ละครเวทีเรื่องที่ 6: โหมโรง เดอะ มิวสิคัล (Restage)
รอบที่เราไปดูถือเป็นรอบ Restage เพราะกระแสตอบรับจากครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาดีมาก แม้แต่ครั้งนี้ก็ยังต้องเพิ่มรอบพิเศษอีก 2 วัน คือเสาร์อาทิตย์ปลายเดือนนี้ ใครอ่านรีวิวแล้วสนใจก็ยังมีโอกาสนะคะ จะได้ไม่พลาดผลงานละครเวทีดีเยี่ยมแห่งปี
ถือเป็นละครเวทีของค่ายเวิร์คพอยต์ที่ประเดิมโรงละครเวทีแห่งใหม่กลางสยามสแควร์เลยค่ะ กับโรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ที่ตึกสยามสแควร์วัน ก่อนอื่นต้องขอชมโรงละครก่อนเลยที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนใจคิดว่าจะกลับมาเป็นแฟนละครเวทีอีกครั้งหลังจากเรื่องล่าสุดก่อนหน้านี้ดูที่รัชดาลัยเธียร์เตอร์แล้วหยุดดูละครเวทีไปพักหนึ่งเลย (ถ้าไม่มีเงินซื้อบัตรแพงสุดก็คงเห็นแต่จุดบนเวที 😭) ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้แต่ละที่นั่งสามารถเห็นรายละเอียดบนเวทีได้ เทคนิคการเปลี่ยนฉากก็ทันสมัย มีความหลากหลายมากขึ้น และที่ต้องขอชมเป็นพิเศษคือเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกทำงานได้ดีมากๆ ฉับไว ใส่ใจบริการ นี่ขนาดละครยังไม่เริ่มก็ประทับใจแล้วนะคะ
มาพูดถึงตัวละครกันดีกว่า เพราะความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งเป็นภาพยนตร์ปี 2547 จึงไม่ลังเลเลยที่จะยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าบัตรชั้น 1 ขอพูดทีละประเด็นละกันนะคะ
1.เพลง ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของเรื่องเลยค่ะ ไพเราะ และช่วยเพิ่มพลังให้กับฉากทุกฉาก ทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ของละครได้มากขึ้น ทำนองจะใช้ดนตรีไทยเป็นหลักแต่ก็มีผสมออเคสตร้าเพื่อเชื่อมโยงอารมณ์ บรรยากาศ ผู้ที่รับผิดชอบในการแต่งเพลงที่รู้จักกันดีคือคุณประภาส ชลศรานนท์, คุณบอย ตรัย ภูมิรัตน์ และ คุณตู๋ ปิติ ลิ้มเจริญ (ยอดฝีมืออีกคน ผลงานเด่นๆ คืออย่ายอมแพ้-อ้อม สุนิสา, บ้านของเรา,ดอกไม้ในใจ-พี่เบิร์ด และสายลม ของวงนั่งเล่น) มาช่วยแต่งอีกด้วย
ที่เด่นที่สุดก็คงเป็น เสียงนั้นเสียงหนึ่ง ที่แต่งโดยคุณประภาส ชลศรานนท์ และร้องโดยคุณแนน สาวน้อยเสียงหวานที่ชนะการแข่งขันจากเวที World Championships of Performing Arts 2011 ลองชมผลงานได้จากลิงค์นี้เลยนะคะ
http://youtu.be/nK52pD2U
และที่ชอบอื่นๆ คือครอบครัวดนตรี, ดอกลั่นทม, ยิ้มไว้ (เพลงนี้ส่วนตัวรู้สึกว่ามันหลุดยุคไปนิดนึง), หยุด (ชอบความหมายเป็นพิเศษ)
2.นักแสดง ชอบที่สุดคือบทของทิว เพื่อนสนิทของพระเอกศร ที่รับผิดชอบโดยคุณมงคล สะอาดบุญญพัฒน์ หรือน้องนาย The Comedian ซึ่งบทจะออกตลกๆ แล้วน้องก็แสดงได้เป็นธรรมชาติมากๆ ส่วนบทของศร ที่แสดงโดยคุณกรกันต์ สุทธิโกเศศ หรือน้องอาร์ม (เจ้าของตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 และป๊อปปูล่าร์ โหวต จากเวที KPN Award Thailand Singing Contest 2009) ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน้องแสดงได้ดีมากนะคะ ด้วยความตั้งใจและพยายามทำให้น้องเดินมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ไกลเกินกว่าใครหลายคนจะคาดถึง (ทราบมาว่าน้องซ้อมตีระนาดวันละ 2 ชั่วโมงก่อนเล่นละครนานถึง 6 เดือน) โดยเฉพาะซีนไคลแมกซ์ การแข่งเชิดระนาดกับขุนอินทร์ (คุณทวีศักดิ์ อัครวงษ์ หรืออาจารย์เบิ่ง ผู้เป็น stan in และบันทึกเสียงระนาดเอกของนายศรในภาพยนตร์เรื่องโหมโรง) น้องเอาอยู่และทำให้คนดูเชื่อว่าน้องเป็นผู้ชนะจริงๆ ถึงหูจะไม่ค่อยกระดิกเรื่องระนาดมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมการแสดงของน้องมันทำให้รู้สึกแบบนั้น ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ผ่านมาตรฐานหมดค่ะ ไม่มีใครที่ทำให้รู้สึกว่าลดความดีงามของละครลงไปได้เลย
3.ฉาก ทันสมัยและหลากหลาย ช่วยให้ละครไหลลื่นได้ดี ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างก็ตามที ขอเรียกว่าทำน้อยแต่ได้มากละกันนะคะ ต้องขอชมทีมงานส่วนนี้จริงๆ ที่ชอบที่สุดคงเป็นฉากที่ศรนอนอยู่ในเรือ แล้วฉากนำเสนอ top view สมมติการเคลื่อนไหวของแม่น้ำและเรือโดยผ่านทางยอดมะพร้าว ไอเดียเยี่ยมมากเลยค่ะ
4.การแสดง ฉากที่ประทับใจมากที่สุดขอยกให้เป็นฉากที่พันโทวีระไปที่บ้านครูศรเพื่อค้นหาตัวเทิด พันโทวีระได้โต้เถียงประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประเทศเป็นอารยะกับครูศร จนท้ายที่สุดไม้อ่อนก็ดูเหมือนจะอ่อนลงในขณะที่ไม้แก่อย่างครูศรก็ได้แต่ปลง ก่อนที่พันโทวีระจะกลับ ครูศรได้เล่นเพลงที่เขาแต่ง ชาวบ้านยุคมาลานำไทยทั้งหลายแหล่ในขณะนั้นต่างพากันหยุดฟังและยอมถอดหมวกเพื่อแสดงความเคารพต่อครูศร พันโทวีระถึงกับสะดุด พูดไม่ออก ณ จุดนี้ ฉากนี้ บรรยากาศมันเศร้ามากๆ เศร้าโดยที่ไม่ต้องมีตัวละครใดพูดบทอะไรซักคำ ตัวเองถึงกับน้ำตาซึมแล้วก็เปลี่ยนเป็นไหลพราก ต้องยอมทิ้งความอายควานหาทิชชู่ในกระเป๋ามาซับน้ำตา มันซาบซึ้งกินใจจริงๆ ค่ะ
โดยรวมประทับใจค่ะ เป็นอีกเรื่องที่ยอมควักกระเป๋าซื้อของที่ระลึกมาเก็บไว้เตือนถึงความประทับใจในครั้งนี้ และสุดท้ายที่ต้องขอปรบมือให้อย่างดังๆ คือคุณธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม หรือพี่สังข์ ผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้และผู้บริหารแห่งโต๊ะกลม ที่ปั้นละครเวทีเรื่องนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างได้...ดีเยี่ยมขนาดนี้ รอชมผลงานชิ้นต่อไปนะคะ
[CR] โหมโรง เดอะ มิวสิคัล:รีวิวความประทับใจ
รอบที่เราไปดูถือเป็นรอบ Restage เพราะกระแสตอบรับจากครั้งแรกเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมาดีมาก แม้แต่ครั้งนี้ก็ยังต้องเพิ่มรอบพิเศษอีก 2 วัน คือเสาร์อาทิตย์ปลายเดือนนี้ ใครอ่านรีวิวแล้วสนใจก็ยังมีโอกาสนะคะ จะได้ไม่พลาดผลงานละครเวทีดีเยี่ยมแห่งปี
ถือเป็นละครเวทีของค่ายเวิร์คพอยต์ที่ประเดิมโรงละครเวทีแห่งใหม่กลางสยามสแควร์เลยค่ะ กับโรงละครเคแบงค์สยามพิฆเนศ ชั้น 7 ที่ตึกสยามสแควร์วัน ก่อนอื่นต้องขอชมโรงละครก่อนเลยที่ทำให้เราต้องเปลี่ยนใจคิดว่าจะกลับมาเป็นแฟนละครเวทีอีกครั้งหลังจากเรื่องล่าสุดก่อนหน้านี้ดูที่รัชดาลัยเธียร์เตอร์แล้วหยุดดูละครเวทีไปพักหนึ่งเลย (ถ้าไม่มีเงินซื้อบัตรแพงสุดก็คงเห็นแต่จุดบนเวที 😭) ถึงจะไม่ใหญ่มากแต่นั่นเป็นข้อดีที่ทำให้แต่ละที่นั่งสามารถเห็นรายละเอียดบนเวทีได้ เทคนิคการเปลี่ยนฉากก็ทันสมัย มีความหลากหลายมากขึ้น และที่ต้องขอชมเป็นพิเศษคือเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกทำงานได้ดีมากๆ ฉับไว ใส่ใจบริการ นี่ขนาดละครยังไม่เริ่มก็ประทับใจแล้วนะคะ
มาพูดถึงตัวละครกันดีกว่า เพราะความประทับใจมาตั้งแต่ครั้งเป็นภาพยนตร์ปี 2547 จึงไม่ลังเลเลยที่จะยอมควักกระเป๋าจ่ายค่าบัตรชั้น 1 ขอพูดทีละประเด็นละกันนะคะ
1.เพลง ถือเป็นจุดแข็งที่สุดของเรื่องเลยค่ะ ไพเราะ และช่วยเพิ่มพลังให้กับฉากทุกฉาก ทำให้คนดูเข้าถึงอารมณ์ของละครได้มากขึ้น ทำนองจะใช้ดนตรีไทยเป็นหลักแต่ก็มีผสมออเคสตร้าเพื่อเชื่อมโยงอารมณ์ บรรยากาศ ผู้ที่รับผิดชอบในการแต่งเพลงที่รู้จักกันดีคือคุณประภาส ชลศรานนท์, คุณบอย ตรัย ภูมิรัตน์ และ คุณตู๋ ปิติ ลิ้มเจริญ (ยอดฝีมืออีกคน ผลงานเด่นๆ คืออย่ายอมแพ้-อ้อม สุนิสา, บ้านของเรา,ดอกไม้ในใจ-พี่เบิร์ด และสายลม ของวงนั่งเล่น) มาช่วยแต่งอีกด้วย
ที่เด่นที่สุดก็คงเป็น เสียงนั้นเสียงหนึ่ง ที่แต่งโดยคุณประภาส ชลศรานนท์ และร้องโดยคุณแนน สาวน้อยเสียงหวานที่ชนะการแข่งขันจากเวที World Championships of Performing Arts 2011 ลองชมผลงานได้จากลิงค์นี้เลยนะคะ
http://youtu.be/nK52pD2U
และที่ชอบอื่นๆ คือครอบครัวดนตรี, ดอกลั่นทม, ยิ้มไว้ (เพลงนี้ส่วนตัวรู้สึกว่ามันหลุดยุคไปนิดนึง), หยุด (ชอบความหมายเป็นพิเศษ)
2.นักแสดง ชอบที่สุดคือบทของทิว เพื่อนสนิทของพระเอกศร ที่รับผิดชอบโดยคุณมงคล สะอาดบุญญพัฒน์ หรือน้องนาย The Comedian ซึ่งบทจะออกตลกๆ แล้วน้องก็แสดงได้เป็นธรรมชาติมากๆ ส่วนบทของศร ที่แสดงโดยคุณกรกันต์ สุทธิโกเศศ หรือน้องอาร์ม (เจ้าของตำแหน่งรองชนะเลิศอันดับ 1 และป๊อปปูล่าร์ โหวต จากเวที KPN Award Thailand Singing Contest 2009) ที่ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา โดยส่วนตัวแล้วคิดว่าน้องแสดงได้ดีมากนะคะ ด้วยความตั้งใจและพยายามทำให้น้องเดินมาถึงจุดนี้ได้ จุดที่ไกลเกินกว่าใครหลายคนจะคาดถึง (ทราบมาว่าน้องซ้อมตีระนาดวันละ 2 ชั่วโมงก่อนเล่นละครนานถึง 6 เดือน) โดยเฉพาะซีนไคลแมกซ์ การแข่งเชิดระนาดกับขุนอินทร์ (คุณทวีศักดิ์ อัครวงษ์ หรืออาจารย์เบิ่ง ผู้เป็น stan in และบันทึกเสียงระนาดเอกของนายศรในภาพยนตร์เรื่องโหมโรง) น้องเอาอยู่และทำให้คนดูเชื่อว่าน้องเป็นผู้ชนะจริงๆ ถึงหูจะไม่ค่อยกระดิกเรื่องระนาดมากเท่าไหร่ แต่โดยรวมการแสดงของน้องมันทำให้รู้สึกแบบนั้น ส่วนนักแสดงคนอื่นๆ ผ่านมาตรฐานหมดค่ะ ไม่มีใครที่ทำให้รู้สึกว่าลดความดีงามของละครลงไปได้เลย
3.ฉาก ทันสมัยและหลากหลาย ช่วยให้ละครไหลลื่นได้ดี ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่อลังการงานสร้างก็ตามที ขอเรียกว่าทำน้อยแต่ได้มากละกันนะคะ ต้องขอชมทีมงานส่วนนี้จริงๆ ที่ชอบที่สุดคงเป็นฉากที่ศรนอนอยู่ในเรือ แล้วฉากนำเสนอ top view สมมติการเคลื่อนไหวของแม่น้ำและเรือโดยผ่านทางยอดมะพร้าว ไอเดียเยี่ยมมากเลยค่ะ
4.การแสดง ฉากที่ประทับใจมากที่สุดขอยกให้เป็นฉากที่พันโทวีระไปที่บ้านครูศรเพื่อค้นหาตัวเทิด พันโทวีระได้โต้เถียงประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงเพื่อให้ประเทศเป็นอารยะกับครูศร จนท้ายที่สุดไม้อ่อนก็ดูเหมือนจะอ่อนลงในขณะที่ไม้แก่อย่างครูศรก็ได้แต่ปลง ก่อนที่พันโทวีระจะกลับ ครูศรได้เล่นเพลงที่เขาแต่ง ชาวบ้านยุคมาลานำไทยทั้งหลายแหล่ในขณะนั้นต่างพากันหยุดฟังและยอมถอดหมวกเพื่อแสดงความเคารพต่อครูศร พันโทวีระถึงกับสะดุด พูดไม่ออก ณ จุดนี้ ฉากนี้ บรรยากาศมันเศร้ามากๆ เศร้าโดยที่ไม่ต้องมีตัวละครใดพูดบทอะไรซักคำ ตัวเองถึงกับน้ำตาซึมแล้วก็เปลี่ยนเป็นไหลพราก ต้องยอมทิ้งความอายควานหาทิชชู่ในกระเป๋ามาซับน้ำตา มันซาบซึ้งกินใจจริงๆ ค่ะ
โดยรวมประทับใจค่ะ เป็นอีกเรื่องที่ยอมควักกระเป๋าซื้อของที่ระลึกมาเก็บไว้เตือนถึงความประทับใจในครั้งนี้ และสุดท้ายที่ต้องขอปรบมือให้อย่างดังๆ คือคุณธีรวัฒน์ อนุวัตรอุดม หรือพี่สังข์ ผู้กำกับละครเวทีเรื่องนี้และผู้บริหารแห่งโต๊ะกลม ที่ปั้นละครเวทีเรื่องนี้ให้เป็นรูปเป็นร่างได้...ดีเยี่ยมขนาดนี้ รอชมผลงานชิ้นต่อไปนะคะ