ในความทรงจำวัยเด็ก ตอนที่บ้านยังเล็กๆ ห้องครัวติดกับห้องนอน เวลาดึกๆ เด็กกำลังกินกำลังนอนอย่างเราก็เริ่มหิว (จริงๆเป็นเด็กควรนอนหัวค่ำนะ) เรากับน้องๆก็เริ่มต้มโจ๊กกันแล้ว สมัยก่อนก็มีแต่โจ๊กคนอร์นี่แหละ สุดยอดความอิ่มอร่อยอุ่นท้องก่อนนอน แต่เมื่อก่อน บอกเลยว่ามีความอคติว่า โจ๊กที่มันต้องต้ม มันอร่อยกว่าโจ๊กสำเร็จรูป
หลายสิบปีผ่านไป (ใช่ค่ะ ดิชั้นแก่) นายแม่ดิชั้นก็วางสนุ๊ก ดั๊นเอาครัวไปไว้นอกบ้าน ดึกๆดื่นๆ หิวมาจะทำอะไรก็ขี้เกียจเกิน ประตูหน้าประตูหลังก็ล็อคหมดแล้ว ดิชั้นจะทำอะไรได้ เป็นได้แต่ผีตู้เย็นไปตามเรื่อง จนกระทั่งพักนี้เห็นมีหลายกระทู้ที่โพสต์โจ๊กรอบดึก ก็แอบสนใจว่าจะซื้อหามาลอง
แต่คนระดับเทพอย่างดิชั้น ไม่ต้องไปซื้อหา อยากได้อะไรต้องได้ (ยกเว้นเรื่องผู้ชาย) อยู่ดีๆก็ได้รับแจกฟรีมาซะงั้น ยังกะอ้อยเข้าปากช้าง งานนี้จึงบังเกิดการรีวิว Creative Joke Making at Midnight อย่างที่เห็น
เริ่มแรกเราก็มาคิดก่อนว่า ที่บ้านเรามีอะไรพอเอามาประกอบได้บ้างที่มันจะเข้ากับโจ๊กรสกุ้ง-ปูอัด ก็ได้เศษๆริบบิ้นหอยญี่ปุ่นคลุกโชหยุกับน้ำส้ม (มันคือของแกล้มเหล้าคนญี่ปุ่นที่อาหย่อยมาก แต่กินแล้วทรมานฟันมาก) พอคิดได้ว่าจะเอาพวกของทะเลประกอบ เลยมโนว่า โจ๊กใส่พวกของทะเลนี่ มันออกแนว ซีฟู้ดริซอตโต้ (แปลเป็นภาษาบ้านอิชั้นว่า ข้าวเปียกอิตาลีใส่ซีฟู้ด) รสชาติไม่ควรจะปรุงแต่งหนัก เราเลยคิดว่า ทำให้มีกลิ่นอายอิตาลีด้วยการหยอด Extra Virgin Olive Oil ก็พอแล้ว คือเอาให้ง่าย และไม่เสียรสชาติ
ส่วนประกอบ
1. โจ๊กคนอร์รสกุ้ง-ปูอัด (หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมดิชั้นย้ำจัง คือจะบอกว่า ก็ไม่เคยกินรสอื่น ไม่รู้ว่ามันจะเอามาทำแล้วรสชาติออกมาเหมือนกันหรือเปล่า เลยขอบอกให้ชัดเจนนิ๊สนึง)
2. ริบบิ้นหอยญี่ปุ่นคลุกซอสโชหยุ (ถ้าไม่มี ลองหาอะไรแนวๆนี้ เช่นทาโร่ ฯลฯ)
3. Extra Virgin Olive Oil จำยี่ห้อไม่ได้ แต่คือยี่ห้อที่มีอยู่ในทุกห้างอ่ะค่ะ
วิธีทำ
1. ตัดปากซองแล้วเทโจ๊กลงในชามทนความร้อน (ใช่ค่ะ จะกินโจ๊กต้องฉีกซองก่อนนะคะ กินเลยไม่ได้นะ) กลิ่นหอมกุ้งกะปูอัดงี้ ลอยมากระทบจมูก
2. หลังซองเค้าจะเขียนว่า ใส่น้ำร้อน 250 cc แล้วปิดฝาไว้ 2 นาที แต่กว่าจะต้มน้ำเดือด มันไม่ทันใจจอร์จ อย่าช้าเลย เราเทน้ำเย็นใส่นี่แหละ 250ซีซีก็ประมาณสองถ้วยกาแฟเล็ก แต่เราแอบใส่น้อยกว่าหน่อยนึง เรากลัวมันใสเกิน เพราะเราตั้งใจทำให้ข้นเป็น Risotto
3. จากนั้นก็คนๆๆๆ จนโจ๊กมันชุ่มน้ำค่ะ คืออันนี้เกิดจากการที่เราเองเป็นคนไม่ค่อยไว้ใจของสำเร็จรูป เวลาเรากินอะไรพวกนี้แล้วเราจะแอบท้องอืด เหมือนมันไม่สุกดี เราก็จะพยายามทำให้มัน re-hydrate ให้มากที่สุดก่อน จากนั้นก็เอาเข้าไมโครเวฟสองนาที แทนการกดน้ำร้อนแล้วรอสองนาที ซึ่งเราว่ามันน่าจะทำให้ข้าวสุกได้มากกว่า (คิดเอาเองง่ะ)
4. เปิดประตูไมโครเวฟ ระวังไอร้อน อย่าลืมผ้าเช็ดมือผืนโตๆ เอามาจับชาม เพราะ ณ จุดนี้ชามจะร้อนมาก
5. เอาช้อนคน ดูว่าโจ๊กสุกทั่วกันดีก่อน จากนั้น โรยด้วยริบบิ้นหอย หรืออาหารทะเลปรุงรสชนิดอื่น และหยดด้วย Extra Virgin Olive Oil ก็เป็นอันเสร็จ หน้าตาเป็นแบบนี้ ผะ ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ชะ ชะ ชะ ชิมมมมมม
เรื่องหน้าตา และ texture นี่ดูดีมาก เนื้อเนียน เป็นครีมข้น แต่คนที่ชอบให้ข้าวเป็นเม็ดหน่อยอาจจะไม่ถูกใจ แต่สำหรับเรา ที่พยายามตามหาซุบหรืออาหารอะไรน้ำๆแบบสำเร็จรูป ที่เอาไว้ทำซดเร็วๆ เวลาร่างกายขาดพลังงาน มันคือเป็นอะไรที่ใช่มาก ตอนนี้มโนไปแล้วถึงอีกเมนู ที่จะเอาน้ำสต๊อกมาใส่แทนน้ำเปล่า ต้มให้ใสหน่อยแล้วก็ใส่แก้ว mug ซดอุ่นๆในห้องนอนเวลาดูทีวี เฮ้อออออ เอาไว้ก่อนเจ๊ วันนี้เอาอันนี้ให้จบก่อน!
ถึงเวลาชิมแล้ว หน้าตาและเนื้อสัมผัสเวลาตักขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้
คำแรกที่เข้าปากนะ คือมันอุ่น มันนัว ได้กลิ่นหอมหวานของน้ำมันมะกอก มันฟินมาก น้ำตาจิไหล (เพราะโจ๊กมันร้อน) รสชาติของโจ๊ก ก็เข้ากันกับริบบิ้นหอย และคิดว่า มันก็จะเข้ากับอาหารทะเลอื่นด้วยนะ คือเค้าทำรสชาติโจ๊กได้ไม่รสจัดเกินไป กินเปล่าๆกำลังพอดี กินกับเครื่องอย่างอื่น ก็เสริมกันไม่ไปข่มกัน
คือมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารรอบดึกมากๆ กินเปล่าๆเบาๆก็ได้ หรือใครหิวหนักก็จัดเครื่องหนักลงไปด้วย มันก็เข้ากัน อะไรงี้
สุดท้ายนี้ จริงๆง่วงตั้งกะกินเสร็จแล้ว แต่อยากรีวิวให้จบ ไม่งั้นเดี๋ยวตัวขี้เกียจถามหา บัดนี้ได้รีวิวเสร็จสิ้น ก็ขอตัวไปนอนหลับอุตุก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์
สุดท้ายจริงจริ๊ง ขอโพสต์รูปอีกหน่อย อันนี้ถ่ายมุมบนไว้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจให้ติดพวกลิงน้อย แต่พอเอาไปแต่งความสว่างในแอพแล้ว ดูไปดูมามันก็น่ารักดี ^-^
หมายเหตุ รูปทุกรูป ถ่ายด้วย Samsung Galaxy Note 4 และ รูปสุดท้าย process by Snapseed
[SR] เที่ยงคืนแล้ว โจ๊กต้องมา : โจ๊กคนอร์ (รสกุ้ง-ปูอัด) Japanese Italian Seafood Fusion Resotto Style
ในความทรงจำวัยเด็ก ตอนที่บ้านยังเล็กๆ ห้องครัวติดกับห้องนอน เวลาดึกๆ เด็กกำลังกินกำลังนอนอย่างเราก็เริ่มหิว (จริงๆเป็นเด็กควรนอนหัวค่ำนะ) เรากับน้องๆก็เริ่มต้มโจ๊กกันแล้ว สมัยก่อนก็มีแต่โจ๊กคนอร์นี่แหละ สุดยอดความอิ่มอร่อยอุ่นท้องก่อนนอน แต่เมื่อก่อน บอกเลยว่ามีความอคติว่า โจ๊กที่มันต้องต้ม มันอร่อยกว่าโจ๊กสำเร็จรูป
หลายสิบปีผ่านไป (ใช่ค่ะ ดิชั้นแก่) นายแม่ดิชั้นก็วางสนุ๊ก ดั๊นเอาครัวไปไว้นอกบ้าน ดึกๆดื่นๆ หิวมาจะทำอะไรก็ขี้เกียจเกิน ประตูหน้าประตูหลังก็ล็อคหมดแล้ว ดิชั้นจะทำอะไรได้ เป็นได้แต่ผีตู้เย็นไปตามเรื่อง จนกระทั่งพักนี้เห็นมีหลายกระทู้ที่โพสต์โจ๊กรอบดึก ก็แอบสนใจว่าจะซื้อหามาลอง
แต่คนระดับเทพอย่างดิชั้น ไม่ต้องไปซื้อหา อยากได้อะไรต้องได้ (ยกเว้นเรื่องผู้ชาย) อยู่ดีๆก็ได้รับแจกฟรีมาซะงั้น ยังกะอ้อยเข้าปากช้าง งานนี้จึงบังเกิดการรีวิว Creative Joke Making at Midnight อย่างที่เห็น
เริ่มแรกเราก็มาคิดก่อนว่า ที่บ้านเรามีอะไรพอเอามาประกอบได้บ้างที่มันจะเข้ากับโจ๊กรสกุ้ง-ปูอัด ก็ได้เศษๆริบบิ้นหอยญี่ปุ่นคลุกโชหยุกับน้ำส้ม (มันคือของแกล้มเหล้าคนญี่ปุ่นที่อาหย่อยมาก แต่กินแล้วทรมานฟันมาก) พอคิดได้ว่าจะเอาพวกของทะเลประกอบ เลยมโนว่า โจ๊กใส่พวกของทะเลนี่ มันออกแนว ซีฟู้ดริซอตโต้ (แปลเป็นภาษาบ้านอิชั้นว่า ข้าวเปียกอิตาลีใส่ซีฟู้ด) รสชาติไม่ควรจะปรุงแต่งหนัก เราเลยคิดว่า ทำให้มีกลิ่นอายอิตาลีด้วยการหยอด Extra Virgin Olive Oil ก็พอแล้ว คือเอาให้ง่าย และไม่เสียรสชาติ
ส่วนประกอบ
1. โจ๊กคนอร์รสกุ้ง-ปูอัด (หลายคนอาจจะสงสัยว่าทำไมดิชั้นย้ำจัง คือจะบอกว่า ก็ไม่เคยกินรสอื่น ไม่รู้ว่ามันจะเอามาทำแล้วรสชาติออกมาเหมือนกันหรือเปล่า เลยขอบอกให้ชัดเจนนิ๊สนึง)
2. ริบบิ้นหอยญี่ปุ่นคลุกซอสโชหยุ (ถ้าไม่มี ลองหาอะไรแนวๆนี้ เช่นทาโร่ ฯลฯ)
3. Extra Virgin Olive Oil จำยี่ห้อไม่ได้ แต่คือยี่ห้อที่มีอยู่ในทุกห้างอ่ะค่ะ
วิธีทำ
1. ตัดปากซองแล้วเทโจ๊กลงในชามทนความร้อน (ใช่ค่ะ จะกินโจ๊กต้องฉีกซองก่อนนะคะ กินเลยไม่ได้นะ) กลิ่นหอมกุ้งกะปูอัดงี้ ลอยมากระทบจมูก
2. หลังซองเค้าจะเขียนว่า ใส่น้ำร้อน 250 cc แล้วปิดฝาไว้ 2 นาที แต่กว่าจะต้มน้ำเดือด มันไม่ทันใจจอร์จ อย่าช้าเลย เราเทน้ำเย็นใส่นี่แหละ 250ซีซีก็ประมาณสองถ้วยกาแฟเล็ก แต่เราแอบใส่น้อยกว่าหน่อยนึง เรากลัวมันใสเกิน เพราะเราตั้งใจทำให้ข้นเป็น Risotto
3. จากนั้นก็คนๆๆๆ จนโจ๊กมันชุ่มน้ำค่ะ คืออันนี้เกิดจากการที่เราเองเป็นคนไม่ค่อยไว้ใจของสำเร็จรูป เวลาเรากินอะไรพวกนี้แล้วเราจะแอบท้องอืด เหมือนมันไม่สุกดี เราก็จะพยายามทำให้มัน re-hydrate ให้มากที่สุดก่อน จากนั้นก็เอาเข้าไมโครเวฟสองนาที แทนการกดน้ำร้อนแล้วรอสองนาที ซึ่งเราว่ามันน่าจะทำให้ข้าวสุกได้มากกว่า (คิดเอาเองง่ะ)
4. เปิดประตูไมโครเวฟ ระวังไอร้อน อย่าลืมผ้าเช็ดมือผืนโตๆ เอามาจับชาม เพราะ ณ จุดนี้ชามจะร้อนมาก
5. เอาช้อนคน ดูว่าโจ๊กสุกทั่วกันดีก่อน จากนั้น โรยด้วยริบบิ้นหอย หรืออาหารทะเลปรุงรสชนิดอื่น และหยดด้วย Extra Virgin Olive Oil ก็เป็นอันเสร็จ หน้าตาเป็นแบบนี้ ผะ ผ่างงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง
ชะ ชะ ชะ ชิมมมมมม
เรื่องหน้าตา และ texture นี่ดูดีมาก เนื้อเนียน เป็นครีมข้น แต่คนที่ชอบให้ข้าวเป็นเม็ดหน่อยอาจจะไม่ถูกใจ แต่สำหรับเรา ที่พยายามตามหาซุบหรืออาหารอะไรน้ำๆแบบสำเร็จรูป ที่เอาไว้ทำซดเร็วๆ เวลาร่างกายขาดพลังงาน มันคือเป็นอะไรที่ใช่มาก ตอนนี้มโนไปแล้วถึงอีกเมนู ที่จะเอาน้ำสต๊อกมาใส่แทนน้ำเปล่า ต้มให้ใสหน่อยแล้วก็ใส่แก้ว mug ซดอุ่นๆในห้องนอนเวลาดูทีวี เฮ้อออออ เอาไว้ก่อนเจ๊ วันนี้เอาอันนี้ให้จบก่อน!
ถึงเวลาชิมแล้ว หน้าตาและเนื้อสัมผัสเวลาตักขึ้นมาแล้วเป็นแบบนี้
คำแรกที่เข้าปากนะ คือมันอุ่น มันนัว ได้กลิ่นหอมหวานของน้ำมันมะกอก มันฟินมาก น้ำตาจิไหล (เพราะโจ๊กมันร้อน) รสชาติของโจ๊ก ก็เข้ากันกับริบบิ้นหอย และคิดว่า มันก็จะเข้ากับอาหารทะเลอื่นด้วยนะ คือเค้าทำรสชาติโจ๊กได้ไม่รสจัดเกินไป กินเปล่าๆกำลังพอดี กินกับเครื่องอย่างอื่น ก็เสริมกันไม่ไปข่มกัน
คือมันเกิดมาเพื่อเป็นอาหารรอบดึกมากๆ กินเปล่าๆเบาๆก็ได้ หรือใครหิวหนักก็จัดเครื่องหนักลงไปด้วย มันก็เข้ากัน อะไรงี้
สุดท้ายนี้ จริงๆง่วงตั้งกะกินเสร็จแล้ว แต่อยากรีวิวให้จบ ไม่งั้นเดี๋ยวตัวขี้เกียจถามหา บัดนี้ได้รีวิวเสร็จสิ้น ก็ขอตัวไปนอนหลับอุตุก่อนนะคะ ราตรีสวัสดิ์
สุดท้ายจริงจริ๊ง ขอโพสต์รูปอีกหน่อย อันนี้ถ่ายมุมบนไว้ด้วย ไม่ได้ตั้งใจให้ติดพวกลิงน้อย แต่พอเอาไปแต่งความสว่างในแอพแล้ว ดูไปดูมามันก็น่ารักดี ^-^
หมายเหตุ รูปทุกรูป ถ่ายด้วย Samsung Galaxy Note 4 และ รูปสุดท้าย process by Snapseed