กลับมาพบกับเรื่องเจ้าสาวแห่งทางสายไหมกันอีกเดือนนะครับ
โดยในตอนนี้จะข้ามเนื้อเรื่องของปาริญาไปก่อน ไปเป็นตอนสั้นๆ เล่าถึงสภาพโดยรวมของเมืองของพวกคาร์ลุค กับชีวิตของชาวเผ่าเฮอร์กัลที่เหลือรอดจากสงครามในตอนก่อนๆ ครับ มีจำนวนหน้าแค่ 8 หน้าเท่านั้นเอง ดังนั้นผมจะเอารูปลงเยอะไม่ได้ คงได้แต่เล่ากับแปะรูปนิดหน่อยเท่านั้นนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เปิตดอนมาที่พวกผู้ชายในเมืองรวบรวมอาวุธต่างๆ ทั้งปืนใหญ่ทั้งปืนไรเฟิลพร้อมเครื่องกระสุนและดินปืนที่ยึดจากเผ่าบาดันมาได้ โดยหลังจากรวมรวมจัดหมวดหมู่เสร็จก็เอามาทดสอบยิงกัน ซึ่งผลการทดสอบยิงก็เป็นได้ด้วยดี เจ้าเมืองถึงกับออกปากว่าได้อาวุธดีมาเยอะขนาดนี้ ถึงพวกรัสเซียบุกมาก็คงพอต้านทานได้ไม่ยาก
บรรดาอาวุธที่ยึดมาได้มาจากเผ่าบาดัน
ระหว่างทดสอบยิงนั้น เจ้าเมืองก็คุยกับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึง
"ผู้เหลือรอดจากเผ่าเฮอร์กัล" ที่อพยพย้ายถิ่นไปยังทุ่งหญ้าทางเหนือที่ยังมีหญ้าอุดมสมบูรณ์ โดยตัวเจ้าเมืองเป็นคนบอกทางไปให้เอง แต่ที่บอกทางไปให้นั้นไม่ใช่เพราะมีเมตตาหรือยกโทษให้ แต่เป็นเพราะทุ่งหญ้าทางเหนือนั้นอยู่ใกล้เขตอิทธิพลของรัสเซีย เป็นที่ที่พวกรัสเซียอาจบุกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นที่แนะให้ไปทางนั้นก็เพื่อจะให้เผ่าเฮอร์กัลไปขัดตาทัพพวกรัสเซียไว้เผื่อทัพรัสเซียบุกมา เมืองตัวเองจะได้เตรียมการรับมือป้องกันได้ทันแค่นั้น
ได้ฟังดังนั้น คนสนิทก็แย้งขึ้นมาว่าเกิดพวกนั้นยอมแพ้ไปเข้ากับพวกรัสเซียล่ะจะทำยังไง เจ้าเมืองก็บอกว่าไม่ได้ปล่อยไปเฉยๆ แต่ส่งคนไปลอบสังเกตการณ์ไว้แล้วเผื่อมีเหตุการณ์อะไรอย่างที่ว่าจริง และบอกต่อว่า
"แต่ยังไงเสีย ข้าก็ไม่คิดว่า 'คนพวกนั้น' จะไปเข้ากับพวกรัสเซียหรอก"
ฉากตัดไปทางขบวนม้าของเผ่าเฮอร์กัลที่อยู่ที่ทุ่งหญ้าทางเหนือ โดยอาเซล ไบมัต กับโจลุคที่รักษาตัวจนหายและได้รับการปล่อยตัวออกมาเป็นคนต้อนเอง โจลุคก็บ่นกระปอดกระแปดตามฟอร์มถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไบมัตก็บอกว่า ถ้าไม่อยากมาก็อยู่ที่แคมป์หลักของเผ่าก็ได้นี่ โจลุคก็แย้งทันควันบอกว่าขี้เกียจอยู่ฟังพวกตาแก่เหลาเหย่คร่ำครวญเว้ย
จากนั้นเรื่องก็เล่าย้อนไปถึงช่วงที่พวกอาเซลกลับมาจากเผ่า โดยหลังจากกลับมาได้ อาเซลก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเฮอร์กัลแทนที่พ่อที่ตายในสนามรบโดยอัตโนมัติ โดยที่พวกผู้อาวุโสของเผ่าไม่คัดค้านแม้แต่คำเดียว (เอาจริงคือ
"ไม่มีปัญญาจะคัดค้าน" มากกว่า พวกตัวเองเอาคนไปตายห่านในสงครามตั้งเยอะ คะแนนนิยมคงหล่นฮวบๆๆ แล้ว ให้คนหนุ่มๆ อย่างอาเซลรับตำแหน่งไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว)
อาเซลขึ้นเถลิงอำนาจ ในขณะที่พวกตาแก่เหลาเหย่ได้แต่นั่งอมสาก
หลังปล่อยม้าให้กินหญ้าเสร็จ อาเซลก็คุยกับไบมัตเรื่องหาแหล่งน้ำใหม่กับหาที่สำหรับตั้งแคมป์รับหน้าหนาว โดยให้ไบมัตเป็นคนไปหาสถานที่ ส่วนเรื่องเจรจาตัวอาเซลจะเป็นคนเจรจาเอง ส่วนโจลุคให้ทำหน้าที่ต้อนอูฐกับแพะไปหาหญ้ากินทุกวันซะ เล่นเอาโจลุคถึงกับซีด แต่ลงเอยก็รับปากแต่โดยดี
ชีวิตใหม่ของบรรดาผู้เหลือรอดจากเผ่าเฮอร์กัลยังคงดำเนินต่อไป แม้จะไม่รู้ว่าวันหน้าจะต้องพานพบกับโชคชะตาแบบไหนก็ตาม
- จบตอน 46 -
ถึงเป็นตอนสั้นๆ แต่ก็เหมือนแอบปูเรื่องไว้นิดๆ เพื่อรอรับเนื้อเรื่องช่วงต่อไปที่จะมาถึงยังไงไม่รู้แฮะ (และแอบปูให้แฟนๆ ท่านพี่ได้รู้ด้วยว่าชีวิตท่านพี่เป็นยังไงต่อไป)
ส่วนท่านใดรอดูการพบกันอีกครั้งระหว่างปาริญากับไอ้หนุ่มคู่หมั้น คงต้องรอดูเดือนหน้ากันแล้วละนะครับ
SPOILER!!! เจ้าสาวแห่งทางสายไหม ตอนที่ 46 - ชีวิตของผู้เหลือรอด...
โดยในตอนนี้จะข้ามเนื้อเรื่องของปาริญาไปก่อน ไปเป็นตอนสั้นๆ เล่าถึงสภาพโดยรวมของเมืองของพวกคาร์ลุค กับชีวิตของชาวเผ่าเฮอร์กัลที่เหลือรอดจากสงครามในตอนก่อนๆ ครับ มีจำนวนหน้าแค่ 8 หน้าเท่านั้นเอง ดังนั้นผมจะเอารูปลงเยอะไม่ได้ คงได้แต่เล่ากับแปะรูปนิดหน่อยเท่านั้นนะครับ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เปิตดอนมาที่พวกผู้ชายในเมืองรวบรวมอาวุธต่างๆ ทั้งปืนใหญ่ทั้งปืนไรเฟิลพร้อมเครื่องกระสุนและดินปืนที่ยึดจากเผ่าบาดันมาได้ โดยหลังจากรวมรวมจัดหมวดหมู่เสร็จก็เอามาทดสอบยิงกัน ซึ่งผลการทดสอบยิงก็เป็นได้ด้วยดี เจ้าเมืองถึงกับออกปากว่าได้อาวุธดีมาเยอะขนาดนี้ ถึงพวกรัสเซียบุกมาก็คงพอต้านทานได้ไม่ยาก
บรรดาอาวุธที่ยึดมาได้มาจากเผ่าบาดัน
ระหว่างทดสอบยิงนั้น เจ้าเมืองก็คุยกับคนสนิทที่ยืนอยู่ข้างๆ ถึง "ผู้เหลือรอดจากเผ่าเฮอร์กัล" ที่อพยพย้ายถิ่นไปยังทุ่งหญ้าทางเหนือที่ยังมีหญ้าอุดมสมบูรณ์ โดยตัวเจ้าเมืองเป็นคนบอกทางไปให้เอง แต่ที่บอกทางไปให้นั้นไม่ใช่เพราะมีเมตตาหรือยกโทษให้ แต่เป็นเพราะทุ่งหญ้าทางเหนือนั้นอยู่ใกล้เขตอิทธิพลของรัสเซีย เป็นที่ที่พวกรัสเซียอาจบุกเข้ามาเมื่อไหร่ก็ได้ ดังนั้นที่แนะให้ไปทางนั้นก็เพื่อจะให้เผ่าเฮอร์กัลไปขัดตาทัพพวกรัสเซียไว้เผื่อทัพรัสเซียบุกมา เมืองตัวเองจะได้เตรียมการรับมือป้องกันได้ทันแค่นั้น
ได้ฟังดังนั้น คนสนิทก็แย้งขึ้นมาว่าเกิดพวกนั้นยอมแพ้ไปเข้ากับพวกรัสเซียล่ะจะทำยังไง เจ้าเมืองก็บอกว่าไม่ได้ปล่อยไปเฉยๆ แต่ส่งคนไปลอบสังเกตการณ์ไว้แล้วเผื่อมีเหตุการณ์อะไรอย่างที่ว่าจริง และบอกต่อว่า "แต่ยังไงเสีย ข้าก็ไม่คิดว่า 'คนพวกนั้น' จะไปเข้ากับพวกรัสเซียหรอก"
ฉากตัดไปทางขบวนม้าของเผ่าเฮอร์กัลที่อยู่ที่ทุ่งหญ้าทางเหนือ โดยอาเซล ไบมัต กับโจลุคที่รักษาตัวจนหายและได้รับการปล่อยตัวออกมาเป็นคนต้อนเอง โจลุคก็บ่นกระปอดกระแปดตามฟอร์มถึงเรื่องโน้นเรื่องนี้ ไบมัตก็บอกว่า ถ้าไม่อยากมาก็อยู่ที่แคมป์หลักของเผ่าก็ได้นี่ โจลุคก็แย้งทันควันบอกว่าขี้เกียจอยู่ฟังพวกตาแก่เหลาเหย่คร่ำครวญเว้ย
จากนั้นเรื่องก็เล่าย้อนไปถึงช่วงที่พวกอาเซลกลับมาจากเผ่า โดยหลังจากกลับมาได้ อาเซลก็ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าเผ่าเฮอร์กัลแทนที่พ่อที่ตายในสนามรบโดยอัตโนมัติ โดยที่พวกผู้อาวุโสของเผ่าไม่คัดค้านแม้แต่คำเดียว (เอาจริงคือ "ไม่มีปัญญาจะคัดค้าน" มากกว่า พวกตัวเองเอาคนไปตายห่านในสงครามตั้งเยอะ คะแนนนิยมคงหล่นฮวบๆๆ แล้ว ให้คนหนุ่มๆ อย่างอาเซลรับตำแหน่งไปนั่นแหละดีที่สุดแล้ว)
อาเซลขึ้นเถลิงอำนาจ ในขณะที่พวกตาแก่เหลาเหย่ได้แต่นั่งอมสาก
หลังปล่อยม้าให้กินหญ้าเสร็จ อาเซลก็คุยกับไบมัตเรื่องหาแหล่งน้ำใหม่กับหาที่สำหรับตั้งแคมป์รับหน้าหนาว โดยให้ไบมัตเป็นคนไปหาสถานที่ ส่วนเรื่องเจรจาตัวอาเซลจะเป็นคนเจรจาเอง ส่วนโจลุคให้ทำหน้าที่ต้อนอูฐกับแพะไปหาหญ้ากินทุกวันซะ เล่นเอาโจลุคถึงกับซีด แต่ลงเอยก็รับปากแต่โดยดี
ชีวิตใหม่ของบรรดาผู้เหลือรอดจากเผ่าเฮอร์กัลยังคงดำเนินต่อไป แม้จะไม่รู้ว่าวันหน้าจะต้องพานพบกับโชคชะตาแบบไหนก็ตาม
- จบตอน 46 -
ถึงเป็นตอนสั้นๆ แต่ก็เหมือนแอบปูเรื่องไว้นิดๆ เพื่อรอรับเนื้อเรื่องช่วงต่อไปที่จะมาถึงยังไงไม่รู้แฮะ (และแอบปูให้แฟนๆ ท่านพี่ได้รู้ด้วยว่าชีวิตท่านพี่เป็นยังไงต่อไป)
ส่วนท่านใดรอดูการพบกันอีกครั้งระหว่างปาริญากับไอ้หนุ่มคู่หมั้น คงต้องรอดูเดือนหน้ากันแล้วละนะครับ