ไม่ว่าท่านจะคิดอย่างไรกับการแสดงและดนตรีจากภาคอีสานชนิดนี้ก็ตาม แต่ก็คงยากที่จะปฏิเสธว่าดนตรีประเภทนี้ได้รับความนิยมมาทุกยุคทุกสมัย การพยายามปรับตัวเข้ากับสังคมยุคใหม่ของหมอลำเป็นสิ่งที่น่าทึ่ง ทั้งๆ ที่การเริ่มต้นมีเพียงแคนกับหมอลำโดยใช้พื้นหรือลานบ้านเป็นเวทีหรือที่เรียกในยุคนั้นว่าหมอลำพื้น หรือจะย้อนลงไปให้ลึกกว่านั้น หมอลำพื้นถือกำเนิดง่ายๆ คือมาจากการ “นั่งล้อมวง” เล่านิทานสู่กันฟัง ต่อมาก็เพิ่มแคนเป็นเสียงประกอบ พอสิ้นสุดฤดูเก็บเกี่ยว “นักเล่านิทาน” กับ “หมอแคน” ก็ออกตระเวณเล่านิทานตามหมู่บ้านนั้นหมู่บ้านนี้จนได้รับความนิยมและยึดถือเป็นอาชีพตราบปัจจุบัน
เสน่ห์ของหมอลำมีหลายอย่าง เช่นว่าท่วงทำนองและจังหวะของดนตรี ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เนื้อหา” เนื้อหาของหมอลำสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นการบอกเล่าเก้าสิบ โดยนำตำนานพื้นบ้าน(เช่นสังข์สินไชย ขูลูนางอั๊ว ท้าวกำกาดำ เรื่องราวพญานาค) พุทธประวัติ และสอดแทรกธรรมะลงไป ในทางอ้อมถือว่าเป็นการสืบทอดเรื่องราวตำนาน พุทธประวัติในเชิง “มุขะปาฐะ” จากรุ่นสู่รุ่น สมัยผมเป็นเด็กก็เคยไปฝึกร้องหมอลำบ้างนิดๆ หน่อยๆ และยังจำเนื้อที่ร้องได้บางส่วนทุกวันนี้(แต่แววไม่ให้ เลยอดที่จะได้เป็นพระเอกหมอลำกับเขาอิ อิ) ทำนองการร้องหมอลำมีหลายซึ่งเขาเรียกว่า”ทาง” ลำภูไท ลำเต้ย ลำขอนแก่น ลำอุบลฯ
การร้องรำสมัยก่อนต้องเรียกว่าใช้ “ฝีมือ” ล้วนๆ คนที่เป็นหมอลำต้องมีไหวพริบดี รู้รอบ ทั้งทางธรรมและทางโลก คนที่เป็นหมอลำส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานด้านการบวชเรียนมาก่อน เวลาเจ้าภาพจ้างไปแสดง บางทีก็ต้อง “ร้อง” และ “ลำ” ตามคำขอ สมัยนี้ก็เรียกว่า “แร็พ” กันสดๆ โดยไม่ได้ตระเตรียมล่วงหน้า ยิ่งถ้าทางเจ้าภาพจ้างไปแสดงคู่กับหมอลำฝ่ายหญิงซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเขาเรียกว่า “ลำแก้กัน” ฝ่ายหนึ่งถามฝ่ายหนึ่งตอบ....ผลัดเวียนกันไปตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง!! บางทีแก้ไม่ได้ก็กระโดดเวทีหนีเอาหน้าด้านๆ ก็มี ทางอีสานเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “หมอลำโตนฮ้าน” คนฟังเองก็มีส่วนร่วมโดยการตะโกนแซวกันไปมาจากข้างล่างเวทีซึ่งรู้จักดีในหมู่คนอีสานคือ “สอย” ตรงนี้ถือว่าเป็น “ประชาธิปไตย” ทีเดียว ใครจะ “สอย” แซวใครก็ได้ เด็กสอยแซวผู้ใหญ่ แซวผู้ใหญ่บ้านเจ็บๆ คันๆ สอยแซวครู เช่น
สอยๆ สาวนักเรียน see ครูประจำชั้น...คั่นบ่เฮ็ดจั่งสั่นก่ะบ่อได้คะแนนเด้อ...(ฟังทางนี้ๆ...สาวนักเรียนนอนกับครูประจำชั้น ถ้าไม่ทำเช่นนั้นครูก็จะไม่ให้คะแนน) เรียกได้ว่าการแสดงหมอลำสมัยก่อนและปัจจุบัน เหมือนการเปิดเวทีให้สอยกันเจ็บๆ คันๆ ....แสดงเสร็จก็กลับบ้านใครบ้านมัน
ต่อมาเมื่อมีการเรียกเก็บภาษีสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งกระทบต่อวิถีชีวิตคนชนบท เวทีหมอลำเริ่มกลายเป็นกระบอกเสียงของชาวบ้านได้ดี ทั้งรับฟังเรื่องราวทุกข์ยากแร่นแค้นแล้วมาแต่งเป็นกลอนลำบอกเล่าสู่กันฟังจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน ตำบลสู่ตำบล อำเภอ แล้วขยับขยายขึ้นไปเรื่อยๆ ในช่วงนี้เนื้อหาของกลอนลำเริ่มมี “การเมือง” เข้ามาสอดแทรกขึ้นเรื่อยๆ ....สุดท้ายหมอลำก็ตั้งตัวเป็นผู้นำด้านการเมือง กลายเป็น “กบฏผีบุญ” ที่ต้องการจะปลดแอกจากสยาม
กบฏผีบุญ มีจากภาคอีสานมากที่สุดตามประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยพระเพทราชาอยุธยานู่นเลยทีเดียว เรื่อยลงมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และที่น่าทึ่งก็คือเคยมีหัวหน้ากบฏเป็น “หมอลำ” และใช้เวทีหมอลำในการปลุกระดมคนเกือบทั่วอีสานมาแล้วหลายท่านคือ
กบฏผีบุญหมอลำน้อยชาดา(ทำการกบฏปี 2479) กบฏผีบุญหมอลำโสภา พลตรี (2483) กบฏผีบุญหมอลำศิลา วงศ์สิน (2502) นอกนั้นก็มีกบฏที่เรียกว่า “กบฏชาวนา” อีกเป็นจำนวนมาก
ผู้นำกบฏชาวนาที่เลื่องลือและประสบผลสำเร็จในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติในสายตาผมเห็นไม่มีใครเกิน จักรพรรดิหมิงไท่จู่ (พระนามเดิม จู่หยวนจาง) ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง จากพื้นเพชาวและผ่านการบวชเรียนมาสุดท้ายเป็นจักรพรรดิจีน ตรงนี้ต้องคุณพระรองมาร่ายให้ฟัง ประวัติจีนผมแค่ไส้เดือนท่านคุณพระรองท่านเสมือนพญาอินทรีย์ พูดถึงเรื่องหมอลำที่อีสานแล้วขอจบเอาดื้อๆ ที่แดนมังกรตรงนี้นะขอรับ งานยุ่งด้วยตอนนี้
คลิปนี้เป็นการลำแบบทำนองโบราณ “ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง”
อีกคลิปเป็นการลำแบบสมัยใหม่ “ทักษิณแสนชั่ว”
.......”หมอลำ” กับการเมือง/การกบฏ........
เสน่ห์ของหมอลำมีหลายอย่าง เช่นว่าท่วงทำนองและจังหวะของดนตรี ที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ “เนื้อหา” เนื้อหาของหมอลำสมัยก่อนส่วนใหญ่จะเป็นการบอกเล่าเก้าสิบ โดยนำตำนานพื้นบ้าน(เช่นสังข์สินไชย ขูลูนางอั๊ว ท้าวกำกาดำ เรื่องราวพญานาค) พุทธประวัติ และสอดแทรกธรรมะลงไป ในทางอ้อมถือว่าเป็นการสืบทอดเรื่องราวตำนาน พุทธประวัติในเชิง “มุขะปาฐะ” จากรุ่นสู่รุ่น สมัยผมเป็นเด็กก็เคยไปฝึกร้องหมอลำบ้างนิดๆ หน่อยๆ และยังจำเนื้อที่ร้องได้บางส่วนทุกวันนี้(แต่แววไม่ให้ เลยอดที่จะได้เป็นพระเอกหมอลำกับเขาอิ อิ) ทำนองการร้องหมอลำมีหลายซึ่งเขาเรียกว่า”ทาง” ลำภูไท ลำเต้ย ลำขอนแก่น ลำอุบลฯ
การร้องรำสมัยก่อนต้องเรียกว่าใช้ “ฝีมือ” ล้วนๆ คนที่เป็นหมอลำต้องมีไหวพริบดี รู้รอบ ทั้งทางธรรมและทางโลก คนที่เป็นหมอลำส่วนใหญ่จะมีพื้นฐานด้านการบวชเรียนมาก่อน เวลาเจ้าภาพจ้างไปแสดง บางทีก็ต้อง “ร้อง” และ “ลำ” ตามคำขอ สมัยนี้ก็เรียกว่า “แร็พ” กันสดๆ โดยไม่ได้ตระเตรียมล่วงหน้า ยิ่งถ้าทางเจ้าภาพจ้างไปแสดงคู่กับหมอลำฝ่ายหญิงซึ่งไม่เคยรู้จักกันมาก่อนเขาเรียกว่า “ลำแก้กัน” ฝ่ายหนึ่งถามฝ่ายหนึ่งตอบ....ผลัดเวียนกันไปตั้งแต่หัวค่ำยันสว่าง!! บางทีแก้ไม่ได้ก็กระโดดเวทีหนีเอาหน้าด้านๆ ก็มี ทางอีสานเรียกปรากฏการณ์นี้ว่า “หมอลำโตนฮ้าน” คนฟังเองก็มีส่วนร่วมโดยการตะโกนแซวกันไปมาจากข้างล่างเวทีซึ่งรู้จักดีในหมู่คนอีสานคือ “สอย” ตรงนี้ถือว่าเป็น “ประชาธิปไตย” ทีเดียว ใครจะ “สอย” แซวใครก็ได้ เด็กสอยแซวผู้ใหญ่ แซวผู้ใหญ่บ้านเจ็บๆ คันๆ สอยแซวครู เช่น สอยๆ สาวนักเรียน see ครูประจำชั้น...คั่นบ่เฮ็ดจั่งสั่นก่ะบ่อได้คะแนนเด้อ...(ฟังทางนี้ๆ...สาวนักเรียนนอนกับครูประจำชั้น ถ้าไม่ทำเช่นนั้นครูก็จะไม่ให้คะแนน) เรียกได้ว่าการแสดงหมอลำสมัยก่อนและปัจจุบัน เหมือนการเปิดเวทีให้สอยกันเจ็บๆ คันๆ ....แสดงเสร็จก็กลับบ้านใครบ้านมัน
ต่อมาเมื่อมีการเรียกเก็บภาษีสูงขึ้นเรื่อยๆ ส่งกระทบต่อวิถีชีวิตคนชนบท เวทีหมอลำเริ่มกลายเป็นกระบอกเสียงของชาวบ้านได้ดี ทั้งรับฟังเรื่องราวทุกข์ยากแร่นแค้นแล้วมาแต่งเป็นกลอนลำบอกเล่าสู่กันฟังจากหมู่บ้านสู่หมู่บ้าน ตำบลสู่ตำบล อำเภอ แล้วขยับขยายขึ้นไปเรื่อยๆ ในช่วงนี้เนื้อหาของกลอนลำเริ่มมี “การเมือง” เข้ามาสอดแทรกขึ้นเรื่อยๆ ....สุดท้ายหมอลำก็ตั้งตัวเป็นผู้นำด้านการเมือง กลายเป็น “กบฏผีบุญ” ที่ต้องการจะปลดแอกจากสยาม
กบฏผีบุญ มีจากภาคอีสานมากที่สุดตามประวัติศาสตร์ ตั้งแต่สมัยพระเพทราชาอยุธยานู่นเลยทีเดียว เรื่อยลงมาจนถึงรัชกาลปัจจุบัน และที่น่าทึ่งก็คือเคยมีหัวหน้ากบฏเป็น “หมอลำ” และใช้เวทีหมอลำในการปลุกระดมคนเกือบทั่วอีสานมาแล้วหลายท่านคือ กบฏผีบุญหมอลำน้อยชาดา(ทำการกบฏปี 2479) กบฏผีบุญหมอลำโสภา พลตรี (2483) กบฏผีบุญหมอลำศิลา วงศ์สิน (2502) นอกนั้นก็มีกบฏที่เรียกว่า “กบฏชาวนา” อีกเป็นจำนวนมาก
ผู้นำกบฏชาวนาที่เลื่องลือและประสบผลสำเร็จในประวัติศาสตร์ของมวลมนุษย์ชาติในสายตาผมเห็นไม่มีใครเกิน จักรพรรดิหมิงไท่จู่ (พระนามเดิม จู่หยวนจาง) ผู้สถาปนาราชวงศ์หมิง จากพื้นเพชาวและผ่านการบวชเรียนมาสุดท้ายเป็นจักรพรรดิจีน ตรงนี้ต้องคุณพระรองมาร่ายให้ฟัง ประวัติจีนผมแค่ไส้เดือนท่านคุณพระรองท่านเสมือนพญาอินทรีย์ พูดถึงเรื่องหมอลำที่อีสานแล้วขอจบเอาดื้อๆ ที่แดนมังกรตรงนี้นะขอรับ งานยุ่งด้วยตอนนี้
คลิปนี้เป็นการลำแบบทำนองโบราณ “ทักษิณถูกกลั่นแกล้ง”
อีกคลิปเป็นการลำแบบสมัยใหม่ “ทักษิณแสนชั่ว”