คลังรับเศรษฐกิจไทยยังไม่พ้นโคม่า! "สมหมาย"ตั้งธงกระตุ้นการใช้จ่าย
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ว่าถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไทยจะถูกปรับลดเป้าหมายจีดีพีลง เพราะในขณะนี้ ทุกสำนักวิเคราะห์มองไปในทิศทางเดียวกันจึงได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความหวังในช่วงครึ่งหลังปี 58 เศรษฐกิจไทยดีกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจไทยนอกจากจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก ยังมาจากปัจจัยพื้นฐาน กรณีที่ไทยหยุดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมานาน 6-7 เดือน ในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้คนทำมาหากินไม่ได้ และรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่มีงานทำ
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นอย่างแน่นอน เพื่อให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในทุกกระทรวง ซึ่งผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการไปหลายมาตรการถือว่า ได้ผลพอสมควรและเริ่มเห็นชัดว่าในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก็เริ่มดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่มีตัวเลขการค้าและจีดีพีโลกที่จัดทำโดยเอดีบีและธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) พบว่า มูลค่าการค้าของโลกตั้งแต่ปี 2551-2557 ปรับลดลง เมื่อเทียบกับปี 2544-2550”
ส่วนการเบิกจ่ายขณะนี้ทำได้เต็มที่แล้ว ซึ่งการใช้จ่ายภาครัฐที่ทุกคนหวังให้มาช่วยผลักดันเศรษฐกิจนั้น มีสัดส่วนเพียง 21-22% ของจีดีพีเท่านั้น ขณะที่การส่งออกมีสัดส่วนถึง 70% ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ไปให้ได้
ที่มา -
ไทยรัฐ
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
'โฆสิต' คาด ศก.ปีนี้โต 3-4% ชี้ปมการเมือง ทำลายระบบ ฉุดลงทุน
"โฆสิต" คาด ศก.ปีนี้โต 3-4% แต่อย่าหวัง จะลื่นไหล อาจผิดหวัง ชี้ปัญหามาจากการออมที่น้อยเกินไป ขณะที่ "หม่อมอุ๋ย" สัมภาษณ์สื่อนอก เชื่อ ศก.ไทย จะโตกว่า 3% แม้ส่งออกชะลอตัว พร้อมเดินหน้าสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติรอบใหม่...
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ว่า กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีปัญหาจากภายในและภายนอกประเทศ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวในระดับ 3-4% ซึ่งเป็นระดับที่ใช้ได้
"แต่อย่าหวังเศรษฐกิจลื่นไหล ซื้อง่ายขายคล่องยังไม่ได้ เพราะถ้าหวังมากกว่านี้จะผิดหวัง และจะทำให้ประเทศโตต่อเนื่องด้วยนโยบายประชานิยมตลอดเวลา คงไม่ดี"
พร้อมระบุ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำลายระบบการเตรียมการ และวางแผนโครงการลงทุนที่ถูกต้องของรัฐบาล ทำให้โครงการลงทุนที่ทำจริงมีน้อยมาก และทำให้ปัญหาประเทศที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่การบริโภคน้อยเกินไป แต่มาจากการออมที่น้อยเกินไป
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ CNBC ระหว่างการประชุม 2015 Asian Investment โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวกว่า 3% ในปีนี้ แม้ว่าความต้องการสินค้าส่งออกในตลาดหลักๆ ของไทย เช่น สหรัฐฯ จะชะลอตัวลงก็ตาม
ส่วนการปฏิรูปของไทยนั้น มีเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการยกเลิกการให้เงินอุดหนุนด้านเชื้อเพลิง ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้วางแผนที่จะใช้ถ่านหินสะอาด รวมทั้งเปิดตัวโครงการสำรวจหาแหล่งก๊าซธรรมชาติรอบใหม่ โดยจะพิจารณาพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงาน
ที่มา -
ไทยรัฐ
'ประวิตร' หารือนักธุรกิจ สร้างเชื่อมั่นการลงทุน
"ประวิตร" พร้อม "สมคิด-อุดมเดช" หารือนักธุรกิจในประเทศ การแก้ปัญหาภาคส่งออก การลงทุน พร้อมให้ความเชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้น เชื่อนักธุรกิจไม่ติดใจกฎอัยการศึก...
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 มี.ค.ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เชิญนักธุรกิจไทยมาหารือเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาภายหลังสถานการณ์ส่งออกสินค้าไทยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ติดลบประมาณ 4.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมทั้งจะชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาฯ คสช.เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของภาคธุรกิจเข้าร่วม 20 คน อาทิ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารทรูคอร์ปอเรชั่น (ซีพี) นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สภาผู้ส่งออก นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นการหารือกันในเรื่องของความมั่นคงที่ต้องคู่กับเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่มั่นคง ความมั่นคงก็ไม่มั่นคงเช่นกัน เรามาทำความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งทางนักธุรกิจในสาขาต่างๆ ก็เข้าใจว่า รัฐบาลดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้ เราก็อยากจะรู้ว่าทางนักธุรกิจ อยากให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง ทั้งนี้สิ่งที่เขาต้องการ เราก็รับทราบแต่คงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ อย่างไรก็ตามนักธุรกิจ เสนอความต้องการมาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับหน่วยงานราชการ บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานราชการทำอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้รัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสะดวกในการลงทุน
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า การดำเนินการสนับสนุนนักลงธุรกิจในแต่ละด้านนั้น บางเรื่องจะดำเนินการทันทีทันใดคงไม่ได้ ต้องแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว นอกจากนี้นักธุรกิจยังกล่าวถึงสาเหตุการส่งออกที่ติดลบและมั่นใจแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่าต่อไปจะดีขึ้นแน่นอน ส่วนปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกนั้น คงเป็นในเรื่องของค่าเงินที่แข็งเกินไป
"การที่ระบบธุรกิจไม่เดิน เนื่องจากสภาพการเงินข้างล่างไม่หมุน ซึ่งรัฐบาลพยายามส่งงบประมาณลงไปสนับสนุนเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งก็กระเตื้องขึ้นมา โดยเฉพาะในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่ดีขึ้น 35% อย่างไรก็ตามนักธุรกิจไม่ได้ติดใจหรือเสนอให้มีการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกแต่อย่างใด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ที่มา -
ไทยรัฐ
น้ำมัน-ทองร่วงหนัก ฉุดส่งออก ก.พ. ติดลบ 6.14% ต่ำสุดรอบ 6 เดือน
พณ. เผยส่งออกก.พ.ร่วงต่ำสุด 6.14% ในรอบ 6 เดือน หลังราคาน้ำมัน-ทองร่วงหนัก ชี้หากตัดมูลค่าส่งออกน้ำมัน-ทอง ที่มีสัดส่วน 88.7% ออก จะทำให้ติดลบแค่ 2.4% เท่านั้น อีกทั้งการซื้อทองเก็งกำไร แต่ไม่ส่งออก ได้ฉุดส่งออกภาพรวมร่วงหนัก ยังเชื่อปีนี้จะขยายตัวเป็นบวก...
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนก.พ.58 มีมูลค่าการส่งออก 17,230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 6.14% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนนับจากเดือนส.ค.57 ที่ลดลง 7.40% ด้วยมูลค่า 18,943.3 ล้านเหรียญฯ ส่วนเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 558,292 ล้านบาท ลดลง 6.78% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,840 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 1.47% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 552,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.81% ส่งผลให้มีดุลการค้าเกินดุล 390 ล้านเหรียญฯ หรือเกินดุล 6,217 ล้านบาท
ส่วนในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 58 มีมูลค่าการส่งออก 34,478 ล้านเหรียญฯ ลดลง 4.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1.121 ล้านล้านบาท ลดลง 4.60% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 34,544.8 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6.69% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1.136 ล้านล้านบาท ลดลง 6.40% ส่งผลให้มีดุลการค้าขาดดุล 66.3 ล้านเหรียญฯ หรือขาดดุล 15,394.5 ล้านบาท
"สาเหตุที่ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยเดือนก.พ. ลดลงมาก มาจากราคาน้ำมัน และทองคำลดลง ทำให้ไทยส่งออกสินค้าทั้ง 2 ชนิดนี้ได้มูลค่าน้อยลง โดยเฉพาะทองคำ มูลค่าการส่งออกลดลงมากถึง 66% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.57 แสดงว่า มีการซื้อเพื่อเก็งกำไร จึงไม่มีการส่งออก แต่ถ้าเดือนไหนที่มูลค่าทองคำเพิ่มขึ้น จะมีการส่งออกทองคำมาก และจะทำให้มูลค่าการส่งออกในภาพรวมของไทยเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การส่งออกไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ดี แต่จะเป็นอัตราเท่าไรต้องพิจารณาหลังไตรมาสแรกไปแล้ว"
ทั้งนี้ หากตัดมูลค่าการส่งออกน้ำมัน และทองคำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้ออกจากมูลค่าการส่งออกในภาพรวม จะทำให้มูลค่าการส่งออกที่แท้จริงในเดือนก.พ.58 อยู่ที่ 15,288 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.4% เท่านั้น เพราะการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน มีมูลค่าน้อยเพียง 1,778 ล้านเหรียญฯ แต่มีอัตราการขยายตัวลดลงสูงถึง 12.5% และมูลค่าการส่งออกทองคำน้อยเพียง 164 ล้านเหรียญฯ แต่มีอัตราการขยายตัวลดลงสูงถึง 66% โดยสินค้าทั้ง 2 รายการมีสัดส่วนในการส่งออกรวมของไทยมาก ดังนั้น เมื่อมีอัตราการขยายตัวลดลงมาก จึงทำให้อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในภาพรวมลดลงมากตามไปด้วย
สำหรับแนวทางการดำเนินการของไทยนั้น จะเน้นการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการรักษาตลาดเก่า รวมถึงการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาการค้ามากขึ้น อำนวยความสะดวกด้านการค้าให้กับผู้ส่งออก โดยในเร็วๆ นี้ จะเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าให้กับผู้ส่งออกด้วย เพื่อให้การส่งออกคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงจะเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ให้กับผู้ส่งออกไทย เช่น สนับสนุนให้ซื้อขายผ่านออนไลน์มากขึ้น พัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้มีการส่งออกมากขึ้นด้วย
ที่มา -
ไทยรัฐ
ไทยรัฐ: ขุนคลังรับ เศรษฐกิจไทยยังโคม่า! เร่งกระตุ้นการใช้จ่าย, ธ.กรุงเทพ ชี้ปมการเมืองฉุดลงทุน, ส่งออก ก.พ. ติดลบ 6.14%
คลังรับเศรษฐกิจไทยยังไม่พ้นโคม่า! "สมหมาย"ตั้งธงกระตุ้นการใช้จ่าย
นายสมหมาย ภาษี รมว.คลัง กล่าวถึงกรณีธนาคารพัฒนาเอเชีย (เอดีบี) ปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจไทยเหลือ 3.6% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ว่าถือเป็นเรื่องธรรมดาที่ไทยจะถูกปรับลดเป้าหมายจีดีพีลง เพราะในขณะนี้ ทุกสำนักวิเคราะห์มองไปในทิศทางเดียวกันจึงได้ปรับลดตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจไทยในปีนี้ลงมาอยู่ในระดับที่ใกล้เคียงกัน โดยมีความหวังในช่วงครึ่งหลังปี 58 เศรษฐกิจไทยดีกว่านี้ แต่ในความเป็นจริงแล้ว เศรษฐกิจไทยนอกจากจะขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจโลก ยังมาจากปัจจัยพื้นฐาน กรณีที่ไทยหยุดการเคลื่อนไหวทางเศรษฐกิจมานาน 6-7 เดือน ในช่วงที่เกิดปัญหาทางการเมือง ทำให้คนทำมาหากินไม่ได้ และรัฐบาลที่ผ่านมาก็ไม่มีงานทำ
“ผมยืนยันว่ารัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นอย่างแน่นอน เพื่อให้เกิดการลงทุนและการใช้จ่ายในทุกกระทรวง ซึ่งผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการไปหลายมาตรการถือว่า ได้ผลพอสมควรและเริ่มเห็นชัดว่าในเดือน ก.พ.ที่ผ่านมาก็เริ่มดีขึ้นกว่าปีที่ผ่านมา ซึ่งเท่าที่มีตัวเลขการค้าและจีดีพีโลกที่จัดทำโดยเอดีบีและธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) พบว่า มูลค่าการค้าของโลกตั้งแต่ปี 2551-2557 ปรับลดลง เมื่อเทียบกับปี 2544-2550”
ส่วนการเบิกจ่ายขณะนี้ทำได้เต็มที่แล้ว ซึ่งการใช้จ่ายภาครัฐที่ทุกคนหวังให้มาช่วยผลักดันเศรษฐกิจนั้น มีสัดส่วนเพียง 21-22% ของจีดีพีเท่านั้น ขณะที่การส่งออกมีสัดส่วนถึง 70% ดังนั้น ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องทั้งภาครัฐ และเอกชนต้องร่วมมือกันในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยให้ผ่านพ้นช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้ไปให้ได้
ที่มา - ไทยรัฐ
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
'โฆสิต' คาด ศก.ปีนี้โต 3-4% ชี้ปมการเมือง ทำลายระบบ ฉุดลงทุน
"โฆสิต" คาด ศก.ปีนี้โต 3-4% แต่อย่าหวัง จะลื่นไหล อาจผิดหวัง ชี้ปัญหามาจากการออมที่น้อยเกินไป ขณะที่ "หม่อมอุ๋ย" สัมภาษณ์สื่อนอก เชื่อ ศก.ไทย จะโตกว่า 3% แม้ส่งออกชะลอตัว พร้อมเดินหน้าสำรวจแหล่งก๊าซธรรมชาติรอบใหม่...
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงภาวะเศรษฐกิจไทยในขณะนี้ ว่า กำลังฟื้นตัวอย่างช้าๆ โดยมีปัญหาจากภายในและภายนอกประเทศ แต่เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปีนี้จะขยายตัวในระดับ 3-4% ซึ่งเป็นระดับที่ใช้ได้
"แต่อย่าหวังเศรษฐกิจลื่นไหล ซื้อง่ายขายคล่องยังไม่ได้ เพราะถ้าหวังมากกว่านี้จะผิดหวัง และจะทำให้ประเทศโตต่อเนื่องด้วยนโยบายประชานิยมตลอดเวลา คงไม่ดี"
พร้อมระบุ การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองบ่อยครั้งในช่วงที่ผ่านมา ได้ทำลายระบบการเตรียมการ และวางแผนโครงการลงทุนที่ถูกต้องของรัฐบาล ทำให้โครงการลงทุนที่ทำจริงมีน้อยมาก และทำให้ปัญหาประเทศที่มีอยู่ตอนนี้ไม่ได้อยู่ที่การบริโภคน้อยเกินไป แต่มาจากการออมที่น้อยเกินไป
ขณะที่ ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีด้านเศรษฐกิจ ให้สัมภาษณ์ CNBC ระหว่างการประชุม 2015 Asian Investment โดยคาดว่า เศรษฐกิจไทยจะขยายตัวกว่า 3% ในปีนี้ แม้ว่าความต้องการสินค้าส่งออกในตลาดหลักๆ ของไทย เช่น สหรัฐฯ จะชะลอตัวลงก็ตาม
ส่วนการปฏิรูปของไทยนั้น มีเป้าหมายที่จะแก้ไขปัญหาทางเศรษฐกิจ รวมทั้งการยกเลิกการให้เงินอุดหนุนด้านเชื้อเพลิง ขณะเดียวกัน รัฐบาลได้วางแผนที่จะใช้ถ่านหินสะอาด รวมทั้งเปิดตัวโครงการสำรวจหาแหล่งก๊าซธรรมชาติรอบใหม่ โดยจะพิจารณาพลังงานที่สามารถนำกลับมาใช้ได้อีกครั้ง เพื่อพัฒนาความมั่นคงด้านพลังงาน
ที่มา - ไทยรัฐ
'ประวิตร' หารือนักธุรกิจ สร้างเชื่อมั่นการลงทุน
"ประวิตร" พร้อม "สมคิด-อุดมเดช" หารือนักธุรกิจในประเทศ การแก้ปัญหาภาคส่งออก การลงทุน พร้อมให้ความเชื่อมั่นภาพรวมเศรษฐกิจจะดีขึ้น เชื่อนักธุรกิจไม่ติดใจกฎอัยการศึก...
เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 26 มี.ค.ที่อาคารเกษะโกมล พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ได้เชิญนักธุรกิจไทยมาหารือเพื่อรับฟังข้อเสนอแนะ และแนวทางการแก้ไขปัญหาภายหลังสถานการณ์ส่งออกสินค้าไทยในช่วงเดือน ม.ค.-ก.พ.ที่ผ่านมา ติดลบประมาณ 4.8% เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน พร้อมทั้งจะชี้แจงแนวทางการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล โดยมีนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ที่ปรึกษา คสช.ฝ่ายเศรษฐกิจ พล.อ.อุดมเดช สีตบุตร เลขาฯ คสช.เข้าร่วมด้วย
ทั้งนี้ ในส่วนของภาคธุรกิจเข้าร่วม 20 คน อาทิ นายอิสระ ว่องกุศลกิจ ประธานหอการค้าไทย นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย นายศุภชัย เจียรวนนท์ ประธานกรรมการบริหารทรูคอร์ปอเรชั่น (ซีพี) นายพงษ์ศักดิ์ อัสสกุล นายกสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย นายวัลลภ วิตนากร รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย หรือ สภาผู้ส่งออก นายสาระ ล่ำซำ กรรมการผู้จัดการและประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทเมืองไทย นายพจน์ อร่ามวัฒนานนท์ นายกสมาคมอาหารแช่เยือกแข็งไทย นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร
ภายหลังการประชุม พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า เป็นการหารือกันในเรื่องของความมั่นคงที่ต้องคู่กับเศรษฐกิจ เพราะถ้าเศรษฐกิจไม่มั่นคง ความมั่นคงก็ไม่มั่นคงเช่นกัน เรามาทำความเข้าใจว่าควรจะทำอย่างไร ซึ่งทางนักธุรกิจในสาขาต่างๆ ก็เข้าใจว่า รัฐบาลดำเนินการอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้ เราก็อยากจะรู้ว่าทางนักธุรกิจ อยากให้รัฐบาลทำอะไรเพิ่มเติมบ้าง ทั้งนี้สิ่งที่เขาต้องการ เราก็รับทราบแต่คงต้องใช้เวลาในการดำเนินการ อย่างไรก็ตามนักธุรกิจ เสนอความต้องการมาเป็นจำนวนมาก ส่วนใหญ่เกี่ยวข้องกับความร่วมมือระหว่างภาคเอกชนกับหน่วยงานราชการ บางครั้งเขาก็ไม่รู้ว่าหน่วยงานราชการทำอะไรไปแล้วบ้าง ทั้งนี้รัฐบาลพยายามดำเนินการทุกอย่างเพื่อให้เกิดความสะดวกในการลงทุน
พล.อ.ประวิตร กล่าวอีกว่า การดำเนินการสนับสนุนนักลงธุรกิจในแต่ละด้านนั้น บางเรื่องจะดำเนินการทันทีทันใดคงไม่ได้ ต้องแบ่งเป็นระยะสั้น ระยะกลาง ระยะยาว นอกจากนี้นักธุรกิจยังกล่าวถึงสาเหตุการส่งออกที่ติดลบและมั่นใจแนวทางการแก้ปัญหาของรัฐบาลว่าต่อไปจะดีขึ้นแน่นอน ส่วนปัญหาที่ส่งผลกระทบต่อการส่งออกนั้น คงเป็นในเรื่องของค่าเงินที่แข็งเกินไป
"การที่ระบบธุรกิจไม่เดิน เนื่องจากสภาพการเงินข้างล่างไม่หมุน ซึ่งรัฐบาลพยายามส่งงบประมาณลงไปสนับสนุนเพื่อให้เกิดการหมุนเวียน ซึ่งก็กระเตื้องขึ้นมา โดยเฉพาะในเรื่องอสังหาริมทรัพย์ ที่ดีขึ้น 35% อย่างไรก็ตามนักธุรกิจไม่ได้ติดใจหรือเสนอให้มีการยกเลิกการประกาศใช้กฎอัยการศึกแต่อย่างใด" พล.อ.ประวิตรกล่าว
ที่มา - ไทยรัฐ
น้ำมัน-ทองร่วงหนัก ฉุดส่งออก ก.พ. ติดลบ 6.14% ต่ำสุดรอบ 6 เดือน
พณ. เผยส่งออกก.พ.ร่วงต่ำสุด 6.14% ในรอบ 6 เดือน หลังราคาน้ำมัน-ทองร่วงหนัก ชี้หากตัดมูลค่าส่งออกน้ำมัน-ทอง ที่มีสัดส่วน 88.7% ออก จะทำให้ติดลบแค่ 2.4% เท่านั้น อีกทั้งการซื้อทองเก็งกำไร แต่ไม่ส่งออก ได้ฉุดส่งออกภาพรวมร่วงหนัก ยังเชื่อปีนี้จะขยายตัวเป็นบวก...
เมื่อวันที่ 26 มี.ค. น.ส.ชุติมา บุณยประภัศร ปลัดกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยถึงสถิติการค้าระหว่างประเทศของไทยว่า ในเดือนก.พ.58 มีมูลค่าการส่งออก 17,230 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลง 6.14% เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน นับเป็นการลดลงต่ำสุดในรอบ 6 เดือนนับจากเดือนส.ค.57 ที่ลดลง 7.40% ด้วยมูลค่า 18,943.3 ล้านเหรียญฯ ส่วนเมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 558,292 ล้านบาท ลดลง 6.78% ขณะที่การนำเข้ามีมูลค่า 16,840 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 1.47% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 552,075 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.81% ส่งผลให้มีดุลการค้าเกินดุล 390 ล้านเหรียญฯ หรือเกินดุล 6,217 ล้านบาท
ส่วนในช่วง 2 เดือน (ม.ค.-ก.พ.) ปี 58 มีมูลค่าการส่งออก 34,478 ล้านเหรียญฯ ลดลง 4.82% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน คิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1.121 ล้านล้านบาท ลดลง 4.60% ส่วนการนำเข้ามีมูลค่า 34,544.8 ล้านเหรียญฯ ลดลง 6.69% เมื่อคิดเป็นเงินบาทมีมูลค่า 1.136 ล้านล้านบาท ลดลง 6.40% ส่งผลให้มีดุลการค้าขาดดุล 66.3 ล้านเหรียญฯ หรือขาดดุล 15,394.5 ล้านบาท
"สาเหตุที่ทำให้มูลค่าการส่งออกไทยเดือนก.พ. ลดลงมาก มาจากราคาน้ำมัน และทองคำลดลง ทำให้ไทยส่งออกสินค้าทั้ง 2 ชนิดนี้ได้มูลค่าน้อยลง โดยเฉพาะทองคำ มูลค่าการส่งออกลดลงมากถึง 66% เมื่อเทียบกับเดือนก.พ.57 แสดงว่า มีการซื้อเพื่อเก็งกำไร จึงไม่มีการส่งออก แต่ถ้าเดือนไหนที่มูลค่าทองคำเพิ่มขึ้น จะมีการส่งออกทองคำมาก และจะทำให้มูลค่าการส่งออกในภาพรวมของไทยเพิ่มขึ้นด้วย อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่า การส่งออกไทยปีนี้ยังขยายตัวได้ดี แต่จะเป็นอัตราเท่าไรต้องพิจารณาหลังไตรมาสแรกไปแล้ว"
ทั้งนี้ หากตัดมูลค่าการส่งออกน้ำมัน และทองคำ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไทยไม่สามารถควบคุมได้ออกจากมูลค่าการส่งออกในภาพรวม จะทำให้มูลค่าการส่งออกที่แท้จริงในเดือนก.พ.58 อยู่ที่ 15,288 ล้านเหรียญฯ ลดลง 2.4% เท่านั้น เพราะการส่งออกสินค้าที่เกี่ยวกับน้ำมัน มีมูลค่าน้อยเพียง 1,778 ล้านเหรียญฯ แต่มีอัตราการขยายตัวลดลงสูงถึง 12.5% และมูลค่าการส่งออกทองคำน้อยเพียง 164 ล้านเหรียญฯ แต่มีอัตราการขยายตัวลดลงสูงถึง 66% โดยสินค้าทั้ง 2 รายการมีสัดส่วนในการส่งออกรวมของไทยมาก ดังนั้น เมื่อมีอัตราการขยายตัวลดลงมาก จึงทำให้อัตราการขยายตัวของมูลค่าการส่งออกในภาพรวมลดลงมากตามไปด้วย
สำหรับแนวทางการดำเนินการของไทยนั้น จะเน้นการส่งออกไปตลาดใหม่เพิ่มขึ้น ควบคู่กับการรักษาตลาดเก่า รวมถึงการจัดคณะผู้แทนการค้าเดินทางไปเจรจาการค้ามากขึ้น อำนวยความสะดวกด้านการค้าให้กับผู้ส่งออก โดยในเร็วๆ นี้ จะเสนอให้คณะกรรมการพัฒนาการส่งออก ที่มี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นประธาน พิจารณาแก้ปัญหาที่เป็นอุปสรรคทางการค้าให้กับผู้ส่งออกด้วย เพื่อให้การส่งออกคล่องตัวมากขึ้น รวมถึงจะเพิ่มช่องทางใหม่ๆ ให้กับผู้ส่งออกไทย เช่น สนับสนุนให้ซื้อขายผ่านออนไลน์มากขึ้น พัฒนาผู้ประกอบการขนาดกลางและเล็ก (เอสเอ็มอี) ให้มีการส่งออกมากขึ้นด้วย
ที่มา - ไทยรัฐ