มาร์คครับ มาร์คอาจจะไม่อาย แต่ผมอายแทนครับ-------------ทวดเอง

กระทู้สนทนา
สืบเนื่องจากได้อ่านคำสัมภาษณ์ของมาร์คจากที่นี่ครับ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ที่ผมอายแทนก็คือ มาร์คยังคงรักษาคอนเซ็ปประจำตัวของมาร์คได้เหนียวแน่น คือ การเอาดีใส่ตัว เอาชั่วให้คนอื่น ตลอดชีวิตของการเล่นการเมือง

นี่ก็เช่นกัน วิกฤติของชาติที่ผ่านมาในช่วง 10 ปี มาร์คก็ไปลงที่ระบอบทักษิณ ไปลงที่คุณทักษิณเพียงคนเดียว เป็นผู้สร้างความขัดแย้งให้กับประเทศชาติ นี่คือการเอาชั่วให้คนอื่น โดยไม่เคยเห็นถึงพฤติกรรมของตัวเองและพรรคพวกเลยนะครับ

มาร์คครับ ระบอบทักษิณหรือครับที่ทำให้ประเทศขัดแย้ง ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่ก็ยังไม่เข้าใจ เพราะอย่างที่รู้ๆกันมา คุณทักษิณไม่ได้สถาปนาระบอบนี้ขึ้นนะครับ แต่เป็นความต้องการของคนส่วนใหญ่ต่างหากเล่าที่ต้องการเช่นนั้น จริงหรือไม่ มาร์คลองตรองดู

มาร์คครับ
ถ้าระบอบทักษิณ หมายถึง การนำความสุขมาให้กับคนจนส่วนใหญ่ แล้วมันสร้างความขัดแย้งได้อย่างไร

ถ้าระบอบทักษิณ หมายถึง การสร้างความศรัทธาให้กับเสียงส่วนใหญ่ แล้วมันผิดกติกาตรงไหน

ถ้าระบอบทักษิณ หมายถึง การนำประเทศพัฒนาขึ้นทัดเทียมนานาประเทศ แล้วมันไม่ดีตรงไหนหรือครับ

ถ้าระบอบทักษิณ หมายถึง การนำเสนอนโยบายให้ประชาชนเลือก แล้วทำตามนโยบายที่ประชาชนต้องการ แล้วมันชั่วร้ายถึงขนาดที่มาร์คกับพรรคพวกต้องล้มล้างอย่างนั้นหรือครับ

ดังนั้นในความหมายของระบอบทักษิณในความคิดของผม จึงเป็นเพราะระบอบที่สามารถครองใจคนส่วนใหญ่เสมอมา จนทำให้นักการเมืองอย่างมาร์คและพวกไม่มีโอกาสจะชนะเลือกตั้งต่างหากเล่า

มาร์คครับ ที่บอกว่า ระบอบทักษิณทำให้การเมืองไทยเปลี่ยนแปลง ก็ถูกแล้วนี่ครับ การเมืองแบบเดิมๆ ไม่จำเป็นต้องหาเสียง ไม่จำเป็นต้องทำตามนโยบาย เพียงขอให้รวบรวมเสียงส่วนใหญ่ในสภาได้ ก็จัดตั้งรัฐบาลได้

ต่างฝ่ายต่างเอื้อประโยชน์ให้กันและกัน และเมื่อไหร่ที่ไม่สามารถตกลงกันได้เกี่ยวกับผลประโยชน์ก็ยุบสภา แล้วกลับเข้ามาด้วยวิธีการแบบเดิมๆ ที่ประชาชนไม่เคยได้อะไรกับการเลือกตั้งเลยก็ว่าได้

ดังนั้นนักการเมืองไทยจึงต้องตกเป็นจำเลยของสังคมอย่างที่มาร์คเข้าใจไงครับ นักการเมืองที่เห็นงบประมาณของชาติเป็นแค่สมบัติผลัดการชม คุณบ้างผมบ้าง แบ่งกันพรรคละปีสองปี เหตุนี้ประเทศชาติจึงไม่ไปถึงไหนสักที

แต่เมื่อคุณทักษิณได้อาสาเข้ามาทำงาน ด้วยการทำตามนโยบายที่นำเสนอแทบทุกนโยบาย อาจมีสำเร็จบ้าง ไม่สำเร็จบ้าง แต่ก็มีความพยายามทำตามที่หาเสียงไว้ และส่วนใหญ่ที่สำเร็จก็เป็นนโยบายที่ทำเพื่อประชาชนทั้งสิ้น นี่คือความเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่พวกของมาร์คตามไม่ทันไงล่ะครับ

ดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องแปลกหรือพิสดารแต่อย่างไร ที่มาร์คจะไม่สามารถชนะการเลือกตั้งได้ เว้นแต่จะเป็นไปตามวิถีทางนอกระบบเท่านั้น แต่นั่นก็ต้องแลกกลับมากับข้อกล่าวหามากมายจากข้อหาเจตนาฆ่าเล็งเห็นผล

มาร์คครับ ยิ่งเรื่องทักษิณหวังชนะกฎหมายไทย ยิ่งเป็นเรื่องการใส่ร้ายที่น่าละอายที่สุดเลยนะครับ

เลือกตั้ง เขาก็มาตามกติกา
เข้าสภา เขาก็ทำตามกฎข้อบังคับ
ออกกฎหมาย เขาก็ทำตามความเห็นของกฤษฎีกา
แถลงนโยบาย เขาก็แถลงตามที่หาเสียง

ดังนั้นถ้าเพียงแต่เห็นว่าทักษิณทำผิดกฎหมาย ก็สามารถใช้กฎหมายปกติในการจัดการได้ ไม่จำเป็นต้องใช้การรัฐประหาร แล้วใช้กฎหมายที่ตราขึ้นใหม่มาจัดการกับเขาหรอกนะครับ

ข้อสำคัญก็คือ การปฏิรูปประเทศ ปฏิรูปการเมืองในตอนนี้ มีความพยายามจะเขียนกฎหมายที่ให้ความเป็นธรรม ที่ต้องการให้ใช้กฎหมายมาตรฐานเดียวกัน เพื่อลดความขัดแย้ง ลดความแตกแยก

นี่หมายความว่าอะไร มาร์ครู้ไหม ถ้าไม่รู้ ผมจะบอกให้ เพราะทุกฝ่ายเริ่มยอมรับแล้วว่า การบังคับใช้กฎหมายของเรามีปัญหา เป็นหนึ่งในสาเหตุของความขัดแย้งไงครับ

รู้หรือยังครับ ทำไมผมจึงบอกว่า การกล่าวหาทักษิณต้องการชนะกฎหมาย แล้วนำเรื่องนี้มาเป็นปัญหา เพื่อสร้างความชอบธรรมในการทำผิดกติกา จึงเป็นเรื่องที่น่าอายที่สุดเลยครับ

ซึ่งความจริงแล้ว
พวกบอยคอตการเลือกตั้ง ทั้งที่เป็นพรรคการเมือง นี่ต่างหากครับทำให้ประเทศวิกฤติ
พวกเรียกหานายกฯคนกลางหรือนายกฯมาตราเจ็ด นี่ต่างหากครับที่ไม่เคารพรัฐธรรมนูญ
พวกขัดขวางการเลือกตั้ง นี่ต่างหากครับเป็นพวกต้องการเอาชนะกฎหมาย
พวกที่อาศัยความเป็นองค์กรอิสระ แล้วเพิ่มอำนาจให้กับตัวเอง นี่ต่างหากครับเป็นพวกที่อยู่เหนือกฎหมาย
และพวกที่เรียกร้องให้มีการยึดอำนาจ จะด้วยสาเหตุอะไรก็แล้วแต่ ล้วนแต่เป็นพวกไม่รู้จักประชาธิปไตยทั้งสิ้น

ดังนั้นเมื่อเข้าใจต้นสายปลายเหตุแล้ว มาร์คจึงน่าจะรู้ ต่อให้ทักษิณตาย การเมืองไทยก็ไม่มีวันจบ เพราะสิ่งที่มาร์คสู้อยู่นั้น มันไม่ใช่ทักษิณ มันยิ่งไม่ใช่ระบอบทักษิณ แต่เป็นความศรัทธาของคนส่วนใหญ่ต่างหากเล่า เข้าใจหรือยังครับมาร์ค

สำหรับความพร้อมในการเลือกตั้งครั้งหน้าของมาร์ค คนส่วนใหญ่เขาไม่สนใจหรอกครับ เพราะต่อแต่นี้การเมืองไทยจะมีมาร์คหรือไม่มี มันไม่เคยมีความหมายสำหรับประชาชนส่วนใหญ่ เว้นเสียแต่คนประเภทชอบหล่อ พูดดี และยังดักดานอยู่กับความเชื่อเก่าๆนั่นแหละครับ

สุดท้ายที่มาร์คบอกว่า ทำงานการเมืองมา 23 ปี ภาพรวมยังไม่พอใจ แต่สิ่งที่เคยทำไปก็ไม่ได้สูญเปล่า ผมไม่เข้าใจว่าหมายถึงอะไรกันครับ

ผลงานที่น่าจดจำ คิดว่า คนส่วนใหญ่คงจำไม่ได้อย่างแน่นอน
แต่ผลงานที่ไม่น่าจดจำ ก็คือ การยอมเสียภาพลักษณ์ในสภา การบอยคอตการเลือกตั้ง การฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร การดึงกลุ่มงูเห่ามาร่วมรัฐบาล การถูกถอดยศและเรื่องการตายของประชาชนเรียกร้องให้ยุบสภาเกือบร้อย บาดเจ็บเกือบสองพัน เรื่องเหล่านี้ต่างหากครับที่ประชาชนจะจำจนวันตาย

ดังนั้นผมจึงอยากบอกมาร์คว่า ประเทศที่พัฒนาแล้ว ประเทศที่ยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย เมื่อพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้ง ส่วนใหญ่เขาลาออก เพื่อเปิดทางให้คนใหม่เข้ามาทำหน้าที่ ไม่ใช่แพ้แล้วแพ้อีกถึง 3 ครั้งอย่างนี้ ยังหน้าแข็งทนอยู่ได้ แล้วมาบอกให้นักการเมืองอื่นต้องมีจิตสำนึกทางการเมืองสูงกว่าคนธรรมดา พูดแล้วไม่อายจริงๆเลยหรือครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่