สงสารชาว โรฮิงญา อยากช่วยเหลือ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร

กระทู้คำถาม
อ่านข่าวเกี่ยวกับชาว โรฮิงญา แล้วรู้สึกหดหู่ อยากรู้ว่าตอนนี้ ใครจะยื่นมือเข้าไปช่วยเหลือ แถม ยังตกเป็นเหยื่อ การค้ามนุษย์ ใครกัน จะเข้าไปช่วยได้ ใคร ใคร ใคร....

สงสารเด็ก คนแก่ แล้วก็ ผู้หญิง

ประวัติศาสตร์บาดแผล ไม่มี 'โรฮิงญา' บนแผ่นดินพม่า

ทำไมชาวโรฮิงญา จึงต้องเป็น “เหยื่อ” ขบวนการค้ามนุษย์? ชาวโรฮิงญามาจากไหนกันแน่?

นี่อาจเป็นคำถามพื้นๆ สำหรับคนเสพข่าวรายวัน โดยเฉพาะยุคสื่อใหม่ที่ขายข่าว “เร็วและสั้นกระชับ” และมีดราม่าบ้าง

ชาวโรฮิงญา เป็นชาติพันธุ์มุสลิมอาศัยอยู่ที่อยู่ดินแดนที่เรียกว่า “รัฐอาระกัน” หรือ “รัฐยะไข่” ที่เป็นรัฐชายแดนทางตะวันตกของประเทศเมียนมาร์ ติดกับชายแดนบังคลาเทศ มีลักษณะร่างกาย ภาษาที่ใช้ใกล้เคียงกับภาษาเบงกาลี ภาษาที่ถูกใช้ในบังคลาเทศ

ประวัติศาสตร์ของชาวโรฮิงญานั้นมีมายาวนานตั้งแต่ยุคก่อนอาณานิคม และการเข้ามาเป็นเจ้าอาณานิคมของอังกฤษ สมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 คือจุดเริ่มต้นของการอพยพออกจากแผ่นดินถิ่นเกิด

ดูเป็นเรื่องตลกร้าย เนื่องจากสมัยอังกฤษปกป้องอาณานิคมจากการรุกรานของญี่ปุ่น ชะตากรรมชาวโรฮิงญาได้พบกับทางแยกระหว่าง “รัฐเอกราช” กับ “คนไร้รัฐ” อย่างไม่คาดฝัน

พ.ศ.โน้น อังกฤษสนับสนุนกลุ่มมุสลิมโรฮิงญา สร้างเขตกันชนในรัฐยะไข่ เพื่อป้องกันการรุกรานของญี่ปุ่น
ขณะเดียวกัน กลุ่มกู้ชาติชาวพม่าได้อาศัยญี่ปุ่นเป็นกองหนุนสู้รบอังกฤษ และพันธมิตรชาวโรฮิงญา

ฉะนั้น กองกำลังชาวโรฮิงญาจึงต้องรบราฆ่าฟันกับชาวพม่าที่นับถือศาสนาพุทธในยะไข่ มันเป็น “ประวัติศาสตร์บาดแผล” มาจนถึงทุกวันนี้

เมื่อสถานการณ์ของสงครามโลกครั้งที่ 2 เปลี่ยนไป กองทัพญี่ปุ่นเริ่มประสบกับความพ่ายแพ้ในสงคราม กลุ่มกู้ชาติชาวพม่าเปลี่ยนมาเป็นพันธมิตรกับกองทัพอังกฤษ

ชาวโรฮิงญาที่เป็นอดีตพันธมิตรของอังกฤษ ก็ถูกทิ้งให้เผชิญกับชะตากรรมเพียงลำพังในรัฐยะไข่ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น อังกฤษรับปากจะให้เอกราชแก่ “รัฐอิสระ” ของชาวโรฮิงญา

แม้ว่าพม่าได้รับเอกราชจากอังกฤษ ชาวโรฮิงญาจะถูกรับรองในความเป็นกลุ่มชาติพันธ์ุในสมัยรัฐบาลของนายกรัฐมนตรี “อูนุ” และมีการตั้งเขตปกครองพิเศษ แต่ภายหลังการยึดอำนาจของ “นายพลเนวิน” พร้อมกับการนำสังคมนิยมแบบพม่ามาใช้ และปลุกกระแสชาตินิยมพม่าพุทธ

ชาวโรฮิงญา จึงไม่ได้รับสิทธิในการเป็นพลเมืองพม่าตามกฎหมายสัญชาติ ทำให้สถานะของชาวโรฮิง ยาที่อาศัยอยู่ในรัฐยะไข่ กลายเป็นผู้อพยพที่ไม่ได้สิทธิใดๆ รอเพียงการผลักดันให้ออกนอกประเทศ

นอกจากนั้น “นายพลเนวิน” ได้เปลี่ยนชื่อจาก “รัฐอาระกัน” เป็น “รัฐยะไข่” ตามมาด้วยการประกาศใช้กฎหมายสัญชาติฉบับใหม่ปี ค.ศ.1982 กำหนดสิทธิของ 135 กลุ่มชาติพันธุ์แห่งชาติ แต่ไม่มีกลุ่มชาติพันธุ์โรฮิงญา

ยุคสมัยกฎเหล็กของ “นายพลเนวิน” ทำให้ชาวโรฮิงยาหลายแสนต้องอพยพหนีความรุนแรงไปประเทศบังคลาเทศ แต่ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในค่ายผู้อพยพบริเวณชายแดนพม่าบังคลาเทศจนถึงปัจจุบัน

เมื่อชาวโรฮิงญากลายเป็นคนไร้รัฐ จึงไม่สามารถเดินทางไปประเทศที่สามได้ จำเป็นที่ต้องอยู่อาศัยตามแนวชายแดนพม่า-บังคลาเทศ

“ที่ใดมีการกดขี่ ที่นั่นมีการต่อสู้” ชาวโรฮิงญาบางกลุ่มในบังคลาเทศ ได้จัดตั้งพรรคปลดปล่อยโรฮิงญา (RLP) และเปลี่ยนเป็นแนวร่วมโรฮิงญารักชาติ (RPF) ในเวลาต่อมา

เมื่อรัฐบาลทหารพม่ากดดันชาวโรฮิงญาในรัฐยะไข่มากขึ้น กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงได้แยกออกจากแนวร่วมโรฮิงญารักชาติ RPF และได้จัดตั้งองค์กรโรฮิงญาเข้มแข็ง (RSO) ประกาศรับการสนับสนุนจากโลกมุสลิม

ปัจจุบัน สมาชิก RSO และแนวร่วมอิสลามโรฮิงญาอาระกัน (ARIF) ได้รวมเข้าด้วยกันและจัดตั้งสภาแห่งชาติโรฮิงญา (RNC) และกองทัพแห่งชาติโรฮิงญา (RNA) ต่อสู้ด้วยกำลังติดอาวุธอยู่ตามแนวชายแดน

ความรุนแรงและเงื่อนไขทางเศรษฐกิจดังกล่าว ส่งผลให้ชาวมุสลิมโรฮิงยาจำต้องอพยพเข้าสู่ไทย และประเทศอื่นๆ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

เป็นเวลากว่า 30 ปีแล้วที่ชาวมุสลิมโรฮิงญาในพม่าที่เดินทางหนีเข้ามาในประเทศไทย โดยใช้เส้นทางบกจากรัฐยะไข่ ผ่านเขตพะโค ก่อนเข้ารัฐกะเหรี่ยง และข้ามชายแดนเข้าไทยทางชายแดนอำเภอแม่สอด จังหวัดตาก
ระยะหลังชาวโรฮิงญาในค่ายพักพิงที่เมืองจิตตะกอง บังคลาเทศ ก็มุ่งหน้าสู่ทะเลเช่นเดียวกับชาวมุสลิมโรฮิงญาในพม่า ด้วยความหวังที่จะหาอนาคตที่ดีกว่าในประเทศมุสลิมอย่างมาเลเซีย และอินโดนีเซีย

อีกเส้นจะผ่านน่านน้ำอิรวะดี ชายฝั่งตะนาวศรี และรัฐมอญก่อนจะเข้าน่านน้ำไทยเขตจังหวัดระนองและพังงา เส้นทางนี้ใกล้ฝั่งและใช้เวลาน้อยกว่า แต่เสี่ยงที่จะเจอกับกองเรือของกองทัพพม่า

พวกเขามีทางเลือกไม่มาก การถูกบังคับให้อพยพเป็นสถานการณ์ที่ลำบาก และหนีไม่พ้นที่จะตกเป็นเหยื่อขบวนการค้ามนุษย์ข้ามชาติ



แหล่งที่มา : http://www.bangkokbiznews.com/news/detail/645995
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 5
อย่าไปช่วยครับ มันก็เหมือนให้เงินขอทาน ยิ่งใจดียิ่งมาเยอะ ขบวนการค้ามนุษย์ยิ่งรวย

ทางที่ดี ช่วยทางการ แจ้งเบาะแส เอาผิดพวกขนโรฮิงยาเข้ามา พวกให้ที่พักอาศัย อย่างจริงจัง

เพื่อไม่ให้ไทยต้องเป็นเป้าหมาย หรือทางผ่าน ต่อไป

ส่วนเรื่องปัญหาในพม่า ปล่อยให้เวทีโลกเขาจัดการ ไทยไม่มีหน้าที่ต้องเข้าไปแก้ปัญหานี้
ความคิดเห็นที่ 8
ตามข่าวเก่าๆดูสิ่งที่เค้าทำตอนมาไทยค่ะ   หมองูตายเพราะงู  ชาวนากับงูเห่า ยังไงยังงั้นค่ะ
รับมาไทยมีแต่เป็นภาระ

ล่าสุดที่ตามข่าว (หลังจากพวกพี่แกเรียกร้องต่างๆนานา) คือไม่มีประเทศไหนเอา แถมไทยโดนกดดันให้สร้างที่พักให้พวกนี้อยู่
รัฐบาลก็ให้อยู่ แล้วบอกจะหาทางส่งกลับ   แต่ตอนนี้ออกลูกหลานยั้วเยี้ยอยู่กันในไทยแล้วมั๊ง

ศาสนาที่ไม่ให้คนคุมกำเนิด กัดกร่อนตัวเองและคนรอบข้างแท้ๆ
ความคิดเห็นที่ 14
เมื่อมาแล้ว ถ้าหิวข้าว ประเทศไทยมีให้
ถ้าไม่มีที่ซุกหัวนอน ประเทศไทยให้พักชั่วคราว

.......แต่ถ้า ได้อาหาร ได้ที่พัก.....  แล้วตั้งหน้าทำลูกเพิ่ม....
และชักชวนพวกพ้องหลั่งไหลกันเข้ามาอีกมากมาย ย่อมเป็นเรื่องที่รับไม่ได้

คนช่วย ช่วยได้แต่เพียงเรื่องพื้นฐาน ไม่อาจช่วยไปเสียทุกเรื่อง...
คนอยู่ในสถานะพึ่งพา....ก็ต้องรู้สถานะตัวเองด้วย....

.....แต่โรฮิงยา.....เรียกร้องนั่นนี่มากมาย
-------------------------------------------------------------------------------------------------
คนไทยยุคก่อนๆเขารู้กันอยู่แล้ว... ว่าคนพวกนี้มีนิสัยอย่างไร
บรรพบุรุษคนไทยเขามีประสบการณ์เรื่องพวกนี้มายาวนาน...

มีแต่คนรุ่นหลังๆนี่หละ....
ที่เดือดร้อนจะเป็นจะตายเอากับปัญหาซึ่งประเทศอื่นสร้าง... แล้วก็ทำตัวเองให้ลำบาก
-------------------------------------------------------------------------------------------------
เสื้อผ้าอาหาร ที่อยู่ชั่วคราว และการรักษาพยาบาลเบื้องต้น
.....เขามาแล้วยังไงก็ต้องให้... เรื่องลมหายใจ ยังไงก็ควรช่วย....เพราะนั่นคือเพื่อนมนุษย์
เรื่องปัจจัยสี่ควรแบ่งปัน.... ก็ช่วยไปตามนั้น นั่นคือช่วยมากสุดแล้วหละ

ประเทศอื่นเขาไม่เอาเลยด้วยซ้ำ
มันเป็นเรื่องของสังคมด้วย....อย่ากินอุดมคติมากไป
เมื่อมีเรื่องที่เกินไปจากปัจจัยสี่.....คนไทยก็ไม่ควรหาเรื่องใส่ตัวจะดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 34
ปัญหาของประเทศไทยคือคนไทยจำนวนมากเก่งแต่การแก้ปัญหาแบบไทยๆ  คือไม่ต้องคิด ไม่ต้องใช้สมอง ไม่ต้องเข้าใจถึงแก่นของปัญหา แก้แบบบ้องตื้นปัดสวะให้พ้นๆ ตัวไป แล้วก็ใช้แต่มายาคติ ประชดประชัน

ปัญหาโรฮิงญาก็เหมือนเราเป็นคนชั้นกลางไม่รวย แต่บ้านอยู่ติดสลัมแถมเพื่อนบ้านเป็นอันธพาลชอบรังแกคนในบ้าน คนที่ถูกรังแกบางคนเลยหางมุดรั้วมาบ้านเราบ้างหวังจะอยู่บ้านเรา บ้างหวังจะหาทางไปอยู่บ้านอื่น การที่คนไม่ว่าเผ่าพันธุ์ไหนจะหนีร้อนมาพึ่งเย็น มันไม่แปลกเลย

ถ้าเราเปิดบ้านรับเลี้ยงย่อมไม่ได้ ไม่งั้นจะยิ่งมา แต่ในเมื่อย้ายบ้านหนีไม่ได้ เราก็ต้องแก้ปัญหาด้วยหัวใจและสมอง อย่างแรก เราต้องเข้มพรมแดน ปิดกั้นพวกที่จะมาใหม่ไม่ให้มาได้ พวกที่มาส่วนใหญ่ถูกลักลอบเข้ามาก็ด้วยความร่วมมือของของ จนท เลวๆ ของเราที่หาผลประโยชน์นั่นแหละ

ส่วนพวกที่มาแล้ว เราไล่กลับไปไม่ได้เราต้องถือเป็นภาระจัดหาที่อยู่ให้ ต้องคุยกับบ้านอื่นๆ ให้ช่วยรับภาระไปด้วย ยกระดับปัญหาให้มันดัง ให้ทุกบ้านรู้ทั้งบ้านรวยมากรวยน้อย กดดันให้ช่วยเรา ยกปัญหานี้ขึ้นสู่เวทีโลก ให้ถึง UN ถึงสื่อ จ้างลอบบี้ยิสเมืองนอก กระพือข่าวปัญหาเรื่องนี้ให้กระหึ่มกว่านี้

เพื่อบ้านอันธพาลเราก็ต้องกดดัน บอกให้รู้เราไม่ชอบใจนะคุณไปตีเค้าแบบนั้น เสียงเราไม่ดังพอก็บอกบ้านอื่นให้ช่วย ต้องยกระดับปัญหานี้แบบจริงจังกว่านี้ ทุกฝ่ายที่แก้ปัญหาต้องประสานงานกันมากกว่านี้ ทั้งฝ่ายการมั่นคง การเมือง การต่างประเทศ  เพราะนี่ปัญปัญหาที่แม้เราไม่อยากแบกรับแต่เราเลี่ยงไม่ได้ ก็ประเทศมันติดกันทำยังไงได้

ส่วนมายาคติที่บอกว่าคนพวกนี้เนรคุณ เป็นโจรใต้  ปัจจบันมีคนโรฮิงญามาขายโรตีเต็มไปหมด มากกว่าโจรใต้ไม่รู้กี่เท่า  ข่าวโจรใต้ที่ถูกจับถูกฆ่า ผมยังไม่เห็นมีชาวโรฮิงญาจริงๆ ซักคน ข่าวโรฮิงญาขายโรตีสร้างปัญหาในไทยนี่ยิ่งไม่เคยได้ยิน นอกจากคนมองว่าเป็นหาบเร่แผงรอยมันไม่มีระเบียบหรือเกะกะทางเท้า คนพวกนี้ส่วนใหญ่ไม่ได้เลวชั่วร้ายแบบที่บางคนมีมายาคติ เป็นแค่คนน่าสงสารที่อยากจะมีชีวิตดีๆ ขึ้นเท่านั้น และการเป็นมุสลิมไม่ใช่ความผิด แต่การเป็นพุทธที่คิดว่าเหนือกว่าดีกว่าศาสนาอื่นนั่นแหละที่ผิด

อีกเรื่องคือพวกนี้กินข้าวไม่ล้างจาน มาประท้วงไม่รู้บุญคุณ   จริงๆ แล้วโรฮิงยากลุ่มนั้นเป็นกลุ่มโชคดีกว่าพวกที่ชายแดนปาดังฯ ที่เป็นข่าวตอนนี้มากๆ  คือโดนทางการจับ แต่เราจับมาเราเอามาขังแยกครอบครัว ไม่ให้ไปไหน ไม่ให้ทำงาน เค้าหนีมาเป็นครอบครัวเราแยกขังชายหญิแยกครอบครัว ขังไว้ไม่มีกำหนด ไม่มีอนาคต การที่เค้าจะประท้วงนี่มันไม่แปลก อย่ามองแค่พวกนี้เรื่องมาก ให้มองให้ลึกไปกว่านั้นว่าแล้วเราปฏิบัติกับเค้าเยี่ยงไร
ความคิดเห็นที่ 61
"เพราะไม่ขอบคุณ...เลยฆ่าทิ้งได้
สมกับเป็นพุทธไทยเลยนะครับ พระสงฆ์ท่านสอนมาดี"
สมาชิกหมายเลข 1945645  





คนอื่นจำเป็นต้องเห็นคุณค่าชีวิตมุสลิมด้วย???
ในเมื่อมุสลิม ก็ยังไม่เห็นคุณค่าชีวิตของกาเฟร
ที่ตายจากน้ำมือมุสลิมด้วยกันเลย


เพียงเพราะเป็นกาเฟร ไม่ใช่มุสลิม.......
มุสลิมจึงเอาหูไปนาเอาตาไปไร่เสีย
ส่วนหนึ่งไม่แสดงความเสียใจ
ส่วนหนึ่งไม่แม้แต่จะกล่าวถึง
ส่วนหนึ่งกล่าวถึงพร้อมๆกับปัดสวะให้พ้นตัว

มุสลิมด้วยกันฆ่ากาเฟรตายทุกวี่ทุกวัน  มุสลิมยังไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลย
แต่ก็สมกับเป็นมุสลิม  เพราะในยุคประกาศศาสนาใหม่ๆ นบีก็ทำแบบนี้นี่แหละ
นบีท่านเป็นแบบอย่างที่ดีให้แก่มุสลิมจริงๆ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่