บางคน หลายคน ลากตั้งมาอยู่ในตำแหน่งนานกว่านักเลือกตั้งแล้วครับ
ตั้งแต่ปี 49 ถึงวันนี้ และมีแนวโน้มว่าจะลากตั้งเข้ามามีตำแหน่งอีกต่อไปหลายปี
รวม ๆ แล้ว พวกนี้จะมีตำแหน่งติดต่อกันนานนับเกินสิบปี ใกล้ยี่สิบปี
และดีไม่ดี อาจอยู่ยาวเกินกว่ายี่สิบปีก็ได้
ยกตัวอย่าง นายคำนูณ สิทธิสมาน กับพวก
เข้ามามีตำแหน่ง สนช. หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
ต่อด้วยตำแหน่ง ส.ว. ลากตั้งในปี 51 ซึ่งวาระ ส.ว. มีวาระหกปี
ปี 54 ลาออกก่อนครบวาระ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามที่ว่าห้าม ส.ว.ลากตั้งดำรงตำแหน่งติดต่อกันสองวาระ
แล้วเข้ารับการลากตั้งกลับมาเป็น ส.ว. ในปี 54 อีกครั้ง
แปลว่า หากเป็น ส.ว. ลากตั้ง 51 ก็จะอยู่ถึงปี 57
แต่เมื่อจะมีการลากตั้ง ส.ว. ในปี 54 ก็ชิงลาออกเพื่อเลี่ยงข้อห้ามเรื่องสองสาระ
เพื่อเข้ารับการลากตั้งใหม่อีกครั้ง และก็ได้รับการลากตั้งเข้ามาในปี 54 เพื่ออยู่ยาวถึงปี 60
อยู่หกปีไม่พอใจ หวังอยู่ยาวเก้าปีเต็ม ๆ ไปเลย
ปี 57 มีการรัฐประหาร
พวกนี้ก็แยกย้ายกันไปเป็น สนช. บ้าง สปช. บ้าง
นายคำนูณ ได้เป็น สปช. แล้วเข้าเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีข้อห้ามดำรงตำแหน่งสองปี หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ
แต่อย่าคิดว่า พอรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว มีการเลือกตั้งแล้ว พวกนี้จะหายหน้าไปนะครับ
พวก สนช. สปช. ก็คงกลับเข้ามาในร่าง ส.ว. ลากตั้งอีกรอบ
ส่วนนายคำนูณ ที่ติดข้อห้ามเรื่องคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งสองปี
ก็คงเข้ามาในร่างสมัชชาคุณธรรม หรือสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป ที่ผลักดันอยู่ตอนนี้
และอ้างว่า ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง เป็นตำแหน่งทางวิชาการ ตำแหน่งทางสังคมไปโน่น
ซึ่งหากเป็นอย่างที่ผมว่า คนพวกนี้ จะอยู่ในสภาฯ นับจากปี 59 ไปอีกสี่ถึงหกปี
นับจากปี 49 ถึงวันที่พวกนี้จะหมดวาระ ราว ๆ ปี 63 หรือปี 65 ก็รวมระยะเวลาอยู่ในตำแหน่ 14 ถึง 16 ปี
ถ้านับเป็นวาระการดำรงตำแหน่งจากการเลือกตั้ง ก็คือสามสมัยกว่า สี่สมัยซ้อน
และดีไม่ดี หากเกิดรัฐประหารอีก พวกนี้ก็อยู่ต่ออีก รวมแล้วเกินยี่สิบปี
หรือหากไม่มีการรัฐประหารอีก พวกนี้ก็คงหาที่หาทางอยู่ต่อจนได้ ด้วยข้ออ้างสารพัด
อย่างที่นายวันชัย สอนศิริ ออกมาโยนหินถามทางนั่นแหละครับว่า อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้ง
เพราะยิ่งเลือกตั้งช้าเท่าไร ก็ได้อยู่ในตำแหน่งขณะนี้นานเท่านั้น
อยู่ตอนนี้นานเท่าไร ก็หมายถึงว่า อนาคตก็จะอยู่ยาวยืดออกไปอีก
ตอนนี้กำลังเดินตามรอยกัน วางแผนอยู่ยาวกันทั้งนั้นครับ ไม่ว่าหน้าเก่าหน้าใหม่
ฉาบหน้าที่เราเห็น คือพวกนี้ฉวยโอกาสแต่งตั้งลูก เมีย เครือญาติ เข้ามากินเงินเดือนอย่างไร้ยางอาย
แต่ในฉากหลังที่มองไม่เห็น
ใครจะรู้ ว่าพวกนี้อาศัยและใช้ตำแหน่งไปทำมาหากินอะไรบ้างอีก
รังเกียจ แหนงหน่าย สะอิดสะเอียนเหลือทนครับ
ถึงวันนี้ สิบปีที่พวกนี้เข้ามา มีอะไรที่เป็นคุโณปการแก่บ้านเมืองสักนิดบ้าง
ก็แค่อาศัยความขัดแย้ง ที่อำนาจนอกระบบมีกับฝ่ายทักษิณ
แล้วทำตัวเป็นทหารเลวรับใช้อำนาจนอกระบบทำหน้าที่คอยไล่ล่าทำลายล้างฝ่ายทักษิณเท่านั้นเอง
ประชาชนได้อะไรกับคนพวกนี้ ???
นักเลือกตั้งนั้น จะดีจะเลว อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าผ่านการเลือกจากประชาชน
จะซื้อเสียง จะโกงการเลือกตั้งเข้ามา ก็ยังดีกว่าพวกลากตั้ง
อ้างแต่ว่าไม่ได้ซื้อสิทธิขายเสียงเข้ามา ดูถูกเหยียดหยามนักเลือกตั้ง
แล้วใครจะตรวจสอบได้ ว่าพวกนี้ ไปวิ่งเต้น ติดสินบาทคาดสินบน มีสัญญาต่างตอบแทนกับคนที่ลากมันเข้ามาแค่ไหน ยังไง
มองอนาคตแล้ว ผมว่าประเทศไทยมีแต่จะวายป่วงครับ
เพราะการออกแบบรัฐธรรมนูญขณะนี้ กำลังทำให้เกิด ทำให้มี ทำให้ได้ "พวกเดียวกัน" เข้ามาครองอำนาจนัฐ
ส.ว. ลากตั้ง สมัชชาคุณธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป
บวกศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระหน้าเดิม ๆ
บวกกับนักการเมืองเบี้ยวหัวแตก ที่วางระบบการเลือกตั้งเอาไว้ไม่ให้พรรคใดได้เสียงข้างมาก
ใครจะตรวจสอบพวกมันได้
หวังให้พวกมันตรวจกันเองน่ะเหรอ
ไม่มีทาง !!!
ขนาดวันนี้เห็น ๆ ว่า ด่าคนอื่นเรื่องสภาผัวเมีย แต่พวกมันเล่นซะยกครัว
หรือเรื่อง ป.ป.ช. หนึ่งคนขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่แรก มีคนยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ
มันก็อ้างหน้าตาเฉย ว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบพวกเดียวกัน แล้วก็ให้นั่งทำงานต่อไปอย่างไม่แคร์ใคร แม้กระทั่งตัวบทกฎหมาย
วันนี้ ยังวายป่วงขนาดนี้
แล้ววันข้างหน้าต่อไปจะขนาดไหน
มีทางเดียวครับ ที่จะระงับยับยั้งความวายป่วงได้
คือต่อให้มีการออกแบบมาอย่างไร ก็เลือกฝ่ายตรงกันข้ามพวกมันให้เกินครึ่งมาก ๆ
ให้เป็นเสียงส่วนใหญ่ตบหน้าพวกมัน
หากมันอยากชนะ ให้มันรัฐประหารเอา อย่าให้มันมีความชอบธรรมด้วยการอ้างว่ามาตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง
ด้านได้อายอด ไม่มีใครที่จะเทียบพวก "คนดี" ได้เลย
เวรกรรมประเทศไทย
come come more than
ผมรังเกียจ สะอิดสะเอียน แหนงหน่ายเหล่านักลากตั้งเต็มทนครับ คนเราทำไมมันด้านได้อายอดได้ถึงขนาดนี้
ตั้งแต่ปี 49 ถึงวันนี้ และมีแนวโน้มว่าจะลากตั้งเข้ามามีตำแหน่งอีกต่อไปหลายปี
รวม ๆ แล้ว พวกนี้จะมีตำแหน่งติดต่อกันนานนับเกินสิบปี ใกล้ยี่สิบปี
และดีไม่ดี อาจอยู่ยาวเกินกว่ายี่สิบปีก็ได้
ยกตัวอย่าง นายคำนูณ สิทธิสมาน กับพวก
เข้ามามีตำแหน่ง สนช. หลังรัฐประหาร 19 ก.ย. 49
ต่อด้วยตำแหน่ง ส.ว. ลากตั้งในปี 51 ซึ่งวาระ ส.ว. มีวาระหกปี
ปี 54 ลาออกก่อนครบวาระ เพื่อหลีกเลี่ยงข้อห้ามที่ว่าห้าม ส.ว.ลากตั้งดำรงตำแหน่งติดต่อกันสองวาระ
แล้วเข้ารับการลากตั้งกลับมาเป็น ส.ว. ในปี 54 อีกครั้ง
แปลว่า หากเป็น ส.ว. ลากตั้ง 51 ก็จะอยู่ถึงปี 57
แต่เมื่อจะมีการลากตั้ง ส.ว. ในปี 54 ก็ชิงลาออกเพื่อเลี่ยงข้อห้ามเรื่องสองสาระ
เพื่อเข้ารับการลากตั้งใหม่อีกครั้ง และก็ได้รับการลากตั้งเข้ามาในปี 54 เพื่ออยู่ยาวถึงปี 60
อยู่หกปีไม่พอใจ หวังอยู่ยาวเก้าปีเต็ม ๆ ไปเลย
ปี 57 มีการรัฐประหาร
พวกนี้ก็แยกย้ายกันไปเป็น สนช. บ้าง สปช. บ้าง
นายคำนูณ ได้เป็น สปช. แล้วเข้าเป็นคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญ ที่มีข้อห้ามดำรงตำแหน่งสองปี หลังร่างรัฐธรรมนูญเสร็จ
แต่อย่าคิดว่า พอรัฐธรรมนูญเสร็จแล้ว มีการเลือกตั้งแล้ว พวกนี้จะหายหน้าไปนะครับ
พวก สนช. สปช. ก็คงกลับเข้ามาในร่าง ส.ว. ลากตั้งอีกรอบ
ส่วนนายคำนูณ ที่ติดข้อห้ามเรื่องคณะกรรมาธิการยกร่างรัฐธรรมนูญห้ามดำรงตำแหน่งสองปี
ก็คงเข้ามาในร่างสมัชชาคุณธรรม หรือสภาขับเคลื่อนการปฏิรูป ที่ผลักดันอยู่ตอนนี้
และอ้างว่า ไม่ใช่ตำแหน่งทางการเมือง เป็นตำแหน่งทางวิชาการ ตำแหน่งทางสังคมไปโน่น
ซึ่งหากเป็นอย่างที่ผมว่า คนพวกนี้ จะอยู่ในสภาฯ นับจากปี 59 ไปอีกสี่ถึงหกปี
นับจากปี 49 ถึงวันที่พวกนี้จะหมดวาระ ราว ๆ ปี 63 หรือปี 65 ก็รวมระยะเวลาอยู่ในตำแหน่ 14 ถึง 16 ปี
ถ้านับเป็นวาระการดำรงตำแหน่งจากการเลือกตั้ง ก็คือสามสมัยกว่า สี่สมัยซ้อน
และดีไม่ดี หากเกิดรัฐประหารอีก พวกนี้ก็อยู่ต่ออีก รวมแล้วเกินยี่สิบปี
หรือหากไม่มีการรัฐประหารอีก พวกนี้ก็คงหาที่หาทางอยู่ต่อจนได้ ด้วยข้ออ้างสารพัด
อย่างที่นายวันชัย สอนศิริ ออกมาโยนหินถามทางนั่นแหละครับว่า อย่าเพิ่งรีบเลือกตั้ง
เพราะยิ่งเลือกตั้งช้าเท่าไร ก็ได้อยู่ในตำแหน่งขณะนี้นานเท่านั้น
อยู่ตอนนี้นานเท่าไร ก็หมายถึงว่า อนาคตก็จะอยู่ยาวยืดออกไปอีก
ตอนนี้กำลังเดินตามรอยกัน วางแผนอยู่ยาวกันทั้งนั้นครับ ไม่ว่าหน้าเก่าหน้าใหม่
ฉาบหน้าที่เราเห็น คือพวกนี้ฉวยโอกาสแต่งตั้งลูก เมีย เครือญาติ เข้ามากินเงินเดือนอย่างไร้ยางอาย
แต่ในฉากหลังที่มองไม่เห็น
ใครจะรู้ ว่าพวกนี้อาศัยและใช้ตำแหน่งไปทำมาหากินอะไรบ้างอีก
รังเกียจ แหนงหน่าย สะอิดสะเอียนเหลือทนครับ
ถึงวันนี้ สิบปีที่พวกนี้เข้ามา มีอะไรที่เป็นคุโณปการแก่บ้านเมืองสักนิดบ้าง
ก็แค่อาศัยความขัดแย้ง ที่อำนาจนอกระบบมีกับฝ่ายทักษิณ
แล้วทำตัวเป็นทหารเลวรับใช้อำนาจนอกระบบทำหน้าที่คอยไล่ล่าทำลายล้างฝ่ายทักษิณเท่านั้นเอง
ประชาชนได้อะไรกับคนพวกนี้ ???
นักเลือกตั้งนั้น จะดีจะเลว อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าผ่านการเลือกจากประชาชน
จะซื้อเสียง จะโกงการเลือกตั้งเข้ามา ก็ยังดีกว่าพวกลากตั้ง
อ้างแต่ว่าไม่ได้ซื้อสิทธิขายเสียงเข้ามา ดูถูกเหยียดหยามนักเลือกตั้ง
แล้วใครจะตรวจสอบได้ ว่าพวกนี้ ไปวิ่งเต้น ติดสินบาทคาดสินบน มีสัญญาต่างตอบแทนกับคนที่ลากมันเข้ามาแค่ไหน ยังไง
มองอนาคตแล้ว ผมว่าประเทศไทยมีแต่จะวายป่วงครับ
เพราะการออกแบบรัฐธรรมนูญขณะนี้ กำลังทำให้เกิด ทำให้มี ทำให้ได้ "พวกเดียวกัน" เข้ามาครองอำนาจนัฐ
ส.ว. ลากตั้ง สมัชชาคุณธรรม สภาขับเคลื่อนการปฏิรูป
บวกศาลรัฐธรรมนูญ และองค์กรอิสระหน้าเดิม ๆ
บวกกับนักการเมืองเบี้ยวหัวแตก ที่วางระบบการเลือกตั้งเอาไว้ไม่ให้พรรคใดได้เสียงข้างมาก
ใครจะตรวจสอบพวกมันได้
หวังให้พวกมันตรวจกันเองน่ะเหรอ
ไม่มีทาง !!!
ขนาดวันนี้เห็น ๆ ว่า ด่าคนอื่นเรื่องสภาผัวเมีย แต่พวกมันเล่นซะยกครัว
หรือเรื่อง ป.ป.ช. หนึ่งคนขาดคุณสมบัติมาตั้งแต่แรก มีคนยื่นหนังสือให้ตรวจสอบ
มันก็อ้างหน้าตาเฉย ว่าไม่มีอำนาจหน้าที่ตรวจสอบพวกเดียวกัน แล้วก็ให้นั่งทำงานต่อไปอย่างไม่แคร์ใคร แม้กระทั่งตัวบทกฎหมาย
วันนี้ ยังวายป่วงขนาดนี้
แล้ววันข้างหน้าต่อไปจะขนาดไหน
มีทางเดียวครับ ที่จะระงับยับยั้งความวายป่วงได้
คือต่อให้มีการออกแบบมาอย่างไร ก็เลือกฝ่ายตรงกันข้ามพวกมันให้เกินครึ่งมาก ๆ
ให้เป็นเสียงส่วนใหญ่ตบหน้าพวกมัน
หากมันอยากชนะ ให้มันรัฐประหารเอา อย่าให้มันมีความชอบธรรมด้วยการอ้างว่ามาตามรัฐธรรมนูญอย่างถูกต้อง
ด้านได้อายอด ไม่มีใครที่จะเทียบพวก "คนดี" ได้เลย
เวรกรรมประเทศไทย
come come more than