ธรรมะกับสุขภาพ : ภาวะเสพติด บำบัดได้ ด้วยการเจริญสติ



ภาวะเสพติดสารบางอย่าง เช่น บุหรี่ สุรา ยาบ้า ยาอี โคเคน หรือภาวะเสพติดพฤติกรรมบางอย่าง เช่น เสพติดการพนัน เสพติดการชอปปิ้ง เสพติดงาน เสพติดอาหาร เสพติดอินเตอร์เน็ต เสพติดทางเพศ เป็นต้น กำลังเป็นปัญหาใหญ่ของโลก เนื่องจากภาวะเสพติดจะทำให้เกิดการสูญเสียอย่างมากต่อชีวิตครอบครัว สังคม และประเทศโดยรวม
       
       กรณีเสพติดยาบ้า ทำให้ต้องถูกจับติดคุกเสียอนาคต ผู้ต้องขังส่วนใหญ่ในเรือนจำร้อยละ 60 มาจากคดียาเสพติด ในกรณีติดการพนัน ต้องทำให้พนักงานธนาคารโกงเงินในบัญชีลูกค้าไปใช้หนี้ เมื่อถูกจับได้ก็โดนไล่ออกจากงานและถูกดำเนินคดีอาญา หรือกรณีเสพติดทางเพศของไทเกอร์ วูดส์ ที่ซื้อบริการทางเพศจากหญิงเกือบสิบราย ซึ่งออกมาเปิดเผยเป็นข่าวบนหน้าหนังสือพิมพ์ จนเขาหมดอนาคต ต้องหย่าขาดกับภรรยา ครอบครัวก็แตกร้าว เป็นต้น
       



       ภาวะเสพติด เป็นภาวะที่บุคคลใดบุคคลหนึ่ง ไม่สามารถควบคุมตนเองต่อการใช้สารหรือพฤติกรรมบางอย่างได้ ทั้งๆที่รู้ว่ามันจะเกิดผลเสียอะไรตามมา เมื่อพยายามหยุดก็จะเกิดอาการไม่สบายกายไม่สบายใจ หงุดหงิด กระสับกระส่าย ใจสั่น นอนไม่หลับ จนต้องกลับไปหามันอีก นอกจากนั้น บางคนยังเกิดภาวะอยาก (Craving) ใช้สารนั้นๆอีก หรือกลับไปทำพฤติกรรมแบบเดิมๆอีก ทั้งที่หยุดไปพักหนึ่งแล้ว แม้ว่าจะไม่มีอะไรมากระตุ้นให้นึกถึงสิ่งนั้นก็ตาม
       

       ตัวเลขขององค์การสหประชาชาติ พบว่า ทั่วโลกมีคนติดยาเสพติด 185 ล้านคน (UNODCCP 2002) ในสหรัฐอเมริกา ประชากรร้อยละ 20 เคยใช้ยาเสพติด เรื่องนี้จึงเป็นปัญหาใหญ่ของโลกปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ด้านสมองพบว่า คนที่ใช้สารเสพติด เมื่อสารเหล่านี้เข้าสู่ร่างกายแล้วจะมีผลต่อสมอง ทำให้สมองหลั่งสารสื่อประสาทบางตัวออกมา เช่น โดปามีน (Dopamine) และเอ็นโดรฟิน (Endorphins) ซึ่งทำให้มีความสุข ผู้คนจึงติดยาง่ายและเลิกยาก เพราะมันเป็นวิธีหาความสุขที่อยากได้
       
       นักวิทยาศาสตร์ยังพบด้วยว่า ผู้ที่ติดยาเสพติดบางคนมีความผิดปกติทางพันธุกรรม ทำให้มีการตอบสนองต่อการกระตุ้นของยาเสพติดมากกว่าคนธรรมดา 10-20 เท่า ทำให้มีแนวโน้มที่จะติดยามากกว่าคนทั่วไป ในกรณีที่ขาดยา สมองก็จะหลั่งสาร Norepinephrine, corticotropin-releasing factor และ Dynorphin ทำให้มีอาการกระสับกระส่าย ไม่สบายทางกายใจเกิดขึ้น หรือเวลาที่อยากเสพยา สมองก็มีการหลั่งสารพวก glutamate และ GABA เป็นต้น ทำให้ต้องกลับไปใช้ยาอีก โดยไม่สามารถยับยั้งได้



       
       คนไข้จะสูญเสียความสามารถในการควบคุมตนเอง ตรงนี้เองที่ทำให้คนรอบข้างมองว่า เขาเป็นคนไม่ดี ขาดคุณธรรมจริยธรรม ชอบมั่วสุมเสพยาเสพติดหรือชอบล้อมวงกินเหล้าทุกวัน หรือมีพฤติกรรมเลวร้ายบางอย่างเช่น ชอบมั่วเพศ จึงตั้งข้อรังเกียจและปฏิบัติต่อผู้ป่วยแบบดูถูกดูแคลน เหยียดหยาม ทำให้ผู้ป่วยกลับมาดำรงตนอยู่ในสังคมใหม่ได้ยาก
       
       ผู้ป่วยที่ติดยามีสาเหตุหลายประการ เช่น มีปัญหาในชีวิตครอบครัวแล้วกลุ้มใจ มีความเครียดในที่ทำงาน จึงเสพยาเพื่อให้ลืมปัญหาต่างๆ หรือมีสิ่งแวดล้อม เช่น คบคนที่ติดยาเป็นเพื่อน เพื่อนก็เอายามาให้ลอง ในวัยรุ่นพบได้บ่อย หรืออยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบเที่ยวกลางคืน ตามแหล่งบันเทิงต่างๆ ก็มักจะมีปัญหาเรื่องติดสุรา ยาเสพติดได้ง่าย
       
       ปัญหาเสพติดยาเป็นปัญหาสลับซับซ้อน เมื่อผู้ป่วยได้รับการบำบัดรักษาแล้ว 2 ใน 3 มักจะกลับไปเสพติดซ้ำอีก โดยเฉพาะคนที่เสพมานาน พวกที่เสพติดยา และพวกเสพติดด้านพฤติกรรม ก็มีลักษณะคล้ายกัน มักจะสะสมพฤติกรรมมาอย่างยาวนานจนเป็นนิสัย จึงแก้ได้ยาก
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่