นายกรัฐมนตรีสั่งยุบพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ จ.เชียงใหม่กับแพร่ มูลค่า 2.7 พันล้าน อ้างไม่ก่อให้เกิดประโยชน์และไม่คุ้ม

กระทู้คำถาม
นายพิเชฐ ดุรงคเวโรจน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ได้สั่งให้ยุติโครงการจัดสร้างศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูงเพื่อ
การท่องเที่ยวที่ จ.เชียงใหม่ และศูนย์รวบรวมและถ่ายทอดเทคโนโลยีนวัตกรรมชั้นสูงเพื่อการเกษตรที่ จ.แพร่ ที่มีมูลค่า
2 แห่งรวมกันกว่า 2.7 พันล้านบาท โดยให้เหตุผลว่า เป็นโครงการที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์โดยรวมและคุ้มค่าในการลงทุน
แต่ให้สร้างศูนย์จัดแสดงนิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีไทย มูลค่า 2.2 พันล้านบาทขึ้นแทน ที่บริเวณองค์การพิพิธ
ภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ เทคโนธานี ต.คลองห้า อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินการให้เป็นเมืองวิทยาศาสตร์หรือ
ไซน์ ซิตี้ ซึ่งจะเริ่มสร้างภายในปีนี้ บนพื้นที่กว่า 52 ไร่ โดยอาคารดังกล่าวจะอยู่ด้านข้างอาคารตึกลูกเต๋า หรือตึก อพวช.

นายพิเชฐกล่าวต่อว่า สำหรับโครงการจัดสร้างเมืองวิทยาศาสตร์แห่งใหม่ ได้มีการหารือกับสำนักงานคณะกรรมการพัฒนา
เศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติแล้ว โดยจะมีการสร้างศูนย์จัดแสดงนิทรรศการวิทยาศาสตร์ฯ ให้เชื่อมต่อกับสำนักงานพัฒนา
วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ หรืออุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย ที่ตั้งอยู่บริเวณใกล้กับมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์
ศูนย์รังสิต โดยจะสร้างโครงสร้างสาธารณูปโภคพื้นฐานเป็นรถไฟทางเดี่ยว เพื่ออำนวยความสะดวกในการเดินทางให้กับ
ประชาชน และยังเชื่อมต่อไปถึง จ.พระนครศรีอยุธยา พร้อมมีแนวคิดให้มีพื้นที่อุตสาหกรรมไฮเทคระหว่างเส้นทาง
เนื่องจาก พล.อ.ประยุทธ์มองว่า พื้นที่บริเวณเทคโนธานีเป็นที่ตั้งของสถานที่สำคัญต่อการเรียนรู้ทางวิทยาศาสตร์ มูลค่า
1.8 พันล้านบาท ซึ่งจะเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการด้านสิ่งแวดล้อมและระบบนิเวศของไทยและของโลก รวมถึงแนวคิดและ
หลักการทรงงานของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 อีกทั้งบริเวณพื้นที่ใกล้เคียงยังมีแหล่งท่องเที่ยวเรียนรู้จำนวนมาก
ไม่ว่าจะเป็นบึงพระรามเก้า ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษารังสิต พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติกาญจนาภิเษก พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยา
เฉลิมพระเกียรติ หอจดหมายเหตุแห่งชาติเฉลิมพระเกียรติ และหออัครศิลปิน

โดยศูนย์แห่งนี้จะเป็นเหมือนอิมแพค เมืองทองธานี หรือไบเทค บางนา ซึ่งเป็นศูนย์กลางการรวบรวม ถ่ายทอด และจัดแสดงผลงาน
ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ตลอดจนจัดประชุมสัมมนาทางด้านวิทยาศาสตร์ของประเทศ
ภายในศูนย์จะประกอบไปด้วยพื้นที่
สำหรับจัดแสดงนิทรรศการวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่สำคัญของประเทศ เช่น มหกรรมวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งานเทคโนมาร์ท เป็นต้น


















ไม่เข้าใจเลยว่า เหตุผลอะไรกันแน่ถึงต้องมายุบทิ้งและย้ายไปปทุมธานีโครงการ
ดีๆแบบนี้จะทำลายทิ้งเพียงเพราะเป็นของรัฐบาลเก่างั้นหรือ เด็กที่แสวงหาความรู้
อยากเข้าชมสถานที่ดีๆจะได้มีโอกาสได้สัมผัสประสบการ์ณแบบเด็กๆในเมืองหลวง
ของประเทศที่ดึงเอาความเจริญไปกระจุกไว้ที่เดียวเด็กอยากจะแสวงหาแทนที่เค้าจะ
ได้ไปไกล้บ้านแต่กลับต้องไปไกลถึงปทุมยิ่งไปสร้างความเสี่ยงในการเดินทางให้กับ
เด็กอีกน่าเสียดายแทนเด็กรุ่นใหม่ที่จะไม่มีโอกาสได้เข้าไปดูพิพิธภัณฑ์ไกล้ๆบ้านอีก
ต่อไปแล้ว
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 24
เห็นด้วยกับแนวคิด คห.19 ครับ เห็นด้วยอย่างแรง...

แต่ท่านรู้ใหม ม.ชินวัตร ที่ผ่านมา 5-6 ปี เกือบจะเรียกว่า ม.สนธยา เงียบเชียบนัก แต่เขาก็ใหลลึก
โครงการต่างๆของไทยคม ทำมาตลอดในระดับเข้าถึงห้องเรียน มิวเซี่ยมด้านวิทยาศาสตร์ทั่วโลก
มีอยู่ในคอมพิเตอร์นั่นแล้ว ที่แสดงเป็นกายภาพก็เพื่อให้เยาวชนได้จับลูบคลำ ด้วยมือเป็นประสาท
สัมผัสที่ดีนอกเหนือจากตา หู จมูก ทุกจังหวัดมีแล้วครบครัน ระยะเวลาตั้งแต่ปี 2545 -2555 มีทำ
มาแล้ว ในนามกรมส่งเสริมการปกครองส่วนท้องถิ่น กรมๆนี้เป็นกรมใช้เงินที่สำคัญมาก ใช้ถูกทาง

ประเทศเจริญยิ่งใหญ่ กลับกัน มันใช้เงินเพื่อร้อยชักสามสิบ ศูนย์ที่มีอยู่แล้วควรพัฒนาให้ดียิ่งๆขึ้น
ไม่ใช่จะเอาใหม่ สร้างใหญ่กว่าเก่าร่ำไป สตง.ต้องส่ง จนท.ออกภาคสนาม ไปตรวจสอบย้อนหลัง
ทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่เว้นวันหยุดราชการ เจอทุกเม็ดทุกตะเข็บทิ้งร่องรอยเรี่ยราด อันนี้ของจริง

ย้อนหลังไปเมื่อปี 2545-49 ทักษินมีแนวคิดให้ทำศูนย์วิทย์ทุกโรงเรียน ย้ำทุกโรงเรียน งบฯปี 49
ไม่ได้ทำแลทำไม่ทันรถถังมาไล่เสียก่อน อย่างไรก็ตาม งบฯก้อนนี้เมื่อตกมาอยู่ในมือรัฐบาลขิงแก่
ยังมีใจอนุมัติให้ทำต่อ แต่ลดจาก 550 ศูนย์วิทย์ในโรงเรียนสังกัด อบจ.มีเหลือเพียง 50 ศูนย์วิทย์

และทำกันต่อมาเรื่อยเปื่อย เชื่อหรือไม่...บางจังหวัดอยากได้สำนักงาน อบจ.หลังใหม่ ที่สวยใหม่
อุส่าห์อุทิศอาคาร อบจ.เก่าให้ทำศูนย์วิทย์ ซ้ำซ้อนกับศูนย์วิทย์ที่มีอยู่แล้ว บริโภคร้อยชักสามสิบ
ไม่ต้องสงสัย เป็นทักษินนี่แหละที่เป็นเจ้ากระทรวงมหาดไทยสมัยปี 2551-53 ทักษินแน่เลยครับ

เพิ่มเติม...ทักษินได้เงินมาจากเพื่อนอาหรับ ญี่ปุ่นในช่วงปี 2555 มีแนวคิดส่งเสริมเกษตรกรไทย
เพื่อการพัฒนาผลิตผลด้านการผลิตข้าว อาหารในรูปแบบที่มีคุณสมบัติเหมาะสมแก่การส่งออกไป
ขายตลาดอ่าวอาหรับ ต่อเนื่องไปถึงประเทศเศรษฐีน้ำมันใหม่เช่น อาเซอร์ไบจาน เติร์กเมนิสถาน
(ประเทศเหล่านี้ชอบกินข้าวมาก สั่งทีเป็นแสนตัน ไทยทำตลาดผ่านบาห์เรนมาตลอดหลายสิบปี)

อนิจจา...มีพวกปากเน่า ปากเสีย ปากมอม ดีแต่พูด เอาไปบิดเบือนว่าทักษินพาพวกอาหรับมาซื้อที่ดินจากชาวนาไทย ที่ดินประเทศไทยตกเป็นของต่างชาติแล้วครึ่งประเทศ ทำได้แม้กระทั่งห้าม
แบงค์รัฐไม่ให้กู้เพื่อไปจ่ายเงินชาวนา ในอดีตพวกนี้ทำได้ยิ่งกว่านี้หลายๆเท่า หลากหลายรูปแบบ
ทักษินเขาอยากทำและทำแล้วหลายโครงการ แต่ถูกกดถูกเหยียบจนดินมีมากมาย ก็เจ็บจนชาชิน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่