ภาพเขียนสีในภาพอชันตา เป็นรูปชายผิวคล้ำสวมชุดแบบกษัตริย์ ถูกตีความว่าเป็นพระโพธิสัตว์วัชรปาณี ภาพถูกเขียนอยู่ด้านซ้ายของทวารบานหนึ่ง
ภาพเขียนสีในภาพอชันตา เป็นรูปชายสวมชุดแบบกษัตริย์ถือดอกบัว ถูกตีความว่าเป็นพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี(พระโพธิสัตว์อโลวกิเตศวร) ภาพถูกเขียนอยู่ด้านขวาของทวารบานเดียวกับภาพวาดพระโพธิสัตว์วัชรปาณี
ปัจจุบันถ้ำอชันตาถูกสันนิษฐานว่าเป็นวัดถ้ำของภิกษุมหายาน หากแต่ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
เปรียบเทียบกับพระสูตรในพระไตรปิฎก
วันทนสูตรที่ ๗
[๙๒๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหลีกเร้นอยู่ในที่พักกลางวัน ฯ
ครั้งนั้นแล
ท้าวสักกะจอมเทพ และท้าวสหัมบดีพรหมเสด็จเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ประทับยืนพิงบานพระทวารอยู่องค์
ละบาน ฯ
[๙๒๖] ลำดับนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสพระคาถานี้ ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงปลง
ภาระลงแล้ว ไม่ทรงมีหนี้ ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เสด็จเที่ยวไปในโลกเถิด อนึ่ง จิตของพระองค์หลุดพ้นดี
แล้ว เหมือนพระจันทร์ในราตรีวันเพ็ญ ฉะนั้น ฯ
[๙๒๗] ท้าวสหัมบดีพรหมตรัสค้านว่า ดูกรจอมเทพ พระองค์ไม่ควร
กราบทูลพระตถาคตอย่างนี้เลย แต่ควรจะกราบทูลพระตถาคตอย่างนี้แลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงเป็น
ผู้นำพวก ไม่ทรงมีหนี้สิน ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เสด็จเที่ยวไปในโลก ขอเชิญพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม
จักมีผู้รู้ทั่วถึงธรรมเป็นแน่ ฯ
ภาพทวารบาลทั้งสองเป็นรูปพระโพธิสัตว์ตามความเชื่อพุทธมหายานหรือรูปท้าวสักกะและสหัมบดีพรหมตามความเชื่อพุทธเถรวาทกันแน่?
ผมรู้สึกว่าการที่นักประวัติศาสตร์จะทึกทักเอาว่าถ้ำอชันตาเป็นวัดถ้ำของพุทธมหายานดูจะด่วนสรุปไป อาจเป็นวัดถ้ำของพุทธเถรวาทก็ได้ก่อนที่บรรดาเทพเทวดาสัมมาทิฏฐิผู้พิทักษ์พุทธศาสนาจะถูกตีความเป็นสิ่งที่มหายานเรียกว่าพระโพธิสัตว์
ผมคิดว่าแนวคิดนี้น่าสนใจดีเลยนำมาตั้งเป็นกระทู้ครับ ถือเสียว่าเป็นกระทู้ให้อ่านกันเพลินๆแล้วกัน
สมมุติฐานนอกกระแส: ภาพวาดทวารบาลแห่งถ้ำอชันตา
ภาพเขียนสีในภาพอชันตา เป็นรูปชายผิวคล้ำสวมชุดแบบกษัตริย์ ถูกตีความว่าเป็นพระโพธิสัตว์วัชรปาณี ภาพถูกเขียนอยู่ด้านซ้ายของทวารบานหนึ่ง
ภาพเขียนสีในภาพอชันตา เป็นรูปชายสวมชุดแบบกษัตริย์ถือดอกบัว ถูกตีความว่าเป็นพระโพธิสัตว์ปัทมปาณี(พระโพธิสัตว์อโลวกิเตศวร) ภาพถูกเขียนอยู่ด้านขวาของทวารบานเดียวกับภาพวาดพระโพธิสัตว์วัชรปาณี
ปัจจุบันถ้ำอชันตาถูกสันนิษฐานว่าเป็นวัดถ้ำของภิกษุมหายาน หากแต่ว่าจะเป็นเช่นนั้นจริงหรือ?
เปรียบเทียบกับพระสูตรในพระไตรปิฎก
วันทนสูตรที่ ๗
[๙๒๕] สมัยหนึ่ง พระผู้มีพระภาคประทับอยู่ ณ พระวิหารเชตวัน
อารามของอนาถบิณฑิกเศรษฐี เขตพระนครสาวัตถี ฯ
ก็โดยสมัยนั้นแล พระผู้มีพระภาคทรงหลีกเร้นอยู่ในที่พักกลางวัน ฯ
ครั้งนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพ และท้าวสหัมบดีพรหมเสด็จเข้าไปเฝ้า
พระผู้มีพระภาคถึงที่ประทับ ครั้นแล้ว ได้ประทับยืนพิงบานพระทวารอยู่องค์
ละบาน ฯ
[๙๒๖] ลำดับนั้นแล ท้าวสักกะจอมเทพได้ตรัสพระคาถานี้ ในสำนัก
พระผู้มีพระภาคว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงปลง
ภาระลงแล้ว ไม่ทรงมีหนี้ ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เสด็จเที่ยวไปในโลกเถิด อนึ่ง จิตของพระองค์หลุดพ้นดี
แล้ว เหมือนพระจันทร์ในราตรีวันเพ็ญ ฉะนั้น ฯ
[๙๒๗] ท้าวสหัมบดีพรหมตรัสค้านว่า ดูกรจอมเทพ พระองค์ไม่ควร
กราบทูลพระตถาคตอย่างนี้เลย แต่ควรจะกราบทูลพระตถาคตอย่างนี้แลว่า
ข้าแต่พระองค์ผู้แกล้วกล้า ทรงชนะสงครามแล้ว ทรงเป็น
ผู้นำพวก ไม่ทรงมีหนี้สิน ขอเชิญพระองค์เสด็จลุกขึ้น
เสด็จเที่ยวไปในโลก ขอเชิญพระผู้มีพระภาคทรงแสดงธรรม
จักมีผู้รู้ทั่วถึงธรรมเป็นแน่ ฯ
ภาพทวารบาลทั้งสองเป็นรูปพระโพธิสัตว์ตามความเชื่อพุทธมหายานหรือรูปท้าวสักกะและสหัมบดีพรหมตามความเชื่อพุทธเถรวาทกันแน่?
ผมรู้สึกว่าการที่นักประวัติศาสตร์จะทึกทักเอาว่าถ้ำอชันตาเป็นวัดถ้ำของพุทธมหายานดูจะด่วนสรุปไป อาจเป็นวัดถ้ำของพุทธเถรวาทก็ได้ก่อนที่บรรดาเทพเทวดาสัมมาทิฏฐิผู้พิทักษ์พุทธศาสนาจะถูกตีความเป็นสิ่งที่มหายานเรียกว่าพระโพธิสัตว์
ผมคิดว่าแนวคิดนี้น่าสนใจดีเลยนำมาตั้งเป็นกระทู้ครับ ถือเสียว่าเป็นกระทู้ให้อ่านกันเพลินๆแล้วกัน