ตอนแรกเขาบอกว่า
เป็นไปได้หรือที่ปุถุชนกล่าวถึงสัตว์บุคคลแต่ไม่ยึดติด?
เขาบอกเป็นไปไม่ได้หรอก ยังไงๆมันต้องยึดติดแน่
ดังนั้นปุถุชนในโลกมีทิฏฐิแค่สอง ไม่สัสสตทิฏฐิ ก็อุจเฉท เท่านั้นเอง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เป็นไปได้หรือครับ ที่ปุถุชน กล่าวถึง สัตว์ บุคคล ตัวตน เรา เขา ........ แต่ไม่ยึดติด น่ะครับ ?
ผมเห็นว่า มันยึด มันติด ตามประสาปุถุชนชาวโลกทั้งนั้นแหละครับ
ทีนี้ มันก็เหลือแค่ว่า จะเป็น สัสสตทิฐิ หรือ อุจเฉททิฐิ เท่านั้นเองครับท่าน


ก่อนหน้านั้นเขาเองก็บอกว่า ผมแค่ปฏิเสธ สัสสตทิฏฐิเท่านั้นเอง จะมาว่าผมเป็นอุจเฉททิฏฐิได้ไง

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมก็แค่ปฏิเสธ สัสสตทิฐิ ซึ่งเป็นสิ่งที่ชาวพุทธควรทำ แล้วทำไมต้อง มโน ว่าผมเป็นอุจเฉททิฐิ ด้วยหละครับ ?
สมาชิกหมายเลข 1831258 - วันพุธ เวลา 09:23 น. 25


แล้วพอสุดท้ายเขาก็มากลับลำอีกว่า
บางทีการปฏิเสธสัสสตของเขา ไม่ได้แปลว่าเขาเป็นอุจเฉทซํกหน่อย


[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ประเด็นก็คือ การที่คนๆหนึ่งปฏิเสธ สัสสตทิฐิ มันมีความหมายว่าอะไรได้บ้างหละครับ ?

1 เขาอาจปฏิเสธสุดโต่งฝ่ายหนึ่ง แล้วไปยึดสุดโต่งอีกฝ่ายหนึ่งก็ได้
2 เขาอาจปฏิเสธสุดโต่งทั้งสองฝ่ายก็ได้

ดังนั้น เพียงเพราะเขาปฏิเสธ สัสสตทิฐิ ก็ไปสรุปว่าเขาเป็นอุจเฉททิฐิ จึงเป็นการสรุปเกิน
ซึ่งอาจเกิดจากความโง่เขลา ไร้เหตุผล หรือไม่ก็อาจเกิดจาก อคติ ไงครับท่าน


ตกลง ถ้าผมเข้าใจไม่ผิด จากข้อสรุปของเขาเองที่บอกว่าปุถุชนมีทิฏฐิได้แค่สอง
ห้องเราน่าจะมีอริยบุคคลสายพุทธทาส เพิ่มจาก โสดาบรรลย์เตโย มาอีกหนึ่ง
เป็นโซดาปั่นสุมาอี้แล้วขอรับ

ฮูเร ฮูย่า  ปิ๊ดปิ้ว