ว่าด้วยวิธีคิดของร้านอาหารกับการห้ามนำของนอกร้านเข้ามาทานในร้าน

เริ่มจากผมเห็นร้านอเมริกันเบอเกอร์น่าทาน เลยแวะเข้าไปสั่งว่าจะเอากลับบ้าน แต่เห็นร้านน่านั่งดีเลยเปลี่ยนใจนั่งทานในร้านละกัน
สั่งเบอเกอร์เสร็จ พนง เรียกให้จ่ายเงินทันที (แบบร้านฟาสฟู้ดใหญ่ๆ) เลยจ่ายค่าเบอเกอร์ไป 300 (ชิ้นใหญ่สไตล์อเมริกัน)

พนง : รับน้ำอะไรดีคะ?
ผม : ไม่เอาคับ
พนง : ไม่รับน้ำหรอคะ? (ทำหน้าสงสัยมาก)
ผม : (มุงจะถามทำไมหลายรอบคับ -*-) ไม่เอาคับ พร้อมเดินออกนอกร้านเพื่อไปเอากาแฟในรถ

เดินกลับเข้ามาในร้าน นั่งโต้ะปุ้ป อี พนง เสียงดังมาจากเคาน์เตอร์เลยว่า "ร้านไม่ให้นำน้ำข้างนอกมาทานในร้านนะคะ!"?!?#

อื้อหือ!! ฉุนครับ
อยากจะถามมากว่าผมไม่สั่งโค้กคุณแก้วละ 30-40 นี่ จะเป็นจะตาย?
คุณเป็นร้านฟาสฟู้ด ไม่ใช้ผับหรือบาร์ที่กำไรหลักมาจากค่าน้ำ ผมไม่สั่งน้ำคุณนี่ร้านคุณจะเจ๊งหรอ?
ไม่หรอกคับ แต่ร้านคุณจะเจ๊งเพราะมีทัศนคติแคบๆแบบนี้มากกว่า!

เลยบอกให้เอาใส่ห่อ (กลับไปทานพร้อมกาแฟของตูก็ได้ฟร้ะ!!)

เรื่องที่ผมอยากมาแชร์ก็คือ
ธุรกิจบริการที่ไหนก็ตาม ถ้าคุณถือใจลูกค้าเป็นที่ตั้งจะไม่คิดอะไรแคบๆแบบนี้แน่ ระหว่างลูกค้าสั่งไปทานบ้าน หรือนั่งในร้านเค้าก็สั่งสินค้าคุณเหมือนๆกัน
**ยิ่งลูกค้าอยู่ในร้านคุณยิ่งมีโอกาสนำเสนอบริการที่ดีเพื่อสร้างความประทับใจให้ลูกค้ารักแบรนด์คุณมากขึ้นด้วยซ้ำ**
แต่คุณกลับเห็นแก่อะไรเล็กๆน้อยๆมากกว่าการสร้างความรู้สึกดีให้แก่ลูกค้า และแสดงพฤติกรรมน่ารังเกียจหลายอย่างใส่ (หน้าตูดใส่เมื่อไม่สั่งน้ำ ไม่ขอบคุณลูกค้า เสียงดังใส่)
ขอให้โชคดีครับ

ปล. ด้วยความโมโหผมเลยจัดการทำลายเบอเกอร์ชิ้นควายนั่นลงท้องหมดเรียบร้อย สลัดเอ้ยยดันอร่อยซะด้วย!!

ช่วงนี้กระทู้ย้อนแทงตัวเองกำลังมาแรง ผมเลยขอออกตัวก่อนเลยนะคับว่า
1. ร้านไม่มีป้ายห้าม และผมสั่งอาหารเค้าทาน
2. ผมตั้งเพื่อแนะนำให้คนทำธุรกิจบริการมองอะไรในมุมลูกค้า และความเจริญจะตามมาเองครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่