พบ "รองเลขาฯ บิ๊กคสช. - ทายาท บ.ยักษ์ใหญ่ โอสถสภา-กระจกไทยอาซาฮี " โผล่ชื่อร่วมถือหุ้น - นั่งตำแหน่ง กก.บริหารไทยทีวี หลัง "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ออกมาประกาศทำธุรกิจทีวีดิจิทัลขาดทุนยับ 300 ล้าน วิ่งหาพาร์ทเนอร์ใหม่ กู้วิกฤตการเงิน
“ใครจะจ่ายก็จ่ายไป แต่เราและอีกหลายช่องไม่ยอมจ่ายแน่ๆ ยอมรับว่าเราคาดการณ์ผิดพลาด ที่ไปประมูลมาสองช่อง เหมือนล่องเรืออยู่แล้วเห็นสิ่งใหม่ดีกว่า ก็ไปร่วมและก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้”
เป็นคำยืนยันล่าสุดจาก "นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย์" หรือ เจ๊ติ๋มทีวีพูล ที่เปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อ "Positioning Mag" อย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับธุรกิจทีวีดิจิทัลล่าสุด ของทีวีพูล หลังผันตัวเองมาทำธุรกิจทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่องข่าว และช่องเด็กและครอบครัว
"เจ๊ติ๋ม ยังยอมรับว่า เธอ“คาดการณ์ผิด” ธุรกิจนี้ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดไว้ เพราะเวลานี้ขาดทุนไปแล้ว 300 ล้านบาท หลังจากที่ควักเงินลงทุนไปประมาณ 1 พันล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใบอนุญาตประมูลคลื่นทีวีดิจิตอล 400ล้านบาท ค่าลงทุนผลิตละคร 200ล้านบาท ที่เหลือเป็นค่าcontent อื่นๆ และค่าบริหาร
และเธอยืนยันว่าจะไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ในปีนี้แน่นอนเพราะ ถือว่าเป็นความผิดของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยคาดว่าจะมีอีกหลายช่องร่วมด้วย"
ขณะที่การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ เจ๊ติ๋มทีวีพูล เปิดเผยว่าได้มีการเจรจากับ บริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช"นักธุรกิจทีวีดาวเทียมอีกแห่ง ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการในทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง ตามช่องทางที่กฎหมายเปิดให้ คือ 40% หรือ 9 ชั่วโมงต่อวัน
โดย เธอ ยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นการขายหุ้น แต่เป็นข้อตกลงการทำธุรกิจร่วมกัน 5 ปี ซึ่งเธอเอง จะเข้าไปถือหุ้นใน MVTV จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นสัดส่วนเท่าใด
และล่าสุดไทยทีวี ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น800 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 8%. แต่เธอไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร (อ้างอิงข้อมูลจาก
http://www.positioningmag.com/content/60268)
ท่ามกลาง "ความลับ" ในการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ในหลายประเด็นที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะผู้ร่วมหุ้นธุรกิจรายใหม่ นอกเหนือจากชื่อ บริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช"
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนการทำธุรกิจของบริษัทไทยทีวี จำกัด ของ ของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" พบว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 25 พ.ค.52 ซึ่งมีทุนเริ่มต้น จำนวน 1 ล้านบาท
บริษัทฯ มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนจำนวน 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 ต.ค.56 เพิ่มเป็นวงเงิน 200 ล้านบาท
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ม.ค.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 400 ล้านบาท
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 600 ล้านบาท
และล่าสุดครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 800 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่า แหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท ครั้งที่ 1 ของบริษัทฯ ถูกระบุว่าเป็นเงินสดของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" วงเงิน 109,200,000 บาท และเป็นของลูกชาย 3 คน ได้แก่ นายกันต์พงษ์ ศกุณต์ไชย 30 ล้านบาท นายโชกุล ศกุณต์ไชยและนายนันท์ธกุณฑ์ ศกุณต์ไชย อีกคนละ 29,900,000 บาท
ส่วนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 อีกจำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เพียงคนเดียว
ส่วนการเพิ่มทุน ครั้งที่ 3 อีก จำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 600 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก บริษัท โอสถสภา จำกัด จำนวน 10 ล้านบาท นายณัฐกิตติ์ โสภาคดิษฐพงษ์ จำนวน 10 ล้านบาท นายธรรมจักร พานิชชีวะ จำนวน 30 ล้านบาท นายประธาน ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,340 บาท นายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ จำนวน 13,333,330 บาท นายธนา ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,330 บาท และของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" อีก 110 ล้านบาท
ส่วนการเพิ่มทุน ครั้งที่ 4 อีก จำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 800 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เพียงคนเดียว
จากการตรวจสอบพบว่า นายธรรมจักร พานิชชีวะ เป็นบุตรชายนายสมศักดิ์ พานิชชีวะ เจ้าของหุ้นส่วนกระจกไทยอาซาฮี และเป็นหุ้นส่วนทางด่วนโทลล์เวย์ ส่วนนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ เป็นประธานกรรมการบริษัท โอสถสภา จำกัด คนปัจจุบัน นายประธาน ไชยประสิทธิ์ และ นายธนา ไชยประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงใน บริษัท โอสถสภา จำกัด
ขณะที่รายชื่อของบุคคลเหล่านี้ เริ่มเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไทยทีวีฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 57 จนถึงปัจจุบัน (ดูเอกสารประกอบ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มี.ค.58 บริษัท ไทยทีวีฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการใหม่ เป็น 8 ราย จากเดิมที่มีชื่อของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เป็นกรรมการเพียงคนเดียว
โดยรายชื่อ กรรมการบริษัทใหม่ ประกอบไปด้วย "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" นายธวัชชัย สมุทรสาคร พลเอกมงคล เผ่าพงษ์คล้าย (ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายธนะชัย สันติชัยกูล นายวิทัย รัตนากร นายอภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ นายธนาไชยประสิทธิ์ นายโชกุล ศกุณต์ไชย (ดูเอกสารประกอบ)
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงล่าสุด โครงสร้างการบริหารบริษท ไทยทีวี จำกัด ของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ที่เพิ่งประกาศเป็นทางการว่าขาดทุนจากการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลกว่า 300 ล้านบาท และกำลังวิ่งหา "พาร์ทเนอร์" ใหม่ เข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากการเปิดเจรจากับบริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช" ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการในทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง อย่างเป็นทางการไปแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://www.isranews.org/investigative/investigate-news-person/item/38249-report01_38249.html#.VUDwhV-L6zI.twitter 
ทายาท2บ.ใหญ่-ลูกน้องบิ๊กคสช. โผล่! ร่วมธุรกิจดิจิทัล"เจ๊ติ๋มทีวีพูล" หลังขาดทุน 300ล.
“ใครจะจ่ายก็จ่ายไป แต่เราและอีกหลายช่องไม่ยอมจ่ายแน่ๆ ยอมรับว่าเราคาดการณ์ผิดพลาด ที่ไปประมูลมาสองช่อง เหมือนล่องเรืออยู่แล้วเห็นสิ่งใหม่ดีกว่า ก็ไปร่วมและก็ไม่ได้ดีอย่างที่คิดไว้”
เป็นคำยืนยันล่าสุดจาก "นางพันธุ์ทิพา ศกุณต์ไชย์" หรือ เจ๊ติ๋มทีวีพูล ที่เปิดใจให้สัมภาษณ์ต่อ "Positioning Mag" อย่างเป็นทางการ เกี่ยวกับธุรกิจทีวีดิจิทัลล่าสุด ของทีวีพูล หลังผันตัวเองมาทำธุรกิจทีวีดิจิทัล 2 ช่อง คือ ช่องข่าว และช่องเด็กและครอบครัว
"เจ๊ติ๋ม ยังยอมรับว่า เธอ“คาดการณ์ผิด” ธุรกิจนี้ไม่ได้สวยหรูอย่างที่คาดไว้ เพราะเวลานี้ขาดทุนไปแล้ว 300 ล้านบาท หลังจากที่ควักเงินลงทุนไปประมาณ 1 พันล้านบาท แบ่งเป็น ค่าใบอนุญาตประมูลคลื่นทีวีดิจิตอล 400ล้านบาท ค่าลงทุนผลิตละคร 200ล้านบาท ที่เหลือเป็นค่าcontent อื่นๆ และค่าบริหาร
และเธอยืนยันว่าจะไม่จ่ายค่าใบอนุญาตทีวีดิจิทัล ในปีนี้แน่นอนเพราะ ถือว่าเป็นความผิดของคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กสทช. โดยคาดว่าจะมีอีกหลายช่องร่วมด้วย"
ขณะที่การแก้ไขปัญหาทางธุรกิจ เจ๊ติ๋มทีวีพูล เปิดเผยว่าได้มีการเจรจากับ บริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช"นักธุรกิจทีวีดาวเทียมอีกแห่ง ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการในทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง ตามช่องทางที่กฎหมายเปิดให้ คือ 40% หรือ 9 ชั่วโมงต่อวัน
โดย เธอ ยืนยันชัดเจนว่า ไม่ได้เป็นการขายหุ้น แต่เป็นข้อตกลงการทำธุรกิจร่วมกัน 5 ปี ซึ่งเธอเอง จะเข้าไปถือหุ้นใน MVTV จำนวนหนึ่ง แต่ไม่เปิดเผยว่าเป็นสัดส่วนเท่าใด
และล่าสุดไทยทีวี ได้เพิ่มทุนจดทะเบียนจาก 200 ล้านบาท เป็น800 ล้านบาท ซึ่งมีผู้ถือหุ้นใหม่เข้ามาถือหุ้นในสัดส่วน 8%. แต่เธอไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร (อ้างอิงข้อมูลจาก http://www.positioningmag.com/content/60268)
ท่ามกลาง "ความลับ" ในการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ในหลายประเด็นที่ยังไม่ได้มีการเปิดเผยให้สาธารณชนรับทราบอย่างเป็นทางการ โดยเฉพาะผู้ร่วมหุ้นธุรกิจรายใหม่ นอกเหนือจากชื่อ บริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช"
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบข้อมูลการจดทะเบียนการทำธุรกิจของบริษัทไทยทีวี จำกัด ของ ของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" พบว่า นับตั้งแต่จดทะเบียนจัดตั้งบริษัท เมื่อวันที่ 25 พ.ค.52 ซึ่งมีทุนเริ่มต้น จำนวน 1 ล้านบาท
บริษัทฯ มีการแจ้งเปลี่ยนแปลงทุนจดทะเบียนจำนวน 4 ครั้ง
ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 ต.ค.56 เพิ่มเป็นวงเงิน 200 ล้านบาท
ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 29 ม.ค.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 400 ล้านบาท
ครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 17 มิ.ย.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 600 ล้านบาท
และล่าสุดครั้งที่ 4 เมื่อวันที่ 8 พ.ค.57 เพิ่มเป็นวงเงิน 800 ล้านบาท
จากการตรวจสอบพบว่า แหล่งเงินที่นำมาใช้ในการเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 200 ล้านบาท ครั้งที่ 1 ของบริษัทฯ ถูกระบุว่าเป็นเงินสดของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" วงเงิน 109,200,000 บาท และเป็นของลูกชาย 3 คน ได้แก่ นายกันต์พงษ์ ศกุณต์ไชย 30 ล้านบาท นายโชกุล ศกุณต์ไชยและนายนันท์ธกุณฑ์ ศกุณต์ไชย อีกคนละ 29,900,000 บาท
ส่วนการเพิ่มทุนครั้งที่ 2 อีกจำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 400 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เพียงคนเดียว
ส่วนการเพิ่มทุน ครั้งที่ 3 อีก จำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 600 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก บริษัท โอสถสภา จำกัด จำนวน 10 ล้านบาท นายณัฐกิตติ์ โสภาคดิษฐพงษ์ จำนวน 10 ล้านบาท นายธรรมจักร พานิชชีวะ จำนวน 30 ล้านบาท นายประธาน ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,340 บาท นายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ จำนวน 13,333,330 บาท นายธนา ไชยประสิทธิ์ จำนวน 13,333,330 บาท และของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" อีก 110 ล้านบาท
ส่วนการเพิ่มทุน ครั้งที่ 4 อีก จำนวน 200 ล้านบาท รวมเป็น 800 ล้านบาท ถูกระบุที่มาแหล่งเงินจาก "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เพียงคนเดียว
จากการตรวจสอบพบว่า นายธรรมจักร พานิชชีวะ เป็นบุตรชายนายสมศักดิ์ พานิชชีวะ เจ้าของหุ้นส่วนกระจกไทยอาซาฮี และเป็นหุ้นส่วนทางด่วนโทลล์เวย์ ส่วนนายรัตน์ โอสถานุเคราะห์ เป็นประธานกรรมการบริษัท โอสถสภา จำกัด คนปัจจุบัน นายประธาน ไชยประสิทธิ์ และ นายธนา ไชยประสิทธิ์ ดำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหารระดับสูงใน บริษัท โอสถสภา จำกัด
ขณะที่รายชื่อของบุคคลเหล่านี้ เริ่มเข้ามาเป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไทยทีวีฯ ตั้งแต่ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ 57 จนถึงปัจจุบัน (ดูเอกสารประกอบ)
ล่าสุด เมื่อวันที่ 23 มี.ค.58 บริษัท ไทยทีวีฯ ได้แจ้งเปลี่ยนแปลงโครงสร้างกรรมการใหม่ เป็น 8 ราย จากเดิมที่มีชื่อของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" เป็นกรรมการเพียงคนเดียว
โดยรายชื่อ กรรมการบริษัทใหม่ ประกอบไปด้วย "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" นายธวัชชัย สมุทรสาคร พลเอกมงคล เผ่าพงษ์คล้าย (ดำรงตำแหน่งเป็นรองเลขาธิการ พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รองหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) นายธนะชัย สันติชัยกูล นายวิทัย รัตนากร นายอภิวัฒน์ ศรีวรรธนะ นายธนาไชยประสิทธิ์ นายโชกุล ศกุณต์ไชย (ดูเอกสารประกอบ)
ทั้งหมดนี่ คือ ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงล่าสุด โครงสร้างการบริหารบริษท ไทยทีวี จำกัด ของ "เจ๊ติ๋มทีวีพูล" ที่เพิ่งประกาศเป็นทางการว่าขาดทุนจากการทำธุรกิจทีวีดิจิทัลกว่า 300 ล้านบาท และกำลังวิ่งหา "พาร์ทเนอร์" ใหม่ เข้ามาช่วยแก้ไขวิกฤตที่เกิดขึ้น
นอกเหนือจากการเปิดเจรจากับบริษัท MV Television (MVTV) ของ "ชัยยุทธ ทวีปวรเดช" ให้เข้ามาเป็นพันธมิตรผลิตรายการในทีวีดิจิตอลทั้ง 2 ช่อง อย่างเป็นทางการไปแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้