"สลัก ศิลาทอง" ต้นฉบับลำแพน เจ้าของผลงานเพลงดัง "เอิ้นหาน้องเขียว" , "สลักพลัดถิ่น"
พระกิตติทัต กิตฺติวังโส หรืออดีตศิลปินหมอลำ สลัก ศิลาทอง เจ้าของผลงานเพลงดัง "เอิ้นหาน้องเขียว" , "สลักพลัดถิ่น ได้มรณภาพ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม 2567 อายุ 64 พรรษา 9 ขณะเป็นพระลูกวัดแสงอรุณ ต.แนงมุด อ.กาบเชิง จ.สุรินทร์
พระกิตติทัต กิตฺติวังโส (สลัก ศิลาทอง) เป็นพระนักเทศน์แหล่ประยุกต์ เคยจำพรรษาอยู่วัดอัมพวัน บ้านชาด ตำบลนาโก อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธิ์
สลัก ศิลาทอง เกิดวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2503 เป็นชาวอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตอนเป็นหนุ่มอยากเป็นนักร้องหมอลำ มีเครือญาติมีศักดิ์เป็นน้า เป็นหมอลำชื่อดัง อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ มาสอนมาฝึกหัดการลำให้ ด้วยค่าจ้าง 3000 บาท นั้นคือ"ทองมัย มาลี" เป็นนักร้องบันทึกเสียง เจ้าของกลอนลำดัง"เจ้าพ่อ4ไห" เป็นแนวลำแพน (ลักษณะเป็นลำเขินๆ ลำส่วย,กุย ได้ทำนองมาจากประเทศลาว) หลังจากนั้นก็ตั้งคณะหมอลำ ซึ่งเป็นคณะหมอลำที่มีรถ 1 คัน บรรทุกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแสดง ผ้าฉาก, เครื่องดนตรี, เครื่องเสียง, นักแสดง ไปรถคันเดียวกัน รับงานแสดง
มีช่วงหนึ่ง คณะหมอลำของเขา เคยไปแสดงที่บ้านของ เฉลิมพล มาลาคำ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนักร้อง พึ่งสึกจากการบวชเป็นสามเณรมาใหม่ๆ หัวยังโล้นๆ อยู่ ขึ้นมาบนเวทีด้านหลัง มาแนะนำตัวเองบอกว่ามีความสามารถเขียนกะทู้, เขียนกลอนลำได้ หลังจากนั้นไม่นาน ได้ตามมาที่บ้าน ขอผูกเสี่ยวเป็นเพื่อนกัน และได้ไปสอนการลำให้เฉลิมพล มาลาคำ
มีวันหนึ่ง ได้ไปรับสัญญาว่าจ้างหมอลำคณะของเขา ที่เจ้าภาพทำไว้กับสำนักงานหมอลำ ซึ่งเจ้าของเป็นดีเจ หรือว่าโฆษกนักจัดรายการวิทยุ สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ในตัวเมืองสุรินทร์ และชวนเฉลิมพลไปด้วย วันนั้นป็นวันอาทิตย์ มีการจัดประกวดร้องเพลง โดยโฆษกวิทยุชื่อดัง "มหาหิงค์" จากศรีสะเกษ กับ "มนต์รัก กลิ่นบุปผา" จากอุบลฯ เลยชวนกันสมัครเข้าประกวด เฉลิมพล ร้องเพลง เอิ้นหาน้อง ของพรศักดิ์ ส่องแสง ส่วนเขาร้องเพลง ไร่อ้อยคอยรัก ของ แหวนเพชร วงทอง ผลปรากฏว่าชนะเลิศ ได้ที่ 1พร้อมกันทั้งคู่ และวันนั้น บังเอิญมีทีมงานนักดนตรี วงหมอลำชื่อดังคณะ "พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย" ของป๋าชินชัย ธรรมพิลา มาพักวงอยู่แถวนั้น มาดูการประกวดร้องเพลงด้วย แล้วเข้ามาตีสนิท ชวนไปดูวงที่จะแสดงใกล้ๆ บ้าน จากนั้น เขาและเฉลิมพลไปดู แล้วเจอ ป๋าชินชัย ธรรมพิลา ชวนเข้าร่วมวง แล้วขึ้นวงพร้อมกัน
พอมาอยู่วง เขาและเพื่อนได้แยกกัน เฉลิมพล มีหน้าที่เป็นคอนวอย ได้ไปนั่งรถขนอุปกรณ์เวที รถไม่มีหลังคา ทำให้เวลาเจอแดดทำให้ร้อน ยิ่งหน้าหนาวกลางคืนแบกหามเหล็กเวที มันหนาวเย็น ทำให้เฉลิมพลทนอยู่ไม่นาน แล้วลงวงออกไป ส่วนเขา ป๋าชินชัย ธรรมพิลา มีเป้าหมายจะปั้นให้เป็นนักร้อง เลยได้ไปนั่งรถบัสคันใหญ่ กับนักร้องในทีมงาน จากนั้นได้บันทึกเสียงชุดแรก เป็นแนวเพลงลูกทุ่ง โดยมีเทพพร เพชรอุบล เขียนเพลงให้แล้วเทพพรก็ตั้งชื่อให้ ชื่อว่า"สลัก ศิลาทอง" เพลงออกมาไม่ประสบความสำเร็จ ป๋าชินชัยเลยเปลี่ยนแนว ให้เป็นแนวหมอลำในชุดต่อมา โดยให้อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ เป็นคนแต่ง แต่ก็ยังขาดอยู่หลายเพลง แล้วให้สลัก ศิลาทอง ไปหาคนเขียนกลอนลำมาเพิ่มเติม ทำให้เขานึกถึง เสี่ยวเขา คือ เฉลิมพล ทำให้ต้องไปตามตัวกลับมาอีกครั้ง ในนามคนเขียนกลอนลำ เวลาต่อมาค่อยได้เป็นนักร้อง
"เอิ้นหาน้องเขียว" เป็นกลอนลำที่ เฉลิมพล มาลาคำ แต่งให้ สลัก ศิลาทอง ร้องจนโด่งดัง เป็นแนวลำแพนกลอนลำกลอนนี้ เขียนอยู่หน้าห้องอัดเสียงคิงส์ซาวด์ ซึ่งในชุดนี้ ป๋าชินชัย ให้อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ เป็นผู้ช่วยดูแล พร้อมทั้งแต่งกลอนลำให้ด้วย อาจารย์คำเกิ่ง ยังเป็นคนเลือกให้เชียร์กลอนลำ เอิ้นหาน้องเขียว เป็นเพลงหัวเป็นเพลงเชียร์ บอกว่าดังแน่ แล้วก็ดังจริงๆ สลัก ศิลาทอง ร่วมอยู่วง พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ของป๋าชินชัย ธรรมพิลา รวม 7-8 ปี พอลงวง แล้วไปร้องเพลงที่ห้องอาหาร 16 ดาริ่ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จากนั้น ทองมัย มาลี ผู้เป็นน้า ก็มาตามตัวไปร้องเพลงที่สวนอาหาร "อีสานมาเด้อหล่า" ที่พัทยา
ปี 2535 วงเพชรพิณทอง ไปทำการแสดงอยู่บางละมุง ชลบุรี สลัก ศิลาทอง เข้าไปขอสมัครเข้าร่วมวง นพดล ดวงพร ก็รับทันที ช่วงนั้นสมาชิกวง เพชรพิณทอง มีนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สลับหมุนเวียนมาร่วมงานอยู่ในวงเช่น เทพพร เพชรอุบล, ศักดิ์สยาม เพชรชมภู, ร้อยเอ็ด เพชรสยาม, น้องนุช ดวงชีวัน, สนธิ สมมาตร ส่วน สลัก ศิลาทอง มาอยู่เป็นสมาชิกวงดนตรี เพชรพิณทอง เมื่อปี พ.ศ.2535-2542
ชีวิตด้านครอบครัว สลัก ศิลาทอง เคยมีภรรยาเป็นชาวอำเภอจตุรพักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด มีบุตรด้วยกัน 3 คน แต่หย่าร้างเลิกรากันไป ด้วยปัญหาต่างๆ รุมเร้าเข้ามาในชีวิตมากมาย แม่ก็ป่วยสุขภาพไม่แข็งแรง เดินไม่ได้ ทำให้แม่ขอร้องให้บวช เพื่อสงบจิตสงบใจ แล้ว สลัก ศิลาทอง ก็ตัดสินใจบวช ตามที่แม่ต้องการ ที่วัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อปี 2557 ตอนแรกคิดว่าจะบวชสัก 3 เดือน หลังจากนั้นกลับไปเยี่ยมแม่ ปรากฏว่าแม่ กลับมีสุขภาพดีขึ้น ลุกเดินได้ เมื่อเห็นชายผ้าเหลืองลูกชาย ทำให้ไม่สึกจนสิ้นลมคาผ้าเหลือง
ปิดตำนาน เอิ้นหาน้องเขียว (สลัก ศิลาทอง) สิ้นลมหายใจคาผ้าเหลือง
พระกิตติทัต กิตฺติวังโส (สลัก ศิลาทอง) เป็นพระนักเทศน์แหล่ประยุกต์ เคยจำพรรษาอยู่วัดอัมพวัน บ้านชาด ตำบลนาโก อำเภอกุฉินารายณ์ จังหวัดกาฬสินธิ์
สลัก ศิลาทอง เกิดวันที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ.2503 เป็นชาวอำเภอกาบเชิง จังหวัดสุรินทร์ ตอนเป็นหนุ่มอยากเป็นนักร้องหมอลำ มีเครือญาติมีศักดิ์เป็นน้า เป็นหมอลำชื่อดัง อยู่ที่จังหวัดศรีสะเกษ มาสอนมาฝึกหัดการลำให้ ด้วยค่าจ้าง 3000 บาท นั้นคือ"ทองมัย มาลี" เป็นนักร้องบันทึกเสียง เจ้าของกลอนลำดัง"เจ้าพ่อ4ไห" เป็นแนวลำแพน (ลักษณะเป็นลำเขินๆ ลำส่วย,กุย ได้ทำนองมาจากประเทศลาว) หลังจากนั้นก็ตั้งคณะหมอลำ ซึ่งเป็นคณะหมอลำที่มีรถ 1 คัน บรรทุกทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นอุปกรณ์การแสดง ผ้าฉาก, เครื่องดนตรี, เครื่องเสียง, นักแสดง ไปรถคันเดียวกัน รับงานแสดง
มีช่วงหนึ่ง คณะหมอลำของเขา เคยไปแสดงที่บ้านของ เฉลิมพล มาลาคำ ตอนนั้นยังไม่ได้เป็นนักร้อง พึ่งสึกจากการบวชเป็นสามเณรมาใหม่ๆ หัวยังโล้นๆ อยู่ ขึ้นมาบนเวทีด้านหลัง มาแนะนำตัวเองบอกว่ามีความสามารถเขียนกะทู้, เขียนกลอนลำได้ หลังจากนั้นไม่นาน ได้ตามมาที่บ้าน ขอผูกเสี่ยวเป็นเพื่อนกัน และได้ไปสอนการลำให้เฉลิมพล มาลาคำ
มีวันหนึ่ง ได้ไปรับสัญญาว่าจ้างหมอลำคณะของเขา ที่เจ้าภาพทำไว้กับสำนักงานหมอลำ ซึ่งเจ้าของเป็นดีเจ หรือว่าโฆษกนักจัดรายการวิทยุ สถานีวิทยุแห่งประเทศไทย ในตัวเมืองสุรินทร์ และชวนเฉลิมพลไปด้วย วันนั้นป็นวันอาทิตย์ มีการจัดประกวดร้องเพลง โดยโฆษกวิทยุชื่อดัง "มหาหิงค์" จากศรีสะเกษ กับ "มนต์รัก กลิ่นบุปผา" จากอุบลฯ เลยชวนกันสมัครเข้าประกวด เฉลิมพล ร้องเพลง เอิ้นหาน้อง ของพรศักดิ์ ส่องแสง ส่วนเขาร้องเพลง ไร่อ้อยคอยรัก ของ แหวนเพชร วงทอง ผลปรากฏว่าชนะเลิศ ได้ที่ 1พร้อมกันทั้งคู่ และวันนั้น บังเอิญมีทีมงานนักดนตรี วงหมอลำชื่อดังคณะ "พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย" ของป๋าชินชัย ธรรมพิลา มาพักวงอยู่แถวนั้น มาดูการประกวดร้องเพลงด้วย แล้วเข้ามาตีสนิท ชวนไปดูวงที่จะแสดงใกล้ๆ บ้าน จากนั้น เขาและเฉลิมพลไปดู แล้วเจอ ป๋าชินชัย ธรรมพิลา ชวนเข้าร่วมวง แล้วขึ้นวงพร้อมกัน
พอมาอยู่วง เขาและเพื่อนได้แยกกัน เฉลิมพล มีหน้าที่เป็นคอนวอย ได้ไปนั่งรถขนอุปกรณ์เวที รถไม่มีหลังคา ทำให้เวลาเจอแดดทำให้ร้อน ยิ่งหน้าหนาวกลางคืนแบกหามเหล็กเวที มันหนาวเย็น ทำให้เฉลิมพลทนอยู่ไม่นาน แล้วลงวงออกไป ส่วนเขา ป๋าชินชัย ธรรมพิลา มีเป้าหมายจะปั้นให้เป็นนักร้อง เลยได้ไปนั่งรถบัสคันใหญ่ กับนักร้องในทีมงาน จากนั้นได้บันทึกเสียงชุดแรก เป็นแนวเพลงลูกทุ่ง โดยมีเทพพร เพชรอุบล เขียนเพลงให้แล้วเทพพรก็ตั้งชื่อให้ ชื่อว่า"สลัก ศิลาทอง" เพลงออกมาไม่ประสบความสำเร็จ ป๋าชินชัยเลยเปลี่ยนแนว ให้เป็นแนวหมอลำในชุดต่อมา โดยให้อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ เป็นคนแต่ง แต่ก็ยังขาดอยู่หลายเพลง แล้วให้สลัก ศิลาทอง ไปหาคนเขียนกลอนลำมาเพิ่มเติม ทำให้เขานึกถึง เสี่ยวเขา คือ เฉลิมพล ทำให้ต้องไปตามตัวกลับมาอีกครั้ง ในนามคนเขียนกลอนลำ เวลาต่อมาค่อยได้เป็นนักร้อง
"เอิ้นหาน้องเขียว" เป็นกลอนลำที่ เฉลิมพล มาลาคำ แต่งให้ สลัก ศิลาทอง ร้องจนโด่งดัง เป็นแนวลำแพนกลอนลำกลอนนี้ เขียนอยู่หน้าห้องอัดเสียงคิงส์ซาวด์ ซึ่งในชุดนี้ ป๋าชินชัย ให้อาจารย์คำเกิ่ง ทองจันทร์ เป็นผู้ช่วยดูแล พร้อมทั้งแต่งกลอนลำให้ด้วย อาจารย์คำเกิ่ง ยังเป็นคนเลือกให้เชียร์กลอนลำ เอิ้นหาน้องเขียว เป็นเพลงหัวเป็นเพลงเชียร์ บอกว่าดังแน่ แล้วก็ดังจริงๆ สลัก ศิลาทอง ร่วมอยู่วง พิมพ์ใจ เพชรพลาญชัย ของป๋าชินชัย ธรรมพิลา รวม 7-8 ปี พอลงวง แล้วไปร้องเพลงที่ห้องอาหาร 16 ดาริ่ง ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ จากนั้น ทองมัย มาลี ผู้เป็นน้า ก็มาตามตัวไปร้องเพลงที่สวนอาหาร "อีสานมาเด้อหล่า" ที่พัทยา
ปี 2535 วงเพชรพิณทอง ไปทำการแสดงอยู่บางละมุง ชลบุรี สลัก ศิลาทอง เข้าไปขอสมัครเข้าร่วมวง นพดล ดวงพร ก็รับทันที ช่วงนั้นสมาชิกวง เพชรพิณทอง มีนักร้องลูกทุ่งชื่อดัง สลับหมุนเวียนมาร่วมงานอยู่ในวงเช่น เทพพร เพชรอุบล, ศักดิ์สยาม เพชรชมภู, ร้อยเอ็ด เพชรสยาม, น้องนุช ดวงชีวัน, สนธิ สมมาตร ส่วน สลัก ศิลาทอง มาอยู่เป็นสมาชิกวงดนตรี เพชรพิณทอง เมื่อปี พ.ศ.2535-2542
ชีวิตด้านครอบครัว สลัก ศิลาทอง เคยมีภรรยาเป็นชาวอำเภอจตุรพักตร์พิมาน จังหวัดร้อยเอ็ด มีบุตรด้วยกัน 3 คน แต่หย่าร้างเลิกรากันไป ด้วยปัญหาต่างๆ รุมเร้าเข้ามาในชีวิตมากมาย แม่ก็ป่วยสุขภาพไม่แข็งแรง เดินไม่ได้ ทำให้แม่ขอร้องให้บวช เพื่อสงบจิตสงบใจ แล้ว สลัก ศิลาทอง ก็ตัดสินใจบวช ตามที่แม่ต้องการ ที่วัดเวฬุวัน จังหวัดร้อยเอ็ด เมื่อปี 2557 ตอนแรกคิดว่าจะบวชสัก 3 เดือน หลังจากนั้นกลับไปเยี่ยมแม่ ปรากฏว่าแม่ กลับมีสุขภาพดีขึ้น ลุกเดินได้ เมื่อเห็นชายผ้าเหลืองลูกชาย ทำให้ไม่สึกจนสิ้นลมคาผ้าเหลือง