เปิดช่องทางการช่วยเหลือตามหลักสิทธิมนุษยชน มีหน่วยงานรับผิดชอบในการตรวจสอบและค้นหาความจริง
มีสื่อมวลชนอิสระเพื่อสะท้อนข้อเท็จจริงต่อประชาคมโลก
.....................................................................................................................................................................
ความต้องการ และเป็นสิ่งที่ชาวโรฮิงญา ต้องการ ที่แท้จริง คือ อยู่บ้านของตัวเอง อย่างสันติสุข UNควรรีบเข้าไปดูแลที่ต้นเหตุ ที่ดินแดนของเค้าเ้ลยครับผม ให้เค้ากลับบ้าน อยู่กับครอบครัวของเค้า อย่างสงบ สันติ อย่าปล่อยให้เป็นปัญหาเรื้อรังอีกต่อไป หรือUNจะปล่อยให้เค้า ปกป้งตัวเอง
บางที..เค้าอาจจะต้องเริ่มปลูกฝิ่นขาย ซื้ออาวุธจัดตั้งกองกำลังเพื่อเรียกร้องหาอิสระภาพและความสงบ..... แบบขุนส่า ก็เป็นได้ครับผม