สวัสดีครับ หลังจากที่ผมได้ถ่ายทอดเรื่องเล่าจากประสบการณ์ไปแล้วก่อนหน้านี้ รวม 2 เรื่อง ได้แก่ เรื่องงูยักษ์สีดำและชายโบราณนุ่งห่มผ้าแดง
เรื่องเล่าต่อไปนี้ คือ ชุดเหตุการณ์ลวงหลอกหลอนเรื่องสุดท้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผม ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่างวันเวลากัน แต่ตรงกันจนทำให้ผมกลัวสุดขีด > กระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ > และปล่อยวางได้ในที่สุด
เรื่องของเรื่องเริ่มต้นจากช่วงที่ผมใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัย ผมจำเป็นต้องย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยชั้นหนึ่งมีห้องนอนและห้องน้ำอย่างละ 1 ห้อง พร้อมโถงรับแขกและครัวขนาดย่อม ส่วนชั้นสองทำด้วยไม้ทั้งหมด มี 2 ห้องนอน ผมเลือกอยู่ชั้นสองห้องแรกติดบันไดทางเดิน โดยช่วงที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ นั้น สิ่งแรกที่ผมเห็นและสะดุดตาที่สุดก็คือ เสาไม้ในห้องนอนของผม เสาไม้ต้นนี้มีขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก ประมาณ 2 ศอก เคลือบแชลคขัดเงา สีไม้ออกแดงอมดำ ตรึงฝาผนังและค้ำยันเพดานห้อง ส่วนบริเวณหัวเสามีผ้า 7 ผืน ผืนละสีรวม 7 สี พันมัดรอบเสาคล้ายเสาหลักเมืองแต่ต่างกันตรงที่ผ้าทุกชิ้นมีสีหม่นดำคล้ำบ่งบอกได้ว่าน่าจะใช้ผูกมัดเสาต้นนี้มานานแล้วหลายปี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือมีลางสังหรณ์อะไร กระทั่งอยู่ไปประมาณ 2 ถึง 3 เดือน ผมสังเกตเห็นว่าเสาไม้มีอาการตกน้ำมันลักษณะคล้ายๆ กับคราบน้ำตาเทียนไหลย้อยออกมา แต่ไม่กี่วันคราบต่างๆ ก็จะหายไปเอง และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจะด้วยความบังเอิญหรือไม่อย่างไร ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเริ่มฝันเรื่องเดียวกันซ้ำๆ ติดต่อกันหลายคืนเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เมื่ิอยามผมตื่นไม่ว่าผมจะพยายามนึกถึงลักษณะใบหน้าและท่าทางการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้นเท่าไร ผมก็ไม่อาจจะนึกออกได้เลยแม้สักครั้งเดียว จนกระทั่งต่อมาเมื่อผมตัดสินใจที่จะเลิกคิดนึก...ให้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันขณะที่ผมกำลังหลับฝัน ผมก็พบว่าฝันของผมครั้งนี้เป็นอะไรที่แตกต่างจากทุกๆครั้ง เพราะครั้งนี้ผมสามารถมองเห็นและจดจำรายละเอียดต่างๆ ได้ทั้งหมด ประกอบกับผมสามารถประคองสติตนเองได้เสมือนว่าอยู่ในโลกแห่งความจริง ผมจำได้ว่าขณะนั้นผมยืนอยู่บนถนนซึ่งโรยด้วยกรวดหินเล็กๆ เต็มไปหมด และสองข้างทางเป็นป่าดิบชื้นไม่มีผู้คนอยู่อาศัย และเมื่อมองออกไปข้างหน้า จะมองเห็นลางๆ คล้ายว่ามีภูเขาลูกใหญ่อยู่ข้างหน้าไกลลิบออกไป ด้วยความที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุประกอบกับคาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ผมจึงตัดสินใจออกเดินเท้าไปยังภูเขาดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงผมกลับพบว่าภูเขาดังกล่าวไม่ใช่ภูเขาธรรมชาติแต่มันเป็นภูเขาขยะซึ่งสูงและกว้างยาวสุดลูกหูลูกตา ตอนนั้นผมได้แต่หยุดคิดและวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี สักพักผมจึงเหลือบตาไปเห็นเศษเส้นผมสีดำกระจุกหนึ่ง ยาวประมาณฝ่ามิอตรงปลายเท้าของผม พร้อมกับมีความคิดผุดแล่นเข้ามาในหัวว่า "ถ้าผมเก็บเศษเส้นผมทั้งหมดขึ้นมาได้ ผมจะรอดจากกองขยะและได้กลับบ้าน" แต่ครั้นพอผมหยิบเศษเส้นผมทั้งหมดขึ้นมาพิจารณา เส้นผมทั้งหมดได้งอกยาวออกราวกับสิ่งมีชีวิตและดูรวดเร็วรุนแรงผมจึงตกใจตื่นจากภวังค์ความฝัน...เหตุการณ์ครั้งนี้ฟังดูเหมือนเป็นเพียงความฝันธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะนี่คิอจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ ที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ครับ.....
ตอนที่ 2 รู้แล้วว่าไม่ได้มาดี~
แชร์ประสบการณ์!!! สุดขีดความกลัว V.1-5
เรื่องเล่าต่อไปนี้ คือ ชุดเหตุการณ์ลวงหลอกหลอนเรื่องสุดท้ายที่เคยเกิดขึ้นกับผม ซึ่งเกิดขึ้นต่อเนื่อง ต่างวันเวลากัน แต่ตรงกันจนทำให้ผมกลัวสุดขีด > กระทั่งแปรเปลี่ยนเป็นความโกรธ > และปล่อยวางได้ในที่สุด
เรื่องของเรื่องเริ่มต้นจากช่วงที่ผมใกล้เรียนจบมหาวิทยาลัย ผมจำเป็นต้องย้ายไปอยู่บ้านเช่าหลังหนึ่งซึ่งเป็นบ้านเดี่ยว 2 ชั้น ครึ่งปูนครึ่งไม้ โดยชั้นหนึ่งมีห้องนอนและห้องน้ำอย่างละ 1 ห้อง พร้อมโถงรับแขกและครัวขนาดย่อม ส่วนชั้นสองทำด้วยไม้ทั้งหมด มี 2 ห้องนอน ผมเลือกอยู่ชั้นสองห้องแรกติดบันไดทางเดิน โดยช่วงที่ผมย้ายเข้ามาอยู่ใหม่ๆ นั้น สิ่งแรกที่ผมเห็นและสะดุดตาที่สุดก็คือ เสาไม้ในห้องนอนของผม เสาไม้ต้นนี้มีขนาดปานกลางไม่ใหญ่มาก ประมาณ 2 ศอก เคลือบแชลคขัดเงา สีไม้ออกแดงอมดำ ตรึงฝาผนังและค้ำยันเพดานห้อง ส่วนบริเวณหัวเสามีผ้า 7 ผืน ผืนละสีรวม 7 สี พันมัดรอบเสาคล้ายเสาหลักเมืองแต่ต่างกันตรงที่ผ้าทุกชิ้นมีสีหม่นดำคล้ำบ่งบอกได้ว่าน่าจะใช้ผูกมัดเสาต้นนี้มานานแล้วหลายปี แต่ก็ไม่ได้รู้สึกหวาดกลัวหรือมีลางสังหรณ์อะไร กระทั่งอยู่ไปประมาณ 2 ถึง 3 เดือน ผมสังเกตเห็นว่าเสาไม้มีอาการตกน้ำมันลักษณะคล้ายๆ กับคราบน้ำตาเทียนไหลย้อยออกมา แต่ไม่กี่วันคราบต่างๆ ก็จะหายไปเอง และเกิดขึ้นบ่อยครั้ง และจะด้วยความบังเอิญหรือไม่อย่างไร ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเริ่มฝันเรื่องเดียวกันซ้ำๆ ติดต่อกันหลายคืนเกี่ยวกับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่เมื่ิอยามผมตื่นไม่ว่าผมจะพยายามนึกถึงลักษณะใบหน้าและท่าทางการแต่งตัวของผู้หญิงคนนั้นเท่าไร ผมก็ไม่อาจจะนึกออกได้เลยแม้สักครั้งเดียว จนกระทั่งต่อมาเมื่อผมตัดสินใจที่จะเลิกคิดนึก...ให้หลังจากนั้นเพียงไม่กี่วันขณะที่ผมกำลังหลับฝัน ผมก็พบว่าฝันของผมครั้งนี้เป็นอะไรที่แตกต่างจากทุกๆครั้ง เพราะครั้งนี้ผมสามารถมองเห็นและจดจำรายละเอียดต่างๆ ได้ทั้งหมด ประกอบกับผมสามารถประคองสติตนเองได้เสมือนว่าอยู่ในโลกแห่งความจริง ผมจำได้ว่าขณะนั้นผมยืนอยู่บนถนนซึ่งโรยด้วยกรวดหินเล็กๆ เต็มไปหมด และสองข้างทางเป็นป่าดิบชื้นไม่มีผู้คนอยู่อาศัย และเมื่อมองออกไปข้างหน้า จะมองเห็นลางๆ คล้ายว่ามีภูเขาลูกใหญ่อยู่ข้างหน้าไกลลิบออกไป ด้วยความที่ไม่รู้ต้นสายปลายเหตุประกอบกับคาดหวังว่าจะได้รับการช่วยเหลือ ผมจึงตัดสินใจออกเดินเท้าไปยังภูเขาดังกล่าว แต่เมื่อไปถึงผมกลับพบว่าภูเขาดังกล่าวไม่ใช่ภูเขาธรรมชาติแต่มันเป็นภูเขาขยะซึ่งสูงและกว้างยาวสุดลูกหูลูกตา ตอนนั้นผมได้แต่หยุดคิดและวางแผนว่าจะทำอย่างไรต่อไปดี สักพักผมจึงเหลือบตาไปเห็นเศษเส้นผมสีดำกระจุกหนึ่ง ยาวประมาณฝ่ามิอตรงปลายเท้าของผม พร้อมกับมีความคิดผุดแล่นเข้ามาในหัวว่า "ถ้าผมเก็บเศษเส้นผมทั้งหมดขึ้นมาได้ ผมจะรอดจากกองขยะและได้กลับบ้าน" แต่ครั้นพอผมหยิบเศษเส้นผมทั้งหมดขึ้นมาพิจารณา เส้นผมทั้งหมดได้งอกยาวออกราวกับสิ่งมีชีวิตและดูรวดเร็วรุนแรงผมจึงตกใจตื่นจากภวังค์ความฝัน...เหตุการณ์ครั้งนี้ฟังดูเหมือนเป็นเพียงความฝันธรรมดาๆ แต่ความจริงแล้วไม่ใช่เลย เพราะนี่คิอจุดเริ่มต้นของเรื่องราวต่างๆ ที่หนักข้อขึ้นเรื่อยๆ ครับ.....
ตอนที่ 2 รู้แล้วว่าไม่ได้มาดี~