เคยตั้งกระทู้เก่าไว้เมื่อกลางปีก่อน http://ppantip.com/topic/33665211

ช่วงนั้นทั่วโลกมีประเด็นไม่เอาผู้อพยพถ้วนหน้า ทั้งไทยกรณีโรฮิงญา , EU กรณีตะวันออกกลางกับแอฟริกา , อเมริกากรณีคนเม็กซิกัน

ล่าสุดปีนี้อังกฤษ ( จริงๆ ตอนนี้ต้องเรียกสหราชอาณาจักร แต่เดี๋ยวสก็อตแลนด์กับไอร์แลนด์เหนือที่ชอบ EU คงหาเรื่องขอแยกทางกับอังกฤษแน่ๆ ) ก็ขอออกจาก EU ไปแล้ว ด้วยประเด็นผู้อพยพส่วนหนึ่ง แต่หลักๆ เลยคือคนที่โหวตให้ออกมองว่าคน ปท. อื่น มาแย่งงานคนอังกฤษโดยโควต้า EU ไหนจะเรื่องต้องจ่ายเงินบำรุง EU อีก อังกฤษแม้ไม่ใช่เบอร์  1 ด้านเศรษฐกิจ แต่ก็ถือว่าอันดับต้นๆ ของกลุ่ม คงมองว่าคนบ้านตัวเองยังลำบากอยู่เลย แล้วจะเสียเงินไปแบกประเทศที่มีปัญหาเยอะๆ ทำไม

แถมพอมีความชัดเจนว่าผลคะแนนฝ่ายโหวตออกชนะแน่ ก็ยังมีข่าวต่อเพิ่มอีกว่าฝรั่งเศสกับฮอลแลนด์นี่ก็ร่ำๆ อยากจะออกจาก EU ตามอังกฤษอีก

หันไปดูฝั่งอเมริกานี่ยิ่งหนักเลย ทรัมพ์กำลังทำให้เกิดกระแสหวาดกลัวมุสลิม ปลุกกระแสชาตินิยมด้วยการปั้นให้มุสลิมเป็นปีศาจร้าย

------------------------------------------

ผมสนใจตรงนี้แหละครับ จำได้ว่าตอนผมยังเป็นเด็กๆ และเริ่มเข้าวัยรุ่น ( ผมเกิดปี 1985 ปีนี้ผม 31 ละ ) ช่วงก่อนปี 2000 ช่วงนั้นจะมีคำและประโยคที่ฮิตมากๆ เช่น "โลกาภิวัฒน์" , "โลกไร้พรมแดน" , "เส้นแบ่งความเป็นชาติไม่มีความหมาย" , "โลกทั้งใบหลอมรวมเป็นหนึ่ง" , "ในศตวรรษที่ 21 รัฐชาติจะกลายเป็นของล้าสมัย" ฯลฯ อะไรประมาณนี้ครับ คือสื่อว่าเราจะรวมเป็นหนึ่งหมดไม่แบ่งแยกประเทศหรือชนชาตินั่นแหละ ที่สำคัญมักจะยก EU เป็นตัวอย่างเสียด้วย บอกนี่ไงยุโรปทั้งทวีปเขารวมกันเป็นรัฐเดียวชาติเดียวแล้ว ยิ่งตอนที่เริ่มใช้เงินสกุลยูโรกันใหม่ๆ นี่ฮือฮากันใหญ่

ประชาคมอื่นๆ ภูมิภาคอื่นๆ ก็อยากจะทำบ้าง ( โดยเฉพาะอาเซียนนี่แหละ เห่อกันมากโดยเฉพาะบ้านเรา ไปไหนก็เจอแต่ AEC )

แต่กลายเป็นว่าพอเอาเข้าจริงๆ มีปัญหาเกิดขึ้น ก็พบว่าเริ่มแตกแยกละ รัฐฉันประเทศฉันพร้อมกว่าดีกว่า ทำไมต้องไปเอาอะไรมาเป็นภาระด้วย แถมเป็นภาระที่ไม่จบไม่สิ้นอีกต่างหาก ทั้งเรื่องเศรษฐกิจ ทั้งเรื่องผู้อพยพ เพราะรวมเป็นกลุ่มก็ไม่มีโอกาสได้วางกฎเกณฑ์ที่เข้ากับสภาพความจริงของประเทศตัวเอง รัฐใน EU ออกกฎหมายใดที่ขัดกับเจตนารมณ์ EU กฎหมายนั้นถือว่าใช้ไม่ได้

พอมาวันนี้อังกฤษบอกลา EU แถมมีข่าวว่ายังมีประเทศอื่นอยากออกด้วยอีก ประชาคมในฝันกำลังระส่ำระสายขนาดนี้

มันหมายถึงว่ายุค "ภาคีระหว่างประเทศ" กำลังถึงจุดจบ แล้ว "ชาตินิยม" กำลังจะกลับมาหรือเปล่าครับ?