กาลามสูตร...อย่าเชื่อสิ่งใดโดยง่าย
อยากถามพี่น้องชาวพุทธว่า...คุณเชื่อหรือครับ??ว่า...
1. กฎแห่งกรรมนั้นมีอยู่จริง??
2.มีมนุษย์ผู้รู้จริงหรือ...ตรัสรู้...ถึงวิธีการหลุดพ้นจาก...กฎแห่งกรรม...นั้น??
มีเหตุผลใด ที่ทำให้คุณkoper เชื่อเช่นนั้น?? และมีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ครับ??
พี่น้องชาวพุทธก็ได้ตอบกับเราว่า...มีมนุษย์ผู้ตรัสรู้จริง และมีวิธีรู้วิธีปฏิบัติจนหลุดพ้นแล้ว เช่น พระพุทธเจ้าเป็นต้น และบรรดาพุทธสาวกอีกจำนวนมาก แนวทางหลุดพ้นคืออริยสัจสี่
ข้อพิสูจน์ คือ หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งผมมองว่า ตอบด้วยความมั่นใจ แต่...ขาดความระมัดระวัง เพราะหากข้อพิสูจน์ที่ว่า...การตรัสรู้...นั้นขึ้นอยู่กับหลักธรรมคำสั่งสอนหรือคัมภีร์ แล้วหล่ะก็??
นั่นหมายความว่า...คำสั่งสอนของตถาคต(แปลว่า...ผู้ไปแล้วอย่างนั้น)ต้องเป็นความจริงเท่านั้น จึงจะสรุปได้ว่า...พระองค์นั้นตรัสรู้จริง
แต่ถ้าหาก...ความจริง...ไม่เป็นเช่นนั้นหล่ะ?? พี่น้องชาวพุทธ ทั้งหลายจะว่าอย่างไร??
นั่นหล่ะคือ...สิ่งที่เราต้องมาพิสูจน์กัน...โดยการใช้สติปัญญา
....................................................................
ตถาคตเคยสั่งสอนชาวกลามะชน และวางหลักคำสอนไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงาย ** โดยไม่ใช้ปัญญา **
พิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ เรียกว่า...กาลามสูตร(อ่านว่า...กา-ลาม-มะ-สูด)...มีอยู่ 10 ประการคือ
1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6.อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหลอกโดย...ผู้ที่ไม่รู้จริง...ได้
อย่างเช่นในพระไตรปิฎก ** ปหาราทสูตร ** นั้น.....ท้าวปหาราทะจอมอสูร เข้าไปเฝ้าตถาคตถึงที่ประทับ แล้วตถาคตก็ถามอสูรถึงความอัศจรรย์ในมหาสมุทรที่ทำให้อสูรอภิรมย์อยู่...
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=4030&Z=4163
สรุป...ความอัศจรรย์(เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา)ของมหาสมุทรทั้ง 8 ประการ นั้นได้แก่...
1. มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่
2. มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง
3. มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที
4. แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู ม แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง
5. แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ
6. มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม
7. มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต
8. มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆและสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้นมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ๒๐๐ โยชน์ ๓๐๐ โยชน์ ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐ โยชน์ ก็มีอยู่
มาถึงตรงนี้...ผมอยากถามพี่น้องชาวพุทธ ทั้งหลายว่า...ที่ท้าวปหาราทะจอมอสูรกล่าวมาทั้งหมดนั้น...มีสิ่งใดที่กล่าวได้ถูกต้องบ้าง??
เป็นคำถามง่าย ๆ ที่เชื่อว่า...พี่น้องชาวพุทธสามารถที่จะตอบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก
กาลามสูตร...อย่าเชื่อสิ่งใดโดยง่าย
อยากถามพี่น้องชาวพุทธว่า...คุณเชื่อหรือครับ??ว่า...
1. กฎแห่งกรรมนั้นมีอยู่จริง??
2.มีมนุษย์ผู้รู้จริงหรือ...ตรัสรู้...ถึงวิธีการหลุดพ้นจาก...กฎแห่งกรรม...นั้น??
มีเหตุผลใด ที่ทำให้คุณkoper เชื่อเช่นนั้น?? และมีอะไรเป็นข้อพิสูจน์ครับ??
พี่น้องชาวพุทธก็ได้ตอบกับเราว่า...มีมนุษย์ผู้ตรัสรู้จริง และมีวิธีรู้วิธีปฏิบัติจนหลุดพ้นแล้ว เช่น พระพุทธเจ้าเป็นต้น และบรรดาพุทธสาวกอีกจำนวนมาก แนวทางหลุดพ้นคืออริยสัจสี่
ข้อพิสูจน์ คือ หลักธรรมคำสั่งสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งผมมองว่า ตอบด้วยความมั่นใจ แต่...ขาดความระมัดระวัง เพราะหากข้อพิสูจน์ที่ว่า...การตรัสรู้...นั้นขึ้นอยู่กับหลักธรรมคำสั่งสอนหรือคัมภีร์ แล้วหล่ะก็??
นั่นหมายความว่า...คำสั่งสอนของตถาคต(แปลว่า...ผู้ไปแล้วอย่างนั้น)ต้องเป็นความจริงเท่านั้น จึงจะสรุปได้ว่า...พระองค์นั้นตรัสรู้จริง
แต่ถ้าหาก...ความจริง...ไม่เป็นเช่นนั้นหล่ะ?? พี่น้องชาวพุทธ ทั้งหลายจะว่าอย่างไร??
นั่นหล่ะคือ...สิ่งที่เราต้องมาพิสูจน์กัน...โดยการใช้สติปัญญา
....................................................................
ตถาคตเคยสั่งสอนชาวกลามะชน และวางหลักคำสอนไว้ให้แก่พุทธศาสนิกชน ไม่ให้เชื่อสิ่งใด ๆ อย่างงมงาย ** โดยไม่ใช้ปัญญา **
พิจารณาให้เห็นจริงถึงคุณโทษหรือดีไม่ดีก่อนเชื่อ เรียกว่า...กาลามสูตร(อ่านว่า...กา-ลาม-มะ-สูด)...มีอยู่ 10 ประการคือ
1.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ฟังๆ กันมา
2.อย่าเพิ่งเชื่อตามที่ทำต่อๆ กันมา
3.อย่าเพิ่งเชื่อตามคำเล่าลือ
4.อย่าเพิ่งเชื่อโดยอ้างตำรา
5.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกเดา
6.อย่าเพิ่งเชื่อโดยคาดคะเนเอา
7.อย่าเพิ่งเชื่อโดยนึกคิดตามแนวเหตุผล
8.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะถูกกับทฤษฎีของตน
9.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะมีรูปลักษณ์ที่ควรเชื่อได้
10.อย่าเพิ่งเชื่อเพราะผู้พูดเป็นครูบาอาจารย์ของตน
ไม่เช่นนั้นอาจจะถูกหลอกโดย...ผู้ที่ไม่รู้จริง...ได้
อย่างเช่นในพระไตรปิฎก ** ปหาราทสูตร ** นั้น.....ท้าวปหาราทะจอมอสูร เข้าไปเฝ้าตถาคตถึงที่ประทับ แล้วตถาคตก็ถามอสูรถึงความอัศจรรย์ในมหาสมุทรที่ทำให้อสูรอภิรมย์อยู่...
จากพระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓ พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕ อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
http://www.84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=23&A=4030&Z=4163
สรุป...ความอัศจรรย์(เป็นธรรมที่น่าอัศจรรย์อันไม่เคยมีมา)ของมหาสมุทรทั้ง 8 ประการ นั้นได้แก่...
1. มหาสมุทรลาด ลุ่ม ลึกลงไปโดยลำดับ หาได้โกรกชันเหมือนเหวไม่
2. มหาสมุทรเต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ไม่ล้นฝั่ง
3. มหาสมุทรไม่เกลื่อนด้วยซากศพ เพราะในมหาสมุทรคลื่นย่อมซัดเอาซากศพเข้าหาฝั่งให้ขึ้นบกทันที
4. แม่น้ำสายใหญ่ๆ บางสาย คือ แม่น้ำคงคา ยมุนา อจิรวดี สรภู ม แม่น้ำเหล่านั้นไหลไปถึงมหาสมุทรแล้ว ย่อมละนามและโคตรเดิมหมด ถึงความนับว่ามหาสมุทรนั่นเอง
5. แม่น้ำทุกสายในโลก ย่อมไหลไปรวมยังมหาสมุทรและสายฝนจากอากาศตกลงสู่มหาสมุทร มหาสมุทรก็มิได้ปรากฏว่าจะพร่องหรือเต็มเพราะน้ำนั้นๆ
6. มหาสมุทรมีรสเดียว คือ รสเค็ม
7. มหาสมุทรมีรัตนะมากมายหลายชนิด ในมหาสมุทรมีรัตนะเหล่านี้ คือ แก้วมุกดา แก้วมณี แก้วไพฑูรย์ สังข์ ศิลา แก้วประพาฬ เงิน ทอง ทับทิม มรกต
8. มหาสมุทรเป็นที่พำนักอาศัยของพวกสิ่งมีชีวิตใหญ่ๆและสิ่งมีชีวิตในมหาสมุทรนั้นมีดังนี้ คือ ปลาติมิ ปลาติมิงคลา ปลาติมิรมิงคลา พวกอสูร นาค คนธรรพ์ แม้ที่มีร่างกายประมาณ ๑๐๐ โยชน์ ๒๐๐ โยชน์ ๓๐๐ โยชน์ ๔๐๐ โยชน์ ๕๐๐ โยชน์ ก็มีอยู่
มาถึงตรงนี้...ผมอยากถามพี่น้องชาวพุทธ ทั้งหลายว่า...ที่ท้าวปหาราทะจอมอสูรกล่าวมาทั้งหมดนั้น...มีสิ่งใดที่กล่าวได้ถูกต้องบ้าง??
เป็นคำถามง่าย ๆ ที่เชื่อว่า...พี่น้องชาวพุทธสามารถที่จะตอบได้อย่างไม่ยากเย็นนัก