เมนูข้าวแช่ที่นี่รวมถึงของหวานที่ราคา320บาทครับ ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้นครับ สามารถเลือกทานได้ทั้งสองสาขา คือที่ Jim Thompson Restaurant and Wine Bar (พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ซ.เกษมสันต์2 ถนนพระราม1) และที่ Jim Thompson Restaurant and Louge ถ.สุรวงศ์ครับ แต่พิเศษช่วงนี้สามารถซื้อแบบTake Away ได้ที่ Central Food Hall ชั้นG Central ชิดลมตั้งแต่วันที่8-21เมษายนนี้เท่านั้นนะครับ
[SR] Let's Eat รีวิว: JIM THOMPSON RESTAURANT AND WINE BAR ชิมข้าวแช่ดับร้อน ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้นครับ
ข้าวแช่ถือเป็นเมนูที่ได้รับอิทธิพลมาจากมอญตั้งแต่สมัยรัชกาลที่4ครับ ในยุคสมัยนั้นเป็นอาหารที่ทำถวายเฉพาะในวังเท่านั้น จนมาปัจจุบันถึงแม้เป็นเมนูที่มีขายทั่วไปแต่ก็ถือว่าหาทานยากมากๆเมนูนึงของบ้านเราเลยครับ นานๆทีผมถึงจะเจอร้านที่ขายข้าวแช่เป็นจริงเป็นจังตลอดทั้งปี ผมทานล่าสุดน่าจะเป็นที่เกาะเกร็ดครับ จัดมาเป็นเซ็ตง่ายๆ เล็กๆ เมนูนี้จริงๆแล้วเหมาะกับหน้าร้อนแบบบ้านเรามากๆ ที่จิม ทอมป์สัน เรสเตอรองท์จะจัดเมนูพิเศษนี้เฉพาะเดือนเมษายนเท่านั้นครับ
โดยเอกลักษณ์ที่โดดเด่นของข้าวแช่ที่นี่ก็คือข้าวหอมมะลิสองสี คือขาวกับม่วงจากดอกอัญชัญ ข้าวที่ใช้เป็นข้าวหอมมะลิที่ดีที่สุดในโลกจากทุ่งกุลาร้องไห้ ที่พื้นดินอุดมไปด้วยเกลือธรรมชาติ จากนั้นนำข้าวไปซาวถึง7รอบ เพื่อล้างยางข้าวให้ออก ให้เมล็ดข้าวใสก่อนจะนำไปหุง โดยการหุงจะหุงให้สุกแค่ระดับหนึ่ง แล้วนำมานึ่งต่ออีกครั้งจนสุก ส่วนน้ำอบที่ใช้ เป็นน้ำอบที่ลอยดอกมะลิและอบควันเทียนทิ้งไว้1คืนก่อนจะนำมาเสิร์ฟ ผสมผสานกับกลิ่นหอมของกุหลาบมอญอ่อนๆเข้าไปด้วย ยิ่งเพิ่มความหอมและสดชื่นมากๆ ทานกับเครื่องเคียงหลากหลายอย่าง
วัตถุดิบทั้งหลายในการทำข้าวแช่ครับ
ในเซ็ตจะประกอบไปด้วย
1. พริกหยวกสอดไส้กุ้งและไก่สับ ห่อด้วยไข่ ตัวพริกหยวกจะหวานและเผ็ดบางๆอยู่ครับ ตัวไส้จะออกเค็มๆนิดๆ ทานกับไข่ที่ห่อไว้อยู่ด้านนอกก็ครบรสดีครับ
2. หัวหอมทอดสอดไส้ปลาแห้ง ตัวปลาแห้งที่ใช้จะเป็นปลาช่อนแดดเดียวชั้นดีครับ ตัวหัวหอมจะยังคงมีกลิ่นฉุนๆอยู่บ้าง ถ้าใครไม่ชอบทานหัวหอมอาจจะลำบากหน่อยครับ แต่ส่วนตัวแล้วค่อนข้างชอบหัวหอมเอามากๆ เลยโอเคหน่อยครับ
3. เนื้อเค็มหรือหมูฝอยผัดหวาน เมนูนี้สามารถเลือกได้ครับ ใครไม่ทานหมูหรือไม่ชอบหมูฝอย สาทารถเลือกเป็นเนื้อเค็มได้ แต่ผมก็ไม่ค่อยคุ้นชินกับเนื้อเค็มในเมนูข้าวแช่ซักเท่าไหร่ แต่ถือว่เป็นทางเลือกสำหรับแขกหลากหลาบชนชาติครับ
4. หัวไชโป๊วผัดหวาน ไชโป๊วที่ใช้จะเป็นไชโป๊วจากสุรินทร์ที่ขึ้นชื่อชื่อว่าเป็นแหล่งผลิตผักกาดที่ดีที่สุด แล้วนำมาหมักในน้ำผึ้งเพื่อเพิ่มความหอมและหวานธรรมชาติ
5. ไก่ผสมเนื้อปลาเค็ม ดูๆแล้วเมนูนี้จะคล้ายๆกับเนื้อปลาเค็มมากๆ แต่มีความจืดและนุ่มของเนื้อไก่เข้ามาเสริมครับ ทานไปแล้วผมไม่รู้สึกถึงความเค็มของปลาเค็ม หรือผมอาจจะไม่ได้กลิ่นปลาเค็มแบบที่คุ้นเคยก็ได้ครับ ถ้าทานแบบไม่บอกผมก็ไม่ทราบว่ามีปลาเค็มผสมอยู่ด้วยครับ
6. ลูกกะปิทอด ของเด็ดของเมนูข้าวแช่ที่ทุกที่ต้องมีครับ ของที่นี่จะใช้กะปิชั้นดีจากระยองผสมกับตะไคร้ กระชาย เนื้อปลาช่อนนึ่งสุกและปลาดุกย่างเข้าไปด้วย ลูกกะปิที่นี่ผมว่าอร่อยดีครับ ไม่เค็มเกินไปเหมือนหลายๆที่ และที่สำคัญไม่มีกลิ่นกะปิที่โดดแหลมออกมามากนัก
7. ผักแกล้ม ด้วยเอกลักษณ์การตกแต่งจานของที่นี่ไม่เคยเป้นรองใคร แม้แต่ผักแกล้มยังจัดมาได้อย่างลงตัวและสวยงามมากๆไม่ว่าจะเป็นมะม่วงเขียวเสวยดิบ ต้นหอม พริกชี้ฟ้าแดง แตงกวา ดอกกระชายจำปี ผักปรังและแครอท
ปิดท้ายด้วยมะม่วงลอยแก้ว เห็นครั้งแรกก็พยายามเดากันต่างๆนานาว่ามันคืออะไร เพราะหน้าตาไม่คุ้นเอาเสียเลย ผมก็เพิ่งเคยทานครั้งแรกเลยเลยครับ เอามะม่วงมาฝานบางๆแล้วจับไปลอยแก้วในน้ำเชื่อม เปรี้ยวอมหวานก็อร่อยไปอีกแบบครับ
เมนูข้าวแช่ที่นี่รวมถึงของหวานที่ราคา320บาทครับ ตลอดเดือนเมษายนนี้เท่านั้นครับ สามารถเลือกทานได้ทั้งสองสาขา คือที่ Jim Thompson Restaurant and Wine Bar (พิพิธภัณฑ์บ้านจิม ทอมป์สัน ซ.เกษมสันต์2 ถนนพระราม1) และที่ Jim Thompson Restaurant and Louge ถ.สุรวงศ์ครับ แต่พิเศษช่วงนี้สามารถซื้อแบบTake Away ได้ที่ Central Food Hall ชั้นG Central ชิดลมตั้งแต่วันที่8-21เมษายนนี้เท่านั้นนะครับ
ฝากติดตามรีวิวร้านอื่นๆของเราได้เพิ่มเติมอีกสองช่องทางนะครับ
1. ทางเฟส http://www.facebook.com/LetsEatThailand และ
2. ทางBlog http://www.LetsEatThailand.com ด้วยนะคร้าบบบบ ขอบคุณครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น