เรื่องนี้นั้น จะสังเกตว่า การประสูติ จะมีลักษณะพิเศษแตกต่างจากการคลอดบุตรของคนธรรมดา ซึ่งอาจส่งผลให้เกิดสิ่งมหัสจรรย์ดังกล่าวได้ดังนี้
1. พระมารดา ตั้งครรภ์ถึง 10 เดือน คนปกติเพียงแค่ 9 เดือน ทำให้ร่างกายของพระองค์นั้น ใหญ่โตแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่น อีกทั้งสายสะดือก็พร้อมที่จะขาดได้เองอยู่ตลอดเวลา
2. พระมารดาทรงยืนคลอด ส่วนคนธรรมดานอนคลอด การนอนคลอดจึงทำให้บุตรที่คลอดออกมาไม่สามารถลุกขึ้นเดินเองได้ แต่ทรงยืนคลอด ทำให้บุตรที่คลอดออกมาอาจเดินได้เอง ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ตกลงพื้นแล้วดำเนินต่อไปด้วยแรงที่ตกจากครรภ์ออกมาภายนอก
3. พระองค์มีลักษณะมหาบุรุษประการหนึ่งคือ พื้นพระบาทเสมอกัน ไม่เว้าตรงกลาง เหมือนอย่างคนธรรมดา การยืนจึงมั่นคงแข็งแรงกว่าคนทั่วไป โอกาสที่จะล้มเป็นไปได้ยาก
4. ในหนังสือปฐมสมโพธิ กล่าวว่า พระองค์ขณะอยู่ในพระครรภ์ทรงนั่งขัดสมาธิ ไม่นอนคุดคู้เหมือนเด็กทั่วไป
เมื่อประกอบเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นไปได้ว่า เมื่อพระมารดาได้ทรงยืนคลอด พระองค์ได้ยื่นพระบาทออกมาก่อน (ไม่เหมือนเด็กทั่วไปที่เอาหัวออกโผล่มาก่อน) แล้วลำตัวของพระองค์ก็หลุดตามออกมาในลักษณะเหมือนตกลงบนพื้น เมื่อฝ่าพระบาทของพระองค์แตะพื้นก็สามารถทรงตัวได้ดีเพราะฝ่าพระบาทเสมอกัน ประกอบกับด้วยแรงโน้มถ่วงที่ตกลงพื้นก็ช่วยส่งแรงให้พระองค์สามารถก้าวเดินไปข้าวหน้าได้พอดี 7 ก้าว แล้วหยุด (เพราะแรงเฉื่อยที่เกิดจากการตกลงบนพื้นได้หมดลงพอดี)
(ส่วนสายสะดือน่าจะขาดออกจากกันตั้งแต่ขณะกำลังตกสู่พื้น)
ส่วนดอกบัวผุดมารองรับนั้น (ไม่ขอวิจารณ์)
ส่วนก้าวไป 7 ก้าวแล้วทรงพูดนั้น ปัจจุบันก็มีเด็กอัจฉริยะบางคนอายุเพียงไม่กี่ขวบ ก็สามารถพูดได้หลายภาษากันแล้ว การที่พระองค์ทรงพูดได้เมื่อแรกเกิด ก็ไม่น่าจะเกินเลยความเป็นจริงมากเกินไป เพราะสมองพัฒนาไปมากกว่าเด็กปกติ เนื่องจากอยู่ในพระครรภ์ถึง 10 เดือน
อย่าเพิ่งดูเบา กรณีพระพุทธเจ้า เมื่อแรกประสูติแล้วทรงดำเนินไปได้ 7 ก้าว
1. พระมารดา ตั้งครรภ์ถึง 10 เดือน คนปกติเพียงแค่ 9 เดือน ทำให้ร่างกายของพระองค์นั้น ใหญ่โตแข็งแรงกว่าเด็กคนอื่น อีกทั้งสายสะดือก็พร้อมที่จะขาดได้เองอยู่ตลอดเวลา
2. พระมารดาทรงยืนคลอด ส่วนคนธรรมดานอนคลอด การนอนคลอดจึงทำให้บุตรที่คลอดออกมาไม่สามารถลุกขึ้นเดินเองได้ แต่ทรงยืนคลอด ทำให้บุตรที่คลอดออกมาอาจเดินได้เอง ด้วยแรงโน้มถ่วงที่ตกลงพื้นแล้วดำเนินต่อไปด้วยแรงที่ตกจากครรภ์ออกมาภายนอก
3. พระองค์มีลักษณะมหาบุรุษประการหนึ่งคือ พื้นพระบาทเสมอกัน ไม่เว้าตรงกลาง เหมือนอย่างคนธรรมดา การยืนจึงมั่นคงแข็งแรงกว่าคนทั่วไป โอกาสที่จะล้มเป็นไปได้ยาก
4. ในหนังสือปฐมสมโพธิ กล่าวว่า พระองค์ขณะอยู่ในพระครรภ์ทรงนั่งขัดสมาธิ ไม่นอนคุดคู้เหมือนเด็กทั่วไป
เมื่อประกอบเหตุผลดังกล่าวจึงเป็นไปได้ว่า เมื่อพระมารดาได้ทรงยืนคลอด พระองค์ได้ยื่นพระบาทออกมาก่อน (ไม่เหมือนเด็กทั่วไปที่เอาหัวออกโผล่มาก่อน) แล้วลำตัวของพระองค์ก็หลุดตามออกมาในลักษณะเหมือนตกลงบนพื้น เมื่อฝ่าพระบาทของพระองค์แตะพื้นก็สามารถทรงตัวได้ดีเพราะฝ่าพระบาทเสมอกัน ประกอบกับด้วยแรงโน้มถ่วงที่ตกลงพื้นก็ช่วยส่งแรงให้พระองค์สามารถก้าวเดินไปข้าวหน้าได้พอดี 7 ก้าว แล้วหยุด (เพราะแรงเฉื่อยที่เกิดจากการตกลงบนพื้นได้หมดลงพอดี)
(ส่วนสายสะดือน่าจะขาดออกจากกันตั้งแต่ขณะกำลังตกสู่พื้น)
ส่วนดอกบัวผุดมารองรับนั้น (ไม่ขอวิจารณ์)
ส่วนก้าวไป 7 ก้าวแล้วทรงพูดนั้น ปัจจุบันก็มีเด็กอัจฉริยะบางคนอายุเพียงไม่กี่ขวบ ก็สามารถพูดได้หลายภาษากันแล้ว การที่พระองค์ทรงพูดได้เมื่อแรกเกิด ก็ไม่น่าจะเกินเลยความเป็นจริงมากเกินไป เพราะสมองพัฒนาไปมากกว่าเด็กปกติ เนื่องจากอยู่ในพระครรภ์ถึง 10 เดือน