###พระธรรมวินัยนี้ มีธรรมที่น่าอัศจรรย์###

อ้างอิง

จำนงค์ ทองประเสริฐ เก็บเพชรจากคัมภีร์พระไตรปิฎก โรงพิมพ์มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย กรุงเทพมหานคร 2542 หน้า 245 - 252
------------

หลักธรรมคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพัมพุทธเจ้านั้นมีความลาดลุ่มลึกเป็นอัศจรรย์ดุจห้วงมหาสมุทร เหมาะสมแก่สติปัญญาของคนทุกระดับ ยิ่งผู้ที่มีพื้นความรู้และจิตใจสูงส่ง ยิ่งสามารถเข้าใจพระพระพุทธศาสนาได้มากเป็นอัศจรรย์ เพราะหลักธรรมในพระพุทธศาสนานั้นเป็น "สัจธรรม" ที่เที่ยงแท้ทนต่อการพิสูจน์ เป็นสัจธรรมที่ไม่ขึ้นอยู่กับกาลเวลา เพราะความจริงโดยทั่ว ๆ ไปนั้น อาจเป็นความจริงเพียงเฉพาะกาลเวลาเท่านั้น พอเวลาล่วงไปเพียง ๑๐๐ ปี หรือ ๒๐๐ ปี เท่านั้น สิ่งที่เราเคยคิดว่าจริงก็กลายเป็นเท็จไป เพราะนั่นมิใช่ "ความจริงแท้" หากเป็นความจริงโดยสมมติเท่านั้น ตราบใดที่เรายังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่า "เท็จ" เราก็ต้องยอมรับว่า "จริง" อยู่ตราบนั้น แต่เมื่อใดเราสามารถพิสูจน์ได้ว่า "ไม่จริง" เมื่อนั้นความจริงนั้นก็กลายเป็น "เท็จ" ไป

ที่ว่าคำสอนของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้ามีลักษณะลาดลุ่มลึกดุจห้วงมหาสมุทรนั้น พระพุทธองค์ได้เคยตรัสกับอสูรชื่อ "ปหาราทะ" ดังปรากฏอยู่ใน "ปหาราทสูตร" ในอัฏฐกนิบาต อังคุตตรนิกาย ดังนี้

"สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ ควงไม้สะเดาที่นเรฬุยักษ์สิงสถิตอยู่ ใกล้เมืองเวรัญชา ครั้งนั้น ท้าวปหาราทะจอมอสูรได้เข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ถวายอภิวาทพระผู้มีพระภาคแล้ว ยืนอยู่ ณ ที่สมควร พระผู้มีพระภาคได้ตรัสถามท้าวปหาราทะจอมอสูรว่า "ปหาราทะ พวกอสูรย่อมอภิรมย์ในมหาสมุทรบ้างหรือ?" ท้าวปหาสาทะจอมอสูรกราบทูลว่า "ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ พวกอสูรย่อมอภิรมย์ในมหาสมุทร"

พระผู้มีพระภาค..."ปหาราทะ ในมหาสมุทรมีธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏสักเท่าไรที่พวกอสูรเห็นแล้วย่อมภิรมย์"

ปหาราทะ... "มี ๘ ประการ พระพุทธเจ้าข้า ๘ ประการอะไรบ้าง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึก ลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่ นี้เป็นธรรมที่นำอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏ ประการที่ ๑ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้ว ๆ จึงอภิรมย์อยู่
"อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเต็มเปี่ยมเสมอ ไม่ล้นฝั่งนี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๒ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทร คลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่ง ให้ขึ้นบกทันที ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ และในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่ง ให้ขึ้นบกทันทีนี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๓ ในมหาสมุทร ที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง แม่น้ำสายใหญ่ ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม่น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมhee แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้วย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา แม่น้ำยมุนา แม้น้ำอจิรวดี แม่น้ำสรภู แม่น้ำมhee แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่า มหาสมุทรนั่นเอง นี้เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๔ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้น ๆ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่แม่น้ำทุกสายในโลกย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ นี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๕ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็มนี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๖ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้ว ๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แกวไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกตนี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์ไม่เคยปรากฏประการที่ ๗ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่

"อีกประการหนึ่ง มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ ๆ และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิรมิงคละ พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ๒๐๐ โยชน์ ๓๐๐ โยชน์ ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐ โยชน์ ก็มีอยู่ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้อที่มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆ และสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคละ ปลาติมิรมิงคละ พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ๒๐๐ โยชน์ ๓๐๐ โยชน์ ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐ โยชน์ ก็มีอยู่นี้ เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยปรากฏประการที่ ๘ ในมหาสมุทรที่พวกอสูรเห็นแล้วๆ จึงอภิรมย์อยู่
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่