เมื่อวันก่อนได้มีโอกาสไปดูละครโหมโรง ที่โรงละคร (ชื่อยาวมากจำม่ะได้) ที่สยามสแควร์วัน ชั้น 7...
เปิดตัวมา ก็เริ่มด้วยฉากตัวเอกในวัยเด็ก ซึ่งน้องๆเล่นได้น่ารักมาก...เรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มได้ตั้งแต่นาทีแรกกันเลยทีเดียว...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้(ส่วนตัวชอบน้องนักแสดงเด็ก 2 คนนั้นมาก ท่าเต้นน่ารักดี...โตขึ้นดังแน่น้องเอ๋ยย...)
แว่บแรกที่ได้ยินน้องเค้าร้องเพลงหลักที่เป็น Theme ของละครเรื่องนี้ พลันก็ทำให้ผมนึกถึงละคร musical ที่ผมชอบมากเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ Oliver Twist the Musical ปี 1968.. นานแล้วที่ไม่ได้ชม musical ที่มีเด็กเล่นดีขนาดนี้...
ถัดจากตอนต้นที่ปูพื้นความสวยงามของดนตรีไทย และชีวิตในชนบทออกมาได้อย่างน่ารัก ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร
มีการตัดสลับฉากกันไปกันมา ระหว่างเด็ก หนุ่ม และคนแก่...ตอนแรกก็งงมากว่าทำไมมันตัดสลับกันบ่อยนักว่ะ งงไปหมด...
นึกขึ้นมาได้ เออะ...ละครเวทีเค้าคงต้องเซตฉาก และให้ตัวละครได้เปลี่ยนชุดละมั้ง....
ครึ่งแรกของละครจะเป็นการปูเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ่ายความงดงามและอ่อนโยนของดนตรีไทยออกมาได้เป็นอย่างดี
ในครึ่งหลัง (อย่าเผลอไปเข้าห้องน้ำนานล่ะ) มีเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้มข้น มีแอบแซวการเมืองด้วยอ่า เรียกเสียงหัวเราะกันลั่นโรงเลยทีเดียว...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีกไม่นาน ... อิอิ
เนื้อเรื่องในครึ่งหลัง เข้มข้นและกดดันผู้ชมได้เป็นช่วงๆ มาพีคที่สุดก็คือช่วงที่มีการประชันระนาดกัน ซึ่งนักแสดงหนุ่มที่เล่นเป็นพระเอก
เล่นระนาดเก่งอย่างเหลือเชื่อ (นอกจากหน้าตาดี เสียงดีแล้ว ยังเล่นระนาดเก่งจริง...)
แล้วละครก็จบในแบบที่ทุกคนพอจะเดาเรื่องกันได้ แต่ตอนจบมียาวกว่าในหนังหน่อยนึงด้วยนะ อิอิ
(ตรงนี้ไม่กล้า Spoil....อิอิ)
เรียงลำดับสิ่งที่ชอบและประทับในละครเวทีเรื่องนี้
1. น้องนักแสดงรุ่นเด็ก เล่นได้เก่งน่าประทับใจมาก เสียงดี
2. นักแสดงผู้หญิงที่ร้องเพลงหลักที่เป็น Theme ของละครร้องได้ไพเราะจับใจจริงๆ
3. การสลับอารมณ์ที่มีทั้ง หวาน ซึ้ง ตลก และหนักแน่น โดยเฉพาะการเอาการเมืองในยุคสมัยสงครามโลก
เข้ามาเชื่อมกับการเมืองในยุคปัจจุบันในอย่างลงตัว (บังเอิญ หรือตั้งใจก็ไม่รู้ อิอิ)
4. ดูละครเรื่องนี้แล้ว รู้สึกรักชาติ รักแผ่นดินขึ้นมาเลย รู้สึกภูมิใจในดนตรีไทย และวัฒนธรรมของเราจริงๆนะ
ส่วนที่ยังดูด้อยในละครเรื่องนี้ ได้แก่...
1. ฉาก ที่ดูธรรมดาๆ ออกจะอารณ์ งบน้อยไปนิด ...(ถ้าเทียบกับบางเรื่องที่ฉากอลังการณ์กว่านี้มาก)
2. เพลงเพราะๆที่มีน้อยไปหน่อย อาจจะมีแค่ไม่กี่เพลง (หรือเราเอาไปเทียบกับ Ma Ma Mia ก็ม่ายรู้ เหอเหอ)
ภาพรวมถือว่าเป็นละครที่ดูสนุก ประทับใจ เพลงเพราะ เหมาะที่จะพาลูกๆและครอบครัวมาดูกัน
ผมว่าเป็นอีกเรื่องนึงที่คนรักดนตรีไทย รักความเป็นไทย และวัฒนธรรมไทยไม่ควรพลาด...
[CR] โหมโรงไปดูมาแล้ว น่ารักมาก...
เปิดตัวมา ก็เริ่มด้วยฉากตัวเอกในวัยเด็ก ซึ่งน้องๆเล่นได้น่ารักมาก...เรียกเสียงหัวเราะ และรอยยิ้มได้ตั้งแต่นาทีแรกกันเลยทีเดียว...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แว่บแรกที่ได้ยินน้องเค้าร้องเพลงหลักที่เป็น Theme ของละครเรื่องนี้ พลันก็ทำให้ผมนึกถึงละคร musical ที่ผมชอบมากเรื่องหนึ่ง
นั่นก็คือ Oliver Twist the Musical ปี 1968.. นานแล้วที่ไม่ได้ชม musical ที่มีเด็กเล่นดีขนาดนี้...
ถัดจากตอนต้นที่ปูพื้นความสวยงามของดนตรีไทย และชีวิตในชนบทออกมาได้อย่างน่ารัก ก็เริ่มเข้าสู่ช่วงที่มีการเปลี่ยนแปลงของตัวละคร
มีการตัดสลับฉากกันไปกันมา ระหว่างเด็ก หนุ่ม และคนแก่...ตอนแรกก็งงมากว่าทำไมมันตัดสลับกันบ่อยนักว่ะ งงไปหมด...
นึกขึ้นมาได้ เออะ...ละครเวทีเค้าคงต้องเซตฉาก และให้ตัวละครได้เปลี่ยนชุดละมั้ง....
ครึ่งแรกของละครจะเป็นการปูเรื่องเสียเป็นส่วนใหญ่ ถ่ายความงดงามและอ่อนโยนของดนตรีไทยออกมาได้เป็นอย่างดี
ในครึ่งหลัง (อย่าเผลอไปเข้าห้องน้ำนานล่ะ) มีเนื้อหาที่ค่อนข้างเข้มข้น มีแอบแซวการเมืองด้วยอ่า เรียกเสียงหัวเราะกันลั่นโรงเลยทีเดียว...
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เนื้อเรื่องในครึ่งหลัง เข้มข้นและกดดันผู้ชมได้เป็นช่วงๆ มาพีคที่สุดก็คือช่วงที่มีการประชันระนาดกัน ซึ่งนักแสดงหนุ่มที่เล่นเป็นพระเอก
เล่นระนาดเก่งอย่างเหลือเชื่อ (นอกจากหน้าตาดี เสียงดีแล้ว ยังเล่นระนาดเก่งจริง...)
แล้วละครก็จบในแบบที่ทุกคนพอจะเดาเรื่องกันได้ แต่ตอนจบมียาวกว่าในหนังหน่อยนึงด้วยนะ อิอิ
(ตรงนี้ไม่กล้า Spoil....อิอิ)
เรียงลำดับสิ่งที่ชอบและประทับในละครเวทีเรื่องนี้
1. น้องนักแสดงรุ่นเด็ก เล่นได้เก่งน่าประทับใจมาก เสียงดี
2. นักแสดงผู้หญิงที่ร้องเพลงหลักที่เป็น Theme ของละครร้องได้ไพเราะจับใจจริงๆ
3. การสลับอารมณ์ที่มีทั้ง หวาน ซึ้ง ตลก และหนักแน่น โดยเฉพาะการเอาการเมืองในยุคสมัยสงครามโลก
เข้ามาเชื่อมกับการเมืองในยุคปัจจุบันในอย่างลงตัว (บังเอิญ หรือตั้งใจก็ไม่รู้ อิอิ)
4. ดูละครเรื่องนี้แล้ว รู้สึกรักชาติ รักแผ่นดินขึ้นมาเลย รู้สึกภูมิใจในดนตรีไทย และวัฒนธรรมของเราจริงๆนะ
ส่วนที่ยังดูด้อยในละครเรื่องนี้ ได้แก่...
1. ฉาก ที่ดูธรรมดาๆ ออกจะอารณ์ งบน้อยไปนิด ...(ถ้าเทียบกับบางเรื่องที่ฉากอลังการณ์กว่านี้มาก)
2. เพลงเพราะๆที่มีน้อยไปหน่อย อาจจะมีแค่ไม่กี่เพลง (หรือเราเอาไปเทียบกับ Ma Ma Mia ก็ม่ายรู้ เหอเหอ)
ภาพรวมถือว่าเป็นละครที่ดูสนุก ประทับใจ เพลงเพราะ เหมาะที่จะพาลูกๆและครอบครัวมาดูกัน
ผมว่าเป็นอีกเรื่องนึงที่คนรักดนตรีไทย รักความเป็นไทย และวัฒนธรรมไทยไม่ควรพลาด...