ซื่อสัตย์เที่ยงธรรมนำกำไร
จีนยุคศักดินาแบ่งชนชั้นตามอาชีพออกเป็น ซื่อ หนง กง ซาง (士农工商) คือ บัณฑิตชนชั้นนำ, กสิกร, กรรมกร และพ่อค้าวาณิชย์ ที่จัดพ่อค้าเป็นชั้นล่างสุด เพราะเห็นว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง หากแต่เก็บเกี่ยวผลกำไรจากการค้าผลผลิตของคนอื่น
ครั้นถึงยุคคอมมิวนิสต์ ตามหลักการไม่มีชนชั้น แต่ในทางปฏิบัติรัฏฐะปฏิบัติต่อประชาชนไม่เท่ากัน โดยอิงกับอาชีพ หากแต่สลับตำแหน่งจากยุคโบราณเป็น "กง หนง ซื่อ ซาง" หรือ กรรมกรนำชาติ กสิกรช่วยหนุน ปัญญาชนช่วนประคอง ส่วนนักธุรกิจยังห้อยท้าย ด้วยเหตุผลเดิม
ในต่างแดนยุคก่อน เมื่อเจ้าถิ่นมองคนจีนหัวเฉียวก็มักนึกถึงทักษะด้านการค้าขายเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งค่อนข้างต่างจากทัศนะจีนแผ่นดินใหญ่ที่ให้น้ำหนักกับปัญญาชนมากกว่า
ภาพลักษณ์พ่อค้าในจีนโบราณและยุคใกล้นั้นไม่สู้ดีนัก พวกบัณฑิตพยายามจะไม่คบค้าสมาคมกับคนกลุ่มนี้ ตามคำสอนของปราชญ์ขงจื่อที่ตั้งแง่รังเกียจพ่อค้าฐานเอาเปรียบคนอื่น ไม่ซื่อสัตย์ และสับปรับ สมัยซ่งรังเกียจกันถึงขนาดต้องมีคนกลางไว้ติดต่อระหว่างขุนนางบัณฑิตและพ่อค้าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม พวกพ่อค้าเองก็พยายามหาหนทางมีหน้ามีตาในสังคมด้วยการคบบัณฑิต ดังจะเห็นจากนิยายเรื่อง "หรูหลินไว่ซื่อ" (儒林外史 - ตำนานนอกคอกบัณฑิต) ที่นักศึกษาอาภัพคนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้าเขียงหมู กับพวกนายห้าง ส่งเสียเขาเรียนจนจบ
ที่ช่วยเพราะหวังผลตอบแทนจากว่าที่ขุนนาง ส่วนที่รับความช่วยเหลือเพราะสิ้นไร้ไม้ตอก จะเห็นได้ว่าแม้จะมีการแบ่งชั้นสังคมแต่พ่อค้าก็ยังไม่ใช่จะอับจนเสียทีเดียว เพราะผลประโยชน์ค้ำคอทุกฝ่ายไว้ และเงินซื้อทุกอย่างได้มาแต่ไหนแต่ไร
พ่อค้าบางคนใช้วิธีที่ดีกว่านั้น ด้วยการพัฒนารสนิยมแบบบัณฑิต มักแสดงตนว่าอ่านตำราจริยธรรม ในหมู่สมาคมพ่อค้าก็มีการพิมพ์ตำราแบบแผนจรรยาบรรณค้าขายที่อิงกับหลักปราชญ์โบราณ แต่จริงๆ แล้วพวกเขายังถือตำราอีกเล่มว่าด้วยแนวทางการทำธุรกิจล้วนๆ ที่ไม่อิงจรรยาเลย
แม้นความดีงามของพ่อค้าคือแสวงหากำไรก็ตาม แต่พ่อค้าก็ยังเป็นคน และปณิธานสูงสุดอยน่างหนึ่งของคนคือ การทำกุลศลที่ไม่หวังผลตอบแทน พ่อค้าจำนวนไม่น้อยทำกำไรได้ก็ทุ่มเทเพื่อสาธารณประโยชน์หลายเท่าตัวของกำไร บางคนมีพฤติกรรมน่าสรรเสริญกว่าขุนนางเสียอีก
หนึ่งในนั้นคือ หวางเซี่ยน (王现) พ่อค้าชาวซานซีสมัยราชวงศ์หมิง ซานซีนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนนายธนาคาร พ่อค้ามั่งคั่ง แต่พวกเขาไม่ได้มุ่งแต่แสวงหากำไร เพราะมีจรรยาบรรณสูงส่ง ความซื่อสัตย์เป็นที่เลื่องลือ น้ำใจเพื่อสังคมเป็นที่กล่าวขาน ดังนั้นคำครหาชิงชังจึงน้อย การแบ่งชนชั้นจึงทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ในห้องรับรองตามบ้านพวกพ่อค้าซานซีมักตั้งรูปกวนอูไว้เพื่อเตือนใจในความซื่อสัตย์ของท่าน ครั้งหนึ่งหวางเซี่ยนไปค้าขายแดนไกลจากบ้านไปนาน กลับอีกครั้งทราบว่าคนในบ้านค้าขายฉ้อฉล จึงเรียกคนเหล่านั้นมาโบยตีต่อหน้ารูปกวนอู หวางเซี่ยน ยังสั่งสอนลูกหลานว่า
" ... พ่อค้ากับปัญญาชนมีทักษะต่างกันแต่มีหลักเดียวกัน พ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสั่งสมความมั่งคั่งและใช้ชีวิตสอดคล้องกับศีลธรรมจรรยา ดังนั้นถึงจะร่ำรวยแต่ก็ไม่อับอายขายหน้าใคร (พ่อค้ากับบัณฑิตนั้น) ฝ่ายหนึ่งทำกำไรโดยชูคุณธรรมเป็นธงนำ อีกฝ่ายหนึ่งสร้างชื่อเสียงด้วยคุณธรรมจรรยา ... "
หลักที่พ่อค้าซานซีบูชามาตลอดคือ "ซื่อสัตย์เที่ยงธรรมนำกำไร" (以义制利 - อี่ อี้ จื้อ ลี่) ทุกวันนี้ธุรกิจจีนบางแห่งก็ยังใช้เป็นคำขวัญกันอยู่
นอกจากพ่อค้าซานซีแล้ว ในสมัยโบราณพ่อค้าชาวกังนั้ม และฮกเกี้ยนก็ได้รับการยอมรับเพราะใช้คุณธรรมของนักปราชญ์ในการทำธุรกิจเช่นกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า ชนชั้นที่กำหนดไว้มีเพื่อวางกรอบสังคมแบบกว้างๆ แต่ถึงที่สุดแล้วคนเราจะมีคนยกย่องหรือดูหมิ่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่ำรวยหรือยากจน หรือสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย
หากอยู่ที่การกระทำว่าสอดคล้องกับศีลธรรมจรรยาหรือไม่
ภาพจากภายนต์เรื่อง - 白银帝国 ว่าด้วยวิถีพ่อค้าซานซียุคเปลี่ยนผ่าน
https://www.facebook.com/kornkitd/posts/10152707976671954:0
อยากทำมาค้าขาย หากินเก่ง ต้องดูหนังจีน เรื่องนี้
ซื่อสัตย์เที่ยงธรรมนำกำไร
จีนยุคศักดินาแบ่งชนชั้นตามอาชีพออกเป็น ซื่อ หนง กง ซาง (士农工商) คือ บัณฑิตชนชั้นนำ, กสิกร, กรรมกร และพ่อค้าวาณิชย์ ที่จัดพ่อค้าเป็นชั้นล่างสุด เพราะเห็นว่ากลุ่มนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการผลิตโดยตรง หากแต่เก็บเกี่ยวผลกำไรจากการค้าผลผลิตของคนอื่น
ครั้นถึงยุคคอมมิวนิสต์ ตามหลักการไม่มีชนชั้น แต่ในทางปฏิบัติรัฏฐะปฏิบัติต่อประชาชนไม่เท่ากัน โดยอิงกับอาชีพ หากแต่สลับตำแหน่งจากยุคโบราณเป็น "กง หนง ซื่อ ซาง" หรือ กรรมกรนำชาติ กสิกรช่วยหนุน ปัญญาชนช่วนประคอง ส่วนนักธุรกิจยังห้อยท้าย ด้วยเหตุผลเดิม
ในต่างแดนยุคก่อน เมื่อเจ้าถิ่นมองคนจีนหัวเฉียวก็มักนึกถึงทักษะด้านการค้าขายเป็นอันดับแรกๆ ซึ่งค่อนข้างต่างจากทัศนะจีนแผ่นดินใหญ่ที่ให้น้ำหนักกับปัญญาชนมากกว่า
ภาพลักษณ์พ่อค้าในจีนโบราณและยุคใกล้นั้นไม่สู้ดีนัก พวกบัณฑิตพยายามจะไม่คบค้าสมาคมกับคนกลุ่มนี้ ตามคำสอนของปราชญ์ขงจื่อที่ตั้งแง่รังเกียจพ่อค้าฐานเอาเปรียบคนอื่น ไม่ซื่อสัตย์ และสับปรับ สมัยซ่งรังเกียจกันถึงขนาดต้องมีคนกลางไว้ติดต่อระหว่างขุนนางบัณฑิตและพ่อค้าเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม พวกพ่อค้าเองก็พยายามหาหนทางมีหน้ามีตาในสังคมด้วยการคบบัณฑิต ดังจะเห็นจากนิยายเรื่อง "หรูหลินไว่ซื่อ" (儒林外史 - ตำนานนอกคอกบัณฑิต) ที่นักศึกษาอาภัพคนหนึ่งได้รับความช่วยเหลือจากพ่อค้าเขียงหมู กับพวกนายห้าง ส่งเสียเขาเรียนจนจบ
ที่ช่วยเพราะหวังผลตอบแทนจากว่าที่ขุนนาง ส่วนที่รับความช่วยเหลือเพราะสิ้นไร้ไม้ตอก จะเห็นได้ว่าแม้จะมีการแบ่งชั้นสังคมแต่พ่อค้าก็ยังไม่ใช่จะอับจนเสียทีเดียว เพราะผลประโยชน์ค้ำคอทุกฝ่ายไว้ และเงินซื้อทุกอย่างได้มาแต่ไหนแต่ไร
พ่อค้าบางคนใช้วิธีที่ดีกว่านั้น ด้วยการพัฒนารสนิยมแบบบัณฑิต มักแสดงตนว่าอ่านตำราจริยธรรม ในหมู่สมาคมพ่อค้าก็มีการพิมพ์ตำราแบบแผนจรรยาบรรณค้าขายที่อิงกับหลักปราชญ์โบราณ แต่จริงๆ แล้วพวกเขายังถือตำราอีกเล่มว่าด้วยแนวทางการทำธุรกิจล้วนๆ ที่ไม่อิงจรรยาเลย
แม้นความดีงามของพ่อค้าคือแสวงหากำไรก็ตาม แต่พ่อค้าก็ยังเป็นคน และปณิธานสูงสุดอยน่างหนึ่งของคนคือ การทำกุลศลที่ไม่หวังผลตอบแทน พ่อค้าจำนวนไม่น้อยทำกำไรได้ก็ทุ่มเทเพื่อสาธารณประโยชน์หลายเท่าตัวของกำไร บางคนมีพฤติกรรมน่าสรรเสริญกว่าขุนนางเสียอีก
หนึ่งในนั้นคือ หวางเซี่ยน (王现) พ่อค้าชาวซานซีสมัยราชวงศ์หมิง ซานซีนั้นขึ้นชื่อว่าเป็นดินแดนนายธนาคาร พ่อค้ามั่งคั่ง แต่พวกเขาไม่ได้มุ่งแต่แสวงหากำไร เพราะมีจรรยาบรรณสูงส่ง ความซื่อสัตย์เป็นที่เลื่องลือ น้ำใจเพื่อสังคมเป็นที่กล่าวขาน ดังนั้นคำครหาชิงชังจึงน้อย การแบ่งชนชั้นจึงทำอะไรพวกเขาไม่ได้
ในห้องรับรองตามบ้านพวกพ่อค้าซานซีมักตั้งรูปกวนอูไว้เพื่อเตือนใจในความซื่อสัตย์ของท่าน ครั้งหนึ่งหวางเซี่ยนไปค้าขายแดนไกลจากบ้านไปนาน กลับอีกครั้งทราบว่าคนในบ้านค้าขายฉ้อฉล จึงเรียกคนเหล่านั้นมาโบยตีต่อหน้ารูปกวนอู หวางเซี่ยน ยังสั่งสอนลูกหลานว่า
" ... พ่อค้ากับปัญญาชนมีทักษะต่างกันแต่มีหลักเดียวกัน พ่อค้าที่ประสบความสำเร็จสั่งสมความมั่งคั่งและใช้ชีวิตสอดคล้องกับศีลธรรมจรรยา ดังนั้นถึงจะร่ำรวยแต่ก็ไม่อับอายขายหน้าใคร (พ่อค้ากับบัณฑิตนั้น) ฝ่ายหนึ่งทำกำไรโดยชูคุณธรรมเป็นธงนำ อีกฝ่ายหนึ่งสร้างชื่อเสียงด้วยคุณธรรมจรรยา ... "
หลักที่พ่อค้าซานซีบูชามาตลอดคือ "ซื่อสัตย์เที่ยงธรรมนำกำไร" (以义制利 - อี่ อี้ จื้อ ลี่) ทุกวันนี้ธุรกิจจีนบางแห่งก็ยังใช้เป็นคำขวัญกันอยู่
นอกจากพ่อค้าซานซีแล้ว ในสมัยโบราณพ่อค้าชาวกังนั้ม และฮกเกี้ยนก็ได้รับการยอมรับเพราะใช้คุณธรรมของนักปราชญ์ในการทำธุรกิจเช่นกัน จึงอาจกล่าวได้ว่า ชนชั้นที่กำหนดไว้มีเพื่อวางกรอบสังคมแบบกว้างๆ แต่ถึงที่สุดแล้วคนเราจะมีคนยกย่องหรือดูหมิ่นไม่ได้ขึ้นอยู่กับร่ำรวยหรือยากจน หรือสูงศักดิ์หรือต่ำต้อย
หากอยู่ที่การกระทำว่าสอดคล้องกับศีลธรรมจรรยาหรือไม่
ภาพจากภายนต์เรื่อง - 白银帝国 ว่าด้วยวิถีพ่อค้าซานซียุคเปลี่ยนผ่าน
https://www.facebook.com/kornkitd/posts/10152707976671954:0