โหมโรง เดอะมิวสิคัล "ไร้ราก ไร้แผ่นดิน" ละครเวทีฝีมือคนไทยที่ควรค่ากับการชื่นชม

เมื่อบ่ายนี้ได้มีโอกาสไปดู โหมโรง เดอะมิวสิคัล restage ออกมาจากโรงละครด้วยความรู้สึกหลายอย่าง ภูมิใจ ตื่นตัน อิ่มใจ อิ่มหู .. ปกติเป็นคนที่ชอบดูละครเวทีมากๆอยู่แล้ว สมัยอยู่ต่างประเทศก็ได้ดู production ใหญ่ๆของ Broadway หลายเรื่อง พอกลับมาที่เมืองไทยมีโอกาสทีไรก็ไม่พลาดจะชมละครเวทีฝีมือคนไทยทุกคร้งเมื่อมีโอกาส สำหรับโหมโรงจริงๆตั้งใจอยากไปดูตั้งแต่เล่นครั้งแรกเมื่อกลางปีแต่ด้วยเวลาและความไม่สะดวกหลายๆอย่างจึงพลาดไป สำหรับเรื่องโหมโรงหลายคนคงจะคุ้นอยู่บ้างจากภาพยนต์ดังเมื่อหลายปีก่อนและทราบมาว่าได้มีการนำกลับมาสร้างเป็นละครทีวีครั้งนึงเมื่อสัก 5 ปีที่แล้ว แต่เวอร์ชั่นที่เป็น musical ครั้งนี้รับรองว่าผู้ชมจะได้อรรถรสของการแสดงสดที่แตกต่างไปจากเวอร์ชั่นก่อนๆแน่นอน การประชันระนาดสดๆบนเวทีความอลังการของแสงสีเสื้อผ้าหน้าผมและพลังในการแสดงที่ถ่ายทอดมาถึงผู้ชมทำเอาขนลุกทั้งเรื่องเลยทีเดียว

สิ่งแรกที่ขอชื่นชมคือนักแสดง ผู้ที่รับบทนำเป็นนายศรตอนหนุ่มครั้งนี้คือ อาร์ม กรกันต์ สุทธิโกเศศ เคยได้เห็นฝีมือน้องอาร์มมาแล้วจาก เรยา The Musical ตอนนั้นเล่นเป็นตี๋เล็ก บทไม่ใช่ตัวเอกซะทีเดียวแต่จำได้ว่าประทับใจในเสียงร้องรูปร่างหน้าตาและฝีมือการแสดงมาก ยังนึกในใจว่าน้องคนนี้น่าจะได้แจ้งเกิดในวงการละครเวทีอย่างแน่นอน ต่อมาได้มีโอกาสไปดู เลือดขัตติยา The Musical ที่รัชดาลัย บทของพี่ชายพระคู่หมั่นนางเอกผู้อ่อนแอทำใด้ประทับใจไม่แพ้เรื่องแรก มาคราวนี้น้องอาร์มรับบทนำอย่างเต็มตัวต้องชมเลยว่าสุดยอดมากๆค่ะ ก่อนวันนี้ถ้าพูดถึงโหมโรงและนายศร ภาพที่ติดตาคือโอ อนุชิต แต่จากวันนี้ไปภาพนายศรที่จะจดจำพร้อมคำว่าโหมโรงคืออารม์ กรกันต์ อย่างแน่นอน ซีนประชันระนาดนี่ขนลุกทุกซีนโดยเฉพาะตอนปิดตาตีระนาดและตอนประชันกับขุนอินทร์ ซีนหวานจีบนางเอกก็ทำให้ฟินจนเขินเลยเสียงร้องก้องกังวาลมากๆ และอีกคนที่ขอชมคือแม่โชติตอนสาวแสดงโดย สาธิดา พรหมพิริยะ หน้าตาบุคลิกเหมาะเป็นสาวชาววังมากประกอบกับเสียงร้องที่หวานใสไพเราะมาก อีกท่านนึงที่ต้องเอ่ยถึงอย่างชื่นชมและนับถือจากใจคือคุณสุประวัติ ปัทมสูต ท่านครูหรือนายศรตอนแก่ การแสดงทรงพลังสะกดผู้ชมได้ทุกคำพูดคำร้องและท่าทางสมกับที่เป็นบรมครูทางด้านการแสดงมาหลายสิบปี ส่วนแม่โชติตอนแก่คือคุณดวงใจ หทัยกาญจน์ ได้ชื่นชมฝีมือคุณอามาตั้งแต่เด็กๆผ่านละครทีวีหลายเรื่องมาวันนี้ได้ดูสดๆใกล้ๆบอกเลยค่ะว่าประทับใจมาก เสียงหวานและงดงามทั้งการวาจาสมกับบทกุลสตรีไทยจริงๆ ส่วนบทอื่นๆที่อยากชมก็นายเทิดรอบที่ดูเป็น พีท ปิติพงษ์ ผาสุขยืด ไม่แน่ใจว่าเล่นแค่รอบนี้หรือเปล่าแต่ถ่ายทอดอารมณ์ได้ดีมากอีกคน และผู้รับบทนายทิวเพื่อนพระเอกทั้งคนที่เล่นตอนเด็กและตอนหนุ่มออกมากี่ซีนเรียกเสียงฮาได้ตลอด

Production เครื่องแต่งตัวฉาก ชอบอยู่หลายฉาก โดยเฉพาะฉากที่พระเอกนอนอยู่บนเรือแล้วร้องเพลงไปด้วยมีการนำ CG มาประกอบเป็นผีเสื้อและนก ฉากนายทิวพายเรือจีบสาวโดยมีศรเล่นขลุ่ยประกบ มีการใช้เทคนิกการเคลื่อนไหวเหมือนนักแสดงพายเรืออยู่จริงๆ ฉากดอกลั่นทมระหว่างศรและแม่โชติ เห็นชัดว่าทางทีมงานฝ่ายฉากประณีตมากจริงๆ การใช้แสงประกอบในซีนอารมณ์ต่างๆก็ทำได้ดีมาก ช่วยบิ้วอารมณ์ความขัดแย้งภายในของนายศร ทั้งแสงสีแดง สีดำ ให้คล้อยตามเลยทีเดียว

มีข้อติเพียงน้อยนิดเพื่อปรับปรุงสำหรับละครเวทีเรื่องนี้ หนึ่งคือเรื่องการรักษาเวลา อยากให้เริ่ม on time เป๊ะกว่านี้ค่ะ วันนี้เลทไปประมาณ 20 นาที แต่ทั้งนี้ก็เห็นใจผู้จัดเหมือนกันเพราะบ่ายสองตามหน้าบัตรที่ละครควรจะเริ่มแสดงแต่มองๆไปรอบๆผู้คนยังเดินเข้ามาไม่หยุดและไม่แน่ใจว่าเกินครึ่งโรงหรือยัง สำหรับเรื่องนี้ชื่นชมละครของฝั่งรัชดาลัยมาก คือเริ่มตรงเวลาถ้าใครมาสายก็ให้ยืนคอยข้างนอกสัก 5-10 นาทีเจ้าหน้าที่ค่อยนำเข้ามาเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนสมาธินักแสดงและผู้ชมคนอื่นๆ อีกเรื่องคือเรื่องเสียง พอดีได้ที่นั่งแถว D zone A3 ด้านข้าง บางช่วงจะฟังเสียงร้องไม่ค่อยได้ยินเสียงเหมือนขาดๆหายๆและโดนดนตรีกลบจนต้องหันไปมองคำบรรยายภาษาอังกฤษว่านักแสดงร้องว่าอะไร และสุดท้ายฉากระหว่างแม่โชติตอนสาวและนายศรตอนหนุ่มชวนฟินจิ้นจิกหมอนมาก เป็นการจีบกันของหนุ่มสาวสมัยก่อนที่ละเมียดบริสุทธิ์มากๆซึ่งคงหาไม่ได้แล้วในสมัยนี้ แต่บทตรงนี้เหมือนจะรวบรัดไปนิดอาจจะเป็นด้วยเวลาและการเล่าเรื่องแบบ flashback สลับกันตลอดระหว่างช่วงหนุ่มสาวและช่วงสูงวัยเลยเป็นที่เข้าใจอยู่แล้วว่าได้แต่งงานกันอยู่กินจนแก่

โดยรวมเรื่องนี้ให้ 9/10 ค่ะ อยากให้คนไทยได้ดูกันเยอะๆแล้วคุณจะรู้สึกรักและหวงแหนศิลปะวัฒนธรรมไทยของปู่ย่าตายายขึ้นมาอีกมาก ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์ไทยยุคการปฎิวัติวัฒนธรรมหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 และได้ดื่มดำกับบรรยากาศแสงสีเสียงบทเพลงที่แสนไพเราะมากมาย ท้ายสุดข้อคิดที่เชื่อว่าทุกคนจะได้รับหลังจากการแสดงจบคือท่อนของเพลง ระเบิดพังได้แต่เนื้อไม้ ฟัง CD เพลงประกอบไปด้วยยังขนลุกทุกครั้งกับประโยคนี้ซึ่งบอกได้ถึง theme หลักของเรื่องอย่างชัดเจน ไร้รากไร้แผ่นดิน เราจะอยู่อย่างไร   อมยิ้ม36

คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่