[CR] @ อยุธยา

กระทู้รีวิว
ทริปนี้ เดินทางช่วง 13-14 ธันวาคม 2557 เป็นช่วงจังหวัดพระนครศรีอยุธยามีการจัดงานแสงสีเสียง ประจวบเหมาะกับตรงกับวันเกิดพอดี เลยชวนคนขับรถกับน้องสาวไปเที่ยวกัน ระหว่างทางเจอป้าย "วัดนางกุย" เคยดูใน "บันทึกลึกลับ" เป็นการเดินทางที่นอกแผนจริง ๆ ค่ะ เราก็เลี้ยวรถไปตามป้าย

"วัดนางกุย เป็นวัดที่ตั้งอยู่นอกเกาะเมือง ด้านใต้ติดกับแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ตั้งอยู่เลขที่ ๓๐ ม. ๕ ต.สำเภาล่ม อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา  จากหลักฐานที่กรมศิลปากรว่าสร้างในปี พ.ศ.๒๑๓๐ ผู้สร้างชื่อนางกุย เป็นผู้ที่มีทรัพย์สินเงินทอง จึงได้มาสร้างวัดนางกุยอยู่ทางด้านทิศใต้ของเกาะเมืองอยุธยา ที่มีแม่นำไหลผ่านวัดนี้ในอดีตเจริญรุ่งเรืองมาก ดูจากหลักฐานที่มี อาทิ พระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ สมัยทวารวาดี ประมาณพุทธศตวรรษ ๑๑ - ๑๖ (พ.ศ.๑๑๐๐ - ๑๖๐๐) หลังจากที่กรุงศรีอยุธยาเสียแก่พม่าในปี ๒๓๑๐ วัดนางกุยได้รับความเสียหายมาก และถูกปล่อยให้ชำรุดทรุดโทรมจนมาถึงในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ รัชกาลที่ ๓ ได้มาทำการบูรณปฏิสังขรณ์วัดในอยุธยา (ไม่ทราบ พ.ศ.ที่แน่ชัด) วัดนางกุยก็ได้รับการบูรณะซ่อมแซมอุโบสถและเสนาสนะ ซึ่งในปัจจุบันนี้ ทางวัดฯได้ทำการขออนุญาตจากกรมศิลปากรในการบูรณปฏิสังขรณ์พระอุโบสถที่เสื่อมโทรมไปตาม กาลเวลา ภายในพระอุโบสถ วัดนางกุย ยังมีพระประธานอายุกว่า 400 ปี อาทิเช่น พระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ สมัยทวารวดี พุทธศตวรรษที่11-16"

ขอบคุณข้อมูล http://www.weloveayutthaya.com/?ContentID=ContentID-100908133125965


ปัจจุบันพระพุทธรูปศิลาปางสมาธิ สมัยทรารวดี นั้นได้ถูกเก็บรักษาไว้ในพิพิธภัณฑ์สถานแห่งชาติค่ะ


พระพุทธรูปที่วัดนี้ ท่านยิ้มทุกองค์


ในรายการบันทึกลึกลับ เขาว่ารูปปั้นนี้คือ "นางกุย" ค่ะ


นี่คือ "หลวงพ่อยิ้ม" เป็นไม้แกะสลักค่ะ ไม่ใช่ปูนปั้น หรือสำริดค่ะ ปัจจุบันท่านถูกย้ายมาอยู่ที่ศาลาด้านนอกค่ะ หลวงพ่อที่อยู่ที่ศาลานี้ เล่าว่าท่านลอยน้ำมาค่ะ ซึ่งพุทธลักษณะแปลกตามากค่ะ เป็นพระยิ้ม


ข้าง ๆ กันก็มีไม้ตะเคียนค่ะ มีการนำไม้ตะเคียนไปสลักเป็นรูปแม่นางตะเคียนค่ะ ตามคำบอกเล่าของชาวบ้านที่ฝันเห็นค่ะ มาดูภาพวาดกันดีกว่า ว่าท่านสวยงามแค่ไหน



ออกจากวัดนางกุย เราก็แวะวัดพนัญเชิง วันนั้นเป็นหยุด คนแยะมากค่ะ เราต้องเดินเข้าประตูด้านหลัง ได้ไปถวายผ้าห่มหลวงพ่อโตเนื่องในวันเกิดด้วย







เราแวะฝากท้องกันที่ "ตลาดน้ำอโยธยา" ค่ะ เจอชมรมฯ นี้ อัญเชิญพระบรมสาริกธาตุ และพระธาตุของพระอริยสงฆ์มาแสดง เพื่อให้คนที่ผ่านมาผ่านไปได้เข้าไปกราบ และทำบุญค่ะ




และรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเกจิอาจารย์ดัง ๆ หลายท่าน รวมทั้งหลวงปู่ที่เราเคารพรักยิ่ง "หลวงปู่ปาน วัดบางนมโค"


หินกองนี้ คนที่ดูแลชมรมฯ นี้บอกว่า นี่คือ "พระธาตุของพระปัจเจกพุทธเจ้า" ซึ่งได้มาจากเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เขาเล่าต่อว่าที่เขาสามร้อยยอดนั้น จะมีพระอริยเจ้ามาดับขันธ์มากมาย จนพระธาตุกลายเป็นหิน และหินที่นี่จะมีพลังวิเศษ เหมาะสำหรับการนำมาทำวัตถุมงคล ทำให้ฉุกคิดถึงครั้งที่ไปเยี่ยมเยียน "วนอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด" คนบรรยายให้ฟังเล่าว่า มีการขุดและเข้าไปขโมยหินที่เขาสามร้อยยอดเป็นประจำ เพื่อนำไปขาย


ภาพนี้เป็นฐานของที่ประดิษฐานพระบรมสาริกธาตุค่ะ คนที่ดูแลบอกว่าเครื่องทั้งหมดที่นำมาแสดงในวันนี้ เป็นของสมเด็จพระสังฆราชค่ะ งดงามมาก


อัญมณีที่ใช้เป็นของจริงทั้งหมดค่ะ

หลังจากอิ่มท้อง เราก็เดินทางไป "วัดมเหยงคณ์" ค่ะ ออกจากตลาดน้ำอโยธยา แบบอ้อมโลก ถนนก็กำลังทำ ทุลักทุเลมาก แต่ตอนออกจากวัดฯ เพิ่งทราบว่าสามารถขับรถเข้า โดยผ่านตลาดน้ำมาได้เลย เพราะขากลับ เราทะลุออกมาตลาดน้ำอีกรอบ

วัดมเหยงคณ์ เป็นวัดเก่าแก่สมัยกรุงศรีอยุธยา โดยพม่าเผาทำลายย่อยยับ ประวัติไปหาดูได้ตามเวบต่าง ๆ ตอนเข้าไปกราบพระ คนที่ดูแลวัด ได้เล่าให้ฟังว่า ที่นี่คนตายแยะมากตอนเสียกรุง ชาวบ้านช่วยกันเอาปูนมาพอกองค์พระประธานซึ่งเป็นทองคำ หวังจะป้องกันไม่ให้พม่ามาปล้นเอาไป แต่ที่ไหนได้ พม่าเอาไฟมาเผา พอปูนที่พอกองค์พระถูกไฟเผา ทองคำภายในก็หลอมละลายทะลักออกมา พม่าก็มาขนออกไป แล้วคนดูแลก็กล่าวนำ และทุกคนก็กล่าวตามตอนกล่าวตาม เรากับน้องสาวน้ำตาไหลแบบกั้นไม่อยู่เลย








ทางเดินนี้ ในสมัยโบราณเป็นทางเสด็จพระราชดำเนินของพระบรมวงศานุวงศ์ ขนาดวัดนี้ถูกทำลายยังมีความงดงามหลงเหลือให้เห็น ในสมัยที่รุ่งเรืองต้องงดงามมากทีเดียว


คืนนี้พักกันที่ "โรงแรมอโยธยา" ค่ะ คืนละ 950 บาท พัก 3 คน รวมอาหารเช้า หน้าโรงแรมเป็นตลาดค่ะ หากไม่ต้องการกินอาหารโรงแรม หน้าโรงแรมเพียบค่ะ กลางคืนก็ยังมีบะหมี่ขาย ราคาไม่แพงค่ะ





และพอเย็นย่ำหลังจากอาหารเย็น เราก็เตรียมตัวไปชมงานแสดงแสงสีเสียงกันค่ะ "ยอยศยิ่งฟ้าอยุธยามรดกโลก ประจำปี 2557" ตั๋วมี 2 ราคาค่ะ ตั๋วราคา 200 บาท คนแยะมาก แถวยาวเหยียด เราเลยไปที่ตั๋ว 500 บาท จ่ายปุ๊บก็ได้เข้าปั้บค่ะ นั่งแถวเกือบบนสุด ที่นั่งเป็นโครงเหล็กต่อชั้นขึ้นไป น่ากลัวมาก ๆ ค่ะ นั่งไปเสียวไป ด้วยคุณภาพของกล้องกับคนถ่าย ได้ดีที่พอดูได้มาโชว์แค่ภาพเดียว



หลังจากอาหารเช้า เราก็ออกจากที่พัก แวะไหว้ "หลวงพ่อมงคลบพิตร" กันค่ะ



คราวนี้ไปก็ต้องรีบกลับ ไม่ได้แวะชมพิพิธภัณฑ์จันทรเกษมเลยค่ะ ทริปหน้าไม่พลาดค่ะ

เพี้ยนช้อปปิ้ง
ชื่อสินค้า:   เที่ยวไทย เที่ยววัด
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่