บทนำ และบทที่ 1 :
http://ppantip.com/topic/33291401
================================
บทที่ 2
ฮัลโหล แพร
ตอนนี้ไนท์เช็คไลน์[1]ไม่ได้นะจ๊ะ ที่บ้านคุณยายน้อยไม่มีอินเตอร์เน็ทน่ะ สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดๆหายๆ สามจี[2]ก็อย่าไปฝันว่าจะมี นี่มาขอใช้คอมฯที่ออฟฟิศน่ะ ที่นี่เขาไม่ค่อยได้ทำอะไรออนไลน์เลยไม่ได้ติดไวร์เลส[3] แถมเน็ทก็ช้ายิ่งมากด้วย ไนท์ฝากแพรบอกเพื่อนๆให้ด้วยนะ
คิดถึงจ้ะ อยากไปหาแพรที่อังกฤษเร็วๆ
ไนท์
ป.ล. ไม่ต้องบอกแพรก็รู้ใช่มั้ยว่าไนท์ใกล้จะลงแดงตายแล้ว T_T
อินทุภากดส่งอีเมล์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณของออฟฟิศ ตอนแรกหญิงสาวตั้งใจจะเขียนจดหมายหาเพื่อนหลายคน แต่ดูความช้าของทั้งเครื่องและอินเตอร์เน็ทแล้ว หล่อนคิดว่าฝากเพื่อนสนิทไปบอกจะง่ายกว่า บ้านของคุณนายอุมานั้นไม่ได้ติดตั้งระบบออนไลน์เพราะไม่มีใครใช้งาน ครั้งหล่อนจะไปขอร้องให้มาติดตั้งก็ดูออกจะเกินเลยไปสักนิด หญิงสาวจึงมาอาศัยเครื่องของสำนักงานแทน
อินทุภาปรายตามองโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ทำได้แค่รับสายเข้าออกในบางครั้งแล้วก็ถอนใจ คนที่ติดเทคโนโลยีขนาดหนักอย่างหล่อน ต้องมาอยู่ท่ามกลางป่าเขาโดยเล่นอะไรไม่ได้เลยนี่มันยิ่งกว่าเข้าค่ายกักกันเสียอีก หญิงสาวยักไหล่ ปรายตามองไปยังประตูห้องทำงานของภูเบศร์ที่วันนี้ยังปิดสนิท พนักงานสาวที่ให้หล่อนยืมเครื่องบอกว่า เครื่องที่ทันสมัยที่สุดอยู่ในห้องนั้น
ช่างเถอะ...หญิงสาวตัดใจ กดปิดโปรแกรมทุกอย่างที่เรียกขึ้นมา ก่อนเดินลงไปเรียกคนขับรถให้พาหล่อนกลับมาส่งที่เรือนใหญ่ เมื่ออินทุภาก้าวเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านก็พบคุณนายอุมากำลังอ่านอะไรบางอย่างอยู่ ผู้สูงวัยเงยหน้ามองพลางส่งยิ้มให้ร่างน้อยที่คลานเข้าไปนั่งใกล้อย่างประจบประแจง
“เรียบร้อยแล้วหรือ?” คุณนายอุมาเอ่ยถามเสียงปรานี
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” อินทุภาตอบรับสั้นๆ “คุณยายกำลังอ่านอะไรอยู่หรือคะ?”
“นี่น่ะหรือ?” นางยกหนังสือธรรมะในมือให้หลานสาวดู “หนังสือธรรมะน่ะ จะอ่านบ้างไหมล่ะเรา”
หญิงสาวส่ายหน้าหวือเป็นคำตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดแม้สักนาทีเดียว คุณนายอุมาจึงหัวเราะเบาๆกับท่าทางปฏิเสธอย่างแข็งขัน
“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า? ถึงได้เข้ามาหายายน่ะ”
อินทุภานิ่งไปชั่วครู่ สมองหมุนจี๋เพื่อคิดหาเรื่องมาชวนคุย ความจริงแล้วหล่อนไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าพยายามหาทางสนิทสนมกับเจ้าของบ้าน
“ไนท์อยากจะถามเรื่องลานเทวาน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถึงเรื่องแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง หากผู้ได้รับคำถามชะงักไปชั่วครู่ก่อนทวนคำ
“ลานเทวาน่ะหรือ?”
“ค่ะ” อินทุภาพยักหน้ารับทันที อันที่จริงหล่อนลืมเรื่องลานเทวาแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่หลุดปากออกไปจึงกลายเป็นเรื่องของลานนั่น “ทำไมถึงเรียกตรงนั้นว่าลานเทวาล่ะคะ?”
หญิงชรานิ่งไปชั่วครู่ สายตาเหม่อลอยราวกับย้อนอดีตอันแสนไกล นานช้า...กว่าคุณนายอุมาจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไนท์เคยได้ยินเรื่องผีฟ้าไหมลูก?”
หญิงสาวส่ายหน้าอีกครั้ง ถ้าผีน่ะรู้จักแน่ แต่ผีฟ้านี่เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินนี่ล่ะ แถมมันดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่หล่อนถามเลยสักนิด
“ผีฟ้าก็คือเทวดาไงลูก” ผู้สูงวัยเฉลยพลางยิ้มน้อยๆ “ชาวป่าชาวดอยที่เขาอาศัยอยู่แถวนี้ เขานับถือผีป่า ผีฟ้า ว่าเป็นคนที่คอยดูแลธรรมชาติ คอยปกปักษ์รักษาทุกสิ่งที่นี่ ลานนั่นน่ะ สมัยก่อนเขาเรียกกันว่า ลานผีฟ้า ชาวบ้านแถวนี้เขาเชื่อกันว่าเป็นลานของเทวดา ดอกไม้ต้นไม้มันถึงได้ขึ้นงามทุกฤดูกาล วันดีคืนดี เขาก็ได้ยินเสียงดนตรี บางทีก็เห็นคนรำฟ้อนอยู่แถวๆนั้น เขาก็เลยดูแล บวงสรวงกันเป็นอย่างดี พอยายซื้อที่มา คุณตาเราเขาว่า ชื่อลานผีฟ้ามันไม่เพราะ ก็เลยเรียกเสียใหม่ว่าเป็นลานเทวา”
อินทุภาพยักหน้ารับ พยายามสงบปากสงบคำเต็มที่ โธ่เอ๊ย ผีฟ้านี่ก็เทวดาหรอกเหรอ? สมัยนี้ยังมีคนเชื่อเรื่องแบบนี้กันอยู่อีก
“อย่างนั้นเอง” หญิงสาวพยักหน้ารับคล้ายจะเข้าใจ แต่ก็ถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วนี่ยังมีใครเอาอะไรไปบวงสรวงกันอีกไหมคะนี่?”
“ก็ยังมีบ้างจ้ะ” คุณนายอุมาอธิบาย “บางทีเวลาเจอเรื่องไม่ดี ก็ยังมีคนมาขอให้ยายเอาของไปไหว้ท่าน ถ้าใครทำอะไรไม่ดีไม่งามก็ขอให้ท่านอย่าโกรธอย่าเคือง”
หญิงสาวฟังแล้วแอบเบ้ปากด้วยความไม่เชื่อถือ ท่าทางวันที่หล่อนเห็นแสงไฟ คงจะมีใครเข้าไปไหว้อะไรตอนกลางคืนล่ะมั้ง
“แหม...” อินทุภาอดปากไว้ไม่ได้ “ชาวบ้านที่นี่เขางมงายจังเลยนะคะ”
“ไนท์” หญิงชราดุเสียงดัง นางมองหน้าหลานสาวอย่างไม่พอใจ “อย่าไปดูถูกความเชื่อของคนอื่นอย่างนั้นสิลูก ไม่น่ารักเลย”
“ไนท์ขอโทษค่ะ” หล่อนรีบขอโทษขอโพยผู้เป็นยาย ก้มหน้านิ่งราวสำนึกผิด หากแท้จริงเพื่อซ่อนความไม่เชื่อถือในแววตา
“อย่าไปหมิ่นแคลนเรื่องความเชื่อแต่โบราณเลยลูก” คุณนายอุมาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูจะใจเย็นลงไปบ้าง “บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของจิตใจ การเคารพเทวดา การเกรงกลัวเทวดา มันเป็นเรื่องของกุศโลบายที่ให้คนระมัดระวังในการใช้ชีวิต ให้หมั่นทำความดี คนเราถ้าไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว มันก็เหมือนว่าวที่ไม่มีคนดึงนะไนท์ ลอยไปตามลม ตามกระแสของอารมณ์ คนสมัยนี้ชอบคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องคร่ำครึ ถึงได้ทำอะไรกันตามใจชอบโดยไม่ไตร่ตรอง แล้วก็มาเสียใจกันทีหลัง”
ผู้ผ่านโลกมาก่อนอธิบายแกมบ่นเชิงสั่งสอนเสียยืดยาว อินทุภาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยขัด รับฟัง แค่ไม่จดจำเท่านั้นเอง
“ไนท์ก็เหมือนกัน จะทำอะไร พูดอะไร คิดถึงใจเขาใจเราก่อนนะลูก อย่าเอาความเชื่อ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง บางครั้งคำพูดเรามันบาดความรู้สึกคนอื่นโดยไม่รู้ตัว”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสงบเสงี่ยม สบโอกาสเอ่ยถามเรื่องที่หล่อนอยากรู้ “คุณยายคะ แล้วทำไมคุณยายถึงห้ามไม่ให้คนเข้าไปที่ลานเทวาล่ะคะ”
เจ้าของไร่ชราหันไปมองหลานสาวอย่างระแวดระวัง หากก็เห็นเพียงรอยสนใจที่ปรากฏในดวงตาเท่านั้น
“เรื่องนั้นน่ะหรือ” เอ่ยพลางระบายลมหายใจยาว “หลังจากยายซื้อที่มาทำไร่ ที่นี่ก็เปิดรับคนงานมากขึ้นเรื่อยๆ พวกคนงานบางคนเขาไม่เชื่อถือของพวกนี้ พอเมาเหล้าก็ระเกะระกะ ไปทำไม่ดีไม่งามในนั้น คนที่อยู่มาแต่เดิมเขาไม่ค่อยพอใจ จะมีเรื่องกันก็หลายหน ยายก็เลยห้ามไม่ให้เข้าไปน่ะ”
“งั้น...ไนท์ก็เข้าไปได้สิคะ” หล่อนเอ่ยถามอย่างกระตือรือล้น หากผู้รับฟังนิ่งอั้นไป
“อย่าเลยลูก” คุณนายอุมารีบเอ่ยห้าม ก่อนเสริมด้วยเหตุผลที่อินทุภาฟังแล้วไม่เข้าใจสักนิด “ถ้าไนท์เข้าไป เดี๋ยวก็มีคนขอตามเข้าไปอีก มันจะวุ่นวายไปกันใหญ่” ประโยคท้ายราวกับกำลังรำพึงกับตัวเอง “นี่ก็ค่ำแล้ว ไนท์ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะไป๊ เดี๋ยวจะได้กินข้าวเย็นกัน”
====================
[1] ไลน์ (Line) – โปรแกรมแชทผ่านระบบอินเตอร์เน็ท
[2]สามจี ((3G) – เทคโนโลยีการเชื่อมต่อส่งรับข้อมูลแบบไร้สาย สำหรับใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ
[3] ไวร์เลส (wireless) – การเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สาย
==========================
= = = กลเทวา บทที่ 2 = = =
================================
บทที่ 2
ฮัลโหล แพร
ตอนนี้ไนท์เช็คไลน์[1]ไม่ได้นะจ๊ะ ที่บ้านคุณยายน้อยไม่มีอินเตอร์เน็ทน่ะ สัญญาณโทรศัพท์ก็ขาดๆหายๆ สามจี[2]ก็อย่าไปฝันว่าจะมี นี่มาขอใช้คอมฯที่ออฟฟิศน่ะ ที่นี่เขาไม่ค่อยได้ทำอะไรออนไลน์เลยไม่ได้ติดไวร์เลส[3] แถมเน็ทก็ช้ายิ่งมากด้วย ไนท์ฝากแพรบอกเพื่อนๆให้ด้วยนะ
คิดถึงจ้ะ อยากไปหาแพรที่อังกฤษเร็วๆ
ไนท์
ป.ล. ไม่ต้องบอกแพรก็รู้ใช่มั้ยว่าไนท์ใกล้จะลงแดงตายแล้ว T_T
อินทุภากดส่งอีเมล์ผ่านเครื่องคอมพิวเตอร์รุ่นโบราณของออฟฟิศ ตอนแรกหญิงสาวตั้งใจจะเขียนจดหมายหาเพื่อนหลายคน แต่ดูความช้าของทั้งเครื่องและอินเตอร์เน็ทแล้ว หล่อนคิดว่าฝากเพื่อนสนิทไปบอกจะง่ายกว่า บ้านของคุณนายอุมานั้นไม่ได้ติดตั้งระบบออนไลน์เพราะไม่มีใครใช้งาน ครั้งหล่อนจะไปขอร้องให้มาติดตั้งก็ดูออกจะเกินเลยไปสักนิด หญิงสาวจึงมาอาศัยเครื่องของสำนักงานแทน
อินทุภาปรายตามองโทรศัพท์มือถือที่ตอนนี้ทำได้แค่รับสายเข้าออกในบางครั้งแล้วก็ถอนใจ คนที่ติดเทคโนโลยีขนาดหนักอย่างหล่อน ต้องมาอยู่ท่ามกลางป่าเขาโดยเล่นอะไรไม่ได้เลยนี่มันยิ่งกว่าเข้าค่ายกักกันเสียอีก หญิงสาวยักไหล่ ปรายตามองไปยังประตูห้องทำงานของภูเบศร์ที่วันนี้ยังปิดสนิท พนักงานสาวที่ให้หล่อนยืมเครื่องบอกว่า เครื่องที่ทันสมัยที่สุดอยู่ในห้องนั้น
ช่างเถอะ...หญิงสาวตัดใจ กดปิดโปรแกรมทุกอย่างที่เรียกขึ้นมา ก่อนเดินลงไปเรียกคนขับรถให้พาหล่อนกลับมาส่งที่เรือนใหญ่ เมื่ออินทุภาก้าวเข้าไปในห้องทำงานของเจ้าของบ้านก็พบคุณนายอุมากำลังอ่านอะไรบางอย่างอยู่ ผู้สูงวัยเงยหน้ามองพลางส่งยิ้มให้ร่างน้อยที่คลานเข้าไปนั่งใกล้อย่างประจบประแจง
“เรียบร้อยแล้วหรือ?” คุณนายอุมาเอ่ยถามเสียงปรานี
“เรียบร้อยแล้วค่ะ” อินทุภาตอบรับสั้นๆ “คุณยายกำลังอ่านอะไรอยู่หรือคะ?”
“นี่น่ะหรือ?” นางยกหนังสือธรรมะในมือให้หลานสาวดู “หนังสือธรรมะน่ะ จะอ่านบ้างไหมล่ะเรา”
หญิงสาวส่ายหน้าหวือเป็นคำตอบโดยไม่ต้องหยุดคิดแม้สักนาทีเดียว คุณนายอุมาจึงหัวเราะเบาๆกับท่าทางปฏิเสธอย่างแข็งขัน
“แล้วนี่มีอะไรหรือเปล่า? ถึงได้เข้ามาหายายน่ะ”
อินทุภานิ่งไปชั่วครู่ สมองหมุนจี๋เพื่อคิดหาเรื่องมาชวนคุย ความจริงแล้วหล่อนไม่ได้มีอะไรมากไปกว่าพยายามหาทางสนิทสนมกับเจ้าของบ้าน
“ไนท์อยากจะถามเรื่องลานเทวาน่ะค่ะ” หญิงสาวเอ่ยถึงเรื่องแรกที่ผุดขึ้นมาในสมอง หากผู้ได้รับคำถามชะงักไปชั่วครู่ก่อนทวนคำ
“ลานเทวาน่ะหรือ?”
“ค่ะ” อินทุภาพยักหน้ารับทันที อันที่จริงหล่อนลืมเรื่องลานเทวาแล้วด้วยซ้ำ แต่ไม่รู้ทำไมสิ่งที่หลุดปากออกไปจึงกลายเป็นเรื่องของลานนั่น “ทำไมถึงเรียกตรงนั้นว่าลานเทวาล่ะคะ?”
หญิงชรานิ่งไปชั่วครู่ สายตาเหม่อลอยราวกับย้อนอดีตอันแสนไกล นานช้า...กว่าคุณนายอุมาจะเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง
“ไนท์เคยได้ยินเรื่องผีฟ้าไหมลูก?”
หญิงสาวส่ายหน้าอีกครั้ง ถ้าผีน่ะรู้จักแน่ แต่ผีฟ้านี่เกิดมาก็เพิ่งเคยได้ยินนี่ล่ะ แถมมันดูไม่เกี่ยวข้องอะไรกับเรื่องที่หล่อนถามเลยสักนิด
“ผีฟ้าก็คือเทวดาไงลูก” ผู้สูงวัยเฉลยพลางยิ้มน้อยๆ “ชาวป่าชาวดอยที่เขาอาศัยอยู่แถวนี้ เขานับถือผีป่า ผีฟ้า ว่าเป็นคนที่คอยดูแลธรรมชาติ คอยปกปักษ์รักษาทุกสิ่งที่นี่ ลานนั่นน่ะ สมัยก่อนเขาเรียกกันว่า ลานผีฟ้า ชาวบ้านแถวนี้เขาเชื่อกันว่าเป็นลานของเทวดา ดอกไม้ต้นไม้มันถึงได้ขึ้นงามทุกฤดูกาล วันดีคืนดี เขาก็ได้ยินเสียงดนตรี บางทีก็เห็นคนรำฟ้อนอยู่แถวๆนั้น เขาก็เลยดูแล บวงสรวงกันเป็นอย่างดี พอยายซื้อที่มา คุณตาเราเขาว่า ชื่อลานผีฟ้ามันไม่เพราะ ก็เลยเรียกเสียใหม่ว่าเป็นลานเทวา”
อินทุภาพยักหน้ารับ พยายามสงบปากสงบคำเต็มที่ โธ่เอ๊ย ผีฟ้านี่ก็เทวดาหรอกเหรอ? สมัยนี้ยังมีคนเชื่อเรื่องแบบนี้กันอยู่อีก
“อย่างนั้นเอง” หญิงสาวพยักหน้ารับคล้ายจะเข้าใจ แต่ก็ถามต่อด้วยความสงสัย “แล้วนี่ยังมีใครเอาอะไรไปบวงสรวงกันอีกไหมคะนี่?”
“ก็ยังมีบ้างจ้ะ” คุณนายอุมาอธิบาย “บางทีเวลาเจอเรื่องไม่ดี ก็ยังมีคนมาขอให้ยายเอาของไปไหว้ท่าน ถ้าใครทำอะไรไม่ดีไม่งามก็ขอให้ท่านอย่าโกรธอย่าเคือง”
หญิงสาวฟังแล้วแอบเบ้ปากด้วยความไม่เชื่อถือ ท่าทางวันที่หล่อนเห็นแสงไฟ คงจะมีใครเข้าไปไหว้อะไรตอนกลางคืนล่ะมั้ง
“แหม...” อินทุภาอดปากไว้ไม่ได้ “ชาวบ้านที่นี่เขางมงายจังเลยนะคะ”
“ไนท์” หญิงชราดุเสียงดัง นางมองหน้าหลานสาวอย่างไม่พอใจ “อย่าไปดูถูกความเชื่อของคนอื่นอย่างนั้นสิลูก ไม่น่ารักเลย”
“ไนท์ขอโทษค่ะ” หล่อนรีบขอโทษขอโพยผู้เป็นยาย ก้มหน้านิ่งราวสำนึกผิด หากแท้จริงเพื่อซ่อนความไม่เชื่อถือในแววตา
“อย่าไปหมิ่นแคลนเรื่องความเชื่อแต่โบราณเลยลูก” คุณนายอุมาเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงที่ดูจะใจเย็นลงไปบ้าง “บางครั้งมันก็เป็นเรื่องของจิตใจ การเคารพเทวดา การเกรงกลัวเทวดา มันเป็นเรื่องของกุศโลบายที่ให้คนระมัดระวังในการใช้ชีวิต ให้หมั่นทำความดี คนเราถ้าไม่มีสิ่งยึดเหนี่ยว มันก็เหมือนว่าวที่ไม่มีคนดึงนะไนท์ ลอยไปตามลม ตามกระแสของอารมณ์ คนสมัยนี้ชอบคิดว่าเรื่องพวกนี้เป็นเรื่องคร่ำครึ ถึงได้ทำอะไรกันตามใจชอบโดยไม่ไตร่ตรอง แล้วก็มาเสียใจกันทีหลัง”
ผู้ผ่านโลกมาก่อนอธิบายแกมบ่นเชิงสั่งสอนเสียยืดยาว อินทุภาจึงทำได้เพียงนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยขัด รับฟัง แค่ไม่จดจำเท่านั้นเอง
“ไนท์ก็เหมือนกัน จะทำอะไร พูดอะไร คิดถึงใจเขาใจเราก่อนนะลูก อย่าเอาความเชื่อ เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง บางครั้งคำพูดเรามันบาดความรู้สึกคนอื่นโดยไม่รู้ตัว”
“ค่ะ” หญิงสาวรับคำสงบเสงี่ยม สบโอกาสเอ่ยถามเรื่องที่หล่อนอยากรู้ “คุณยายคะ แล้วทำไมคุณยายถึงห้ามไม่ให้คนเข้าไปที่ลานเทวาล่ะคะ”
เจ้าของไร่ชราหันไปมองหลานสาวอย่างระแวดระวัง หากก็เห็นเพียงรอยสนใจที่ปรากฏในดวงตาเท่านั้น
“เรื่องนั้นน่ะหรือ” เอ่ยพลางระบายลมหายใจยาว “หลังจากยายซื้อที่มาทำไร่ ที่นี่ก็เปิดรับคนงานมากขึ้นเรื่อยๆ พวกคนงานบางคนเขาไม่เชื่อถือของพวกนี้ พอเมาเหล้าก็ระเกะระกะ ไปทำไม่ดีไม่งามในนั้น คนที่อยู่มาแต่เดิมเขาไม่ค่อยพอใจ จะมีเรื่องกันก็หลายหน ยายก็เลยห้ามไม่ให้เข้าไปน่ะ”
“งั้น...ไนท์ก็เข้าไปได้สิคะ” หล่อนเอ่ยถามอย่างกระตือรือล้น หากผู้รับฟังนิ่งอั้นไป
“อย่าเลยลูก” คุณนายอุมารีบเอ่ยห้าม ก่อนเสริมด้วยเหตุผลที่อินทุภาฟังแล้วไม่เข้าใจสักนิด “ถ้าไนท์เข้าไป เดี๋ยวก็มีคนขอตามเข้าไปอีก มันจะวุ่นวายไปกันใหญ่” ประโยคท้ายราวกับกำลังรำพึงกับตัวเอง “นี่ก็ค่ำแล้ว ไนท์ไปอาบน้ำอาบท่าเถอะไป๊ เดี๋ยวจะได้กินข้าวเย็นกัน”
====================
[1] ไลน์ (Line) – โปรแกรมแชทผ่านระบบอินเตอร์เน็ท
[2]สามจี ((3G) – เทคโนโลยีการเชื่อมต่อส่งรับข้อมูลแบบไร้สาย สำหรับใช้งานบนโทรศัพท์มือถือ
[3] ไวร์เลส (wireless) – การเชื่อมต่อข้อมูลแบบไร้สาย
==========================