ตามทัศนคติและทฤษฎีของคนทั่วไป
เห็นคนรูปร่างอ้วน จะคิดไว้ก่อนเลยว่า คงไม่ดูแลตัวเอง กินจุ ไม่ออกกำลังกาย
เห็นคนรูปร่างผอม จะคิดไว้ก่อนเลยว่า คงออกกำลังกายเป็นประจำ ดูแลตัวเองอย่างดี เลือกกินอย่างระมัดระวัง
เราเองก็เคยเชื่อทฤษฏีนี้ จนกระทั่งมีเหตุการณ์เร็วๆนี้ที่ทำให้ความเชื่อเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หลายเดือนที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสพาเด็กๆนักศึกษาฝึกงานสี่คนไปดูงานและฝึกงานที่ต่างประเทศ น้องๆทั้งสี่คนเป็นผู้หญิงและอายุเท่ากันหมด ช่วงหลายเดือนที่อยู่ต่างประเทศ เราใช้ชีวิตกันอยุ่ในบ้านเช่าหลังนึง ทำกิจกรรมด้วยกัน กินอาหารด้วยกันแทบทุกมื้อ เรียกได้ว่าได้เห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆแต่ละคนอย่างละเอียด ขอแทนตัวน้องแต่ละคนว่า A, B ,C และ D นะคะ
ตามที่สังเกตุมาตลอดหลายเดือน นี่คือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆแต่ละคน
A - กินน้อยเท่าแมวดม ไม่เคยออกกำลังกายเลย
B - กินจุมาก กินแต่อาหารขยะเป็นหลัก ไม่เคยออกกำลังกายเลย
C - เหมือน A เป๊ะ กินน้อยมาก และไม่เคยออกกำลังกาย
D - กินคลีนมาก เปิด DVD เต้นออกกำลังกายอาทิตย์ละ 6 วัน
ถ้าเห็นข้อมูลแค่นี้ คิดไปตามหลักทฤษฏีว่า
ออกกำลังกาย คุมอาหาร = ผอม
กินไม่ยั้ง ไม่ออกกำลังกาย = อ้วน
ให้เรียงหุ่นจาก หุ่นดี ไปจน อ้วน ในมโนภาพ ก็น่าจะได้ประมาณนี้
D - หุ่นดี
A & C - ปานกลาง
B - อ้วนมาก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทฤษฏีในมโนภาพนี้ห่างไกลกับความจริงค่ะ น้องสี่คนนี้ส่วนสูงใกล้ๆกันค่ะ อยู่ระหว่าง 160-165 ซม ทั้งสี่คนสุขภาพดี ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร (ตรวจสุขภาพกันก่อนเดินทาง)
A - น้ำหนัก 42 (กินน้อยเท่าแมวดม ไม่ออกกำลังกายเลย)
B - น้ำหนัก 40 (กินจุมาก กินแต่อาหารขยะเป็นหลัก ไม่เคยออกกำลังกายเลย)
C - น้ำหนัก 73 (กินน้อยเท่าแมวดม ไม่ออกกำลังกายเลย)
D - น้ำหนัก 57 (กินคลีนมาก เปิด DVD เต้นออกกำลังกายอาทิตย์ละ 6 วัน)
จะเห็นได้ว่า ลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆสี่คนนี้ หลายๆอย่างไม่ได้เป็นไปตามหลักทฤษฏีที่คนทั่วไปคิดเลย มีอะไรที่มันขัดๆหลายข้อ
A/B คนที่หุ่นดี ผอมบางที่สุด คือคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย
D คนที่กินคลีน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กลับมีน้ำหนักอยู่ในขั้นอวบ และหุ่นดูตันๆ
และที่น่าฉงนที่สุด
A/B สองคนนี้ หุ่นผอมบางใกล้เคียงกัน แต่พฤติกรรมการกินเหมือนมาจากคนละโลก
A/C สองคนนี้ พฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตเหมือนกันเป๊ะ แต่น้ำหนักต่างกันราวฟ้ากับเหว
โดยทั่วไป เวลาเจอคนอ้วน คนมักจะคิดำแตามทฤษฎีว่า คงต้องกินจุและไม่ดูและตัวเอง ก็มักจะโดนแนะนำให้คุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อให้ผอม เวลาเจอคนผอมก็มักจะคิดว่าคงสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
แต่ความเป็นจริงที่เราพบเห็นมา หลายๆข้อกลับตาลปัตรกับทฤษฏีโดยสิ้นเชิง ได้เห็นคนอ้วนฉุที่ในความเป็นจริงกินน้อยมาก ได้เห็นคนที่พยายามออกกำลังกายคุมอาหารแทบตายก็หุ่นไม่เหมือนนางแบบ ได้เห็นคนที่ไม่ดูแลตัวเอง กินไม่เลือก แต่กลับมีหุ่นแบบเป็นดาราได้
ดูๆไปแล้วก็พอจะสรุปอีกทฤษฏีนึงได้ว่า ในความเป็นจริง เป็นไปได้ว่าคนเราอาจมีรูปร่างและน้ำหนักที่ธรรมชาติกำหนดมาให้อยู่แล้ว สำหรับบางคน จะอ้วนจะผอมไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่งั้นเราคงไม่เห็นคนประเภทที่ กินน้อยเท่าไหร่ก็ไม่ผอม หรือในทางตรงข้าม กินจุ นอนทั้งวันก็ไม่อ้วน
ประสบการณ์นี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าด่วนสรุปพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือสุขภาพของคนๆนึงโดยมองจากรูปลักษณ์ของคนๆนั้น บางทีการที่เราเสนอหน้าเข้าไปสอนคนอ้วนว่า ต้องคุมอาหาร ออกกำลังกาย แล้วจะผอม หารู้ไม่ว่าคนอ้วนคนนั้นจริงๆแล้วอาจจะกินน้อยมากก็ได้ หรือเห็นคนผอมมากแล้วเสนอหน้าเข้าไปบอกว่าให้กินเยอะๆ จะได้มีน้ำมีนวล หารู้ไม่ คนๆนั้นอาจจะเป็นประเภทกินจุให้ตายยังไง น้ำหนักก็ไม่ยอมเพิ่ม ก็เป็นได้
เอาแต่กิน ไม่ออกกำลังกายแล้วจะอ้วน ? .... ไม่เสมอไปนะ
เห็นคนรูปร่างอ้วน จะคิดไว้ก่อนเลยว่า คงไม่ดูแลตัวเอง กินจุ ไม่ออกกำลังกาย
เห็นคนรูปร่างผอม จะคิดไว้ก่อนเลยว่า คงออกกำลังกายเป็นประจำ ดูแลตัวเองอย่างดี เลือกกินอย่างระมัดระวัง
เราเองก็เคยเชื่อทฤษฏีนี้ จนกระทั่งมีเหตุการณ์เร็วๆนี้ที่ทำให้ความเชื่อเราเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง
หลายเดือนที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสพาเด็กๆนักศึกษาฝึกงานสี่คนไปดูงานและฝึกงานที่ต่างประเทศ น้องๆทั้งสี่คนเป็นผู้หญิงและอายุเท่ากันหมด ช่วงหลายเดือนที่อยู่ต่างประเทศ เราใช้ชีวิตกันอยุ่ในบ้านเช่าหลังนึง ทำกิจกรรมด้วยกัน กินอาหารด้วยกันแทบทุกมื้อ เรียกได้ว่าได้เห็นพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆแต่ละคนอย่างละเอียด ขอแทนตัวน้องแต่ละคนว่า A, B ,C และ D นะคะ
ตามที่สังเกตุมาตลอดหลายเดือน นี่คือพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆแต่ละคน
A - กินน้อยเท่าแมวดม ไม่เคยออกกำลังกายเลย
B - กินจุมาก กินแต่อาหารขยะเป็นหลัก ไม่เคยออกกำลังกายเลย
C - เหมือน A เป๊ะ กินน้อยมาก และไม่เคยออกกำลังกาย
D - กินคลีนมาก เปิด DVD เต้นออกกำลังกายอาทิตย์ละ 6 วัน
ถ้าเห็นข้อมูลแค่นี้ คิดไปตามหลักทฤษฏีว่า
ออกกำลังกาย คุมอาหาร = ผอม
กินไม่ยั้ง ไม่ออกกำลังกาย = อ้วน
ให้เรียงหุ่นจาก หุ่นดี ไปจน อ้วน ในมโนภาพ ก็น่าจะได้ประมาณนี้
D - หุ่นดี
A & C - ปานกลาง
B - อ้วนมาก
แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทฤษฏีในมโนภาพนี้ห่างไกลกับความจริงค่ะ น้องสี่คนนี้ส่วนสูงใกล้ๆกันค่ะ อยู่ระหว่าง 160-165 ซม ทั้งสี่คนสุขภาพดี ไม่ได้ป่วยเป็นโรคอะไร (ตรวจสุขภาพกันก่อนเดินทาง)
A - น้ำหนัก 42 (กินน้อยเท่าแมวดม ไม่ออกกำลังกายเลย)
B - น้ำหนัก 40 (กินจุมาก กินแต่อาหารขยะเป็นหลัก ไม่เคยออกกำลังกายเลย)
C - น้ำหนัก 73 (กินน้อยเท่าแมวดม ไม่ออกกำลังกายเลย)
D - น้ำหนัก 57 (กินคลีนมาก เปิด DVD เต้นออกกำลังกายอาทิตย์ละ 6 วัน)
จะเห็นได้ว่า ลักษณะทางกายภาพและพฤติกรรมการใช้ชีวิตของน้องๆสี่คนนี้ หลายๆอย่างไม่ได้เป็นไปตามหลักทฤษฏีที่คนทั่วไปคิดเลย มีอะไรที่มันขัดๆหลายข้อ
A/B คนที่หุ่นดี ผอมบางที่สุด คือคนที่ไม่ออกกำลังกายเลย
D คนที่กินคลีน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ กลับมีน้ำหนักอยู่ในขั้นอวบ และหุ่นดูตันๆ
และที่น่าฉงนที่สุด
A/B สองคนนี้ หุ่นผอมบางใกล้เคียงกัน แต่พฤติกรรมการกินเหมือนมาจากคนละโลก
A/C สองคนนี้ พฤติกรรมการกินและใช้ชีวิตเหมือนกันเป๊ะ แต่น้ำหนักต่างกันราวฟ้ากับเหว
โดยทั่วไป เวลาเจอคนอ้วน คนมักจะคิดำแตามทฤษฎีว่า คงต้องกินจุและไม่ดูและตัวเอง ก็มักจะโดนแนะนำให้คุมอาหารและออกกำลังกายเพื่อให้ผอม เวลาเจอคนผอมก็มักจะคิดว่าคงสุขภาพแข็งแรงและดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
แต่ความเป็นจริงที่เราพบเห็นมา หลายๆข้อกลับตาลปัตรกับทฤษฏีโดยสิ้นเชิง ได้เห็นคนอ้วนฉุที่ในความเป็นจริงกินน้อยมาก ได้เห็นคนที่พยายามออกกำลังกายคุมอาหารแทบตายก็หุ่นไม่เหมือนนางแบบ ได้เห็นคนที่ไม่ดูแลตัวเอง กินไม่เลือก แต่กลับมีหุ่นแบบเป็นดาราได้
ดูๆไปแล้วก็พอจะสรุปอีกทฤษฏีนึงได้ว่า ในความเป็นจริง เป็นไปได้ว่าคนเราอาจมีรูปร่างและน้ำหนักที่ธรรมชาติกำหนดมาให้อยู่แล้ว สำหรับบางคน จะอ้วนจะผอมไม่ได้ขึ้นอยู่กับพฤติกรรมการใช้ชีวิต ไม่งั้นเราคงไม่เห็นคนประเภทที่ กินน้อยเท่าไหร่ก็ไม่ผอม หรือในทางตรงข้าม กินจุ นอนทั้งวันก็ไม่อ้วน
ประสบการณ์นี้สอนให้เรารู้ว่า อย่าด่วนสรุปพฤติกรรมการใช้ชีวิตหรือสุขภาพของคนๆนึงโดยมองจากรูปลักษณ์ของคนๆนั้น บางทีการที่เราเสนอหน้าเข้าไปสอนคนอ้วนว่า ต้องคุมอาหาร ออกกำลังกาย แล้วจะผอม หารู้ไม่ว่าคนอ้วนคนนั้นจริงๆแล้วอาจจะกินน้อยมากก็ได้ หรือเห็นคนผอมมากแล้วเสนอหน้าเข้าไปบอกว่าให้กินเยอะๆ จะได้มีน้ำมีนวล หารู้ไม่ คนๆนั้นอาจจะเป็นประเภทกินจุให้ตายยังไง น้ำหนักก็ไม่ยอมเพิ่ม ก็เป็นได้