ฮ่องเต้องค์ที่สามก่อนสิ้นราชวงศ์ฮั่นทรงพระนามว่า “ฮั่นเต้” คง จะเป็นหมัน จึงไม่มีพระราชบุตรสืบสันตติวงศ์
แต่แทนที่จะยกเอาเชื้อพระวงศ์ผู้มีสติปัญญาคนหนึ่งคนใดขึ้นเป็นมหาอุปราช เพื่อเตรียมสืบราชวงศ์ต่อไป กลับ
ไปขอลูกชาวบ้านมาเลี้ยง ตั้งเป็นพระราชบุตร แล้วโปรดให้ขันทีเลี้ยงดูมาแต่น้อย ต่อมาทรงสถาปนาเป็นที่รัชทายาท
ดังนั้นเลนเต้จึงไม่ใช่เชื้อพระราชวงศ์ฮั่น เป็นลูกกาฝาก หากจะกล่าวถึงที่สุดแล้วก็ย่อมกล่าวได้ว่าราชวงศ์ฮั่นได้หมดสิ้น
ไปตั้งแต่ ยุคสมัยของพระเจ้าฮั่นเต้แล้ว ราชบัลลังก์หลังจากนั้นตกได้แก่คนแซ่อื่น การกระทำผิดธรรมเนียมประเพณีใน
การปกครองแผ่นดินของฮั่นเต้ คือเหตุสำคัญที่ทำให้ราชวงศ์ฮั่นดับสูญ และราชบัลลังก์ตกเป็นสิทธิแก่คนอื่น นี่คือทัณฑ์
จากสวรรค์ของการที่ทำผิดธรรมเนียมประเพณี ถ้าจะกล่าวโดยสำนวนไทยก็กล่าวได้ว่าเป็นความผิดของ “คนที่เอาลูกเขา
มาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” เลนเต้ลูกชาวบ้าน เมื่อได้ดิบได้ดีเป็นรัชทายาทก็ถือตัวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นไปด้วย ครั้นได้
เสวยราชย์ทรงพระนามว่า “พระเจ้าเลนเต้” แต่สันดานชาติเชื้อที่มิใช่เผ่าวงศ์กษัตริย์ และอัธยาศัยที่ถูกสร้างสม มาจากการ
เลี้ยงดูของขันทียังคงติดตัวมาจึงกำเริบขึ้น สามก๊กได้กล่าวความประพฤติของพระเจ้าเลนเต้ว่า “มิ ได้ตั้งอยู่ในโบราณราช
ประเพณี แลมิได้คบหาคนสัตย์ธรรม เชื่อถือแต่คนอันเป็นอาสัตย์ ประพฤติแต่ตามอำเภอใจแห่งพระองค์ เสียราชประเพณีไป”
เมื่อ เลนเต้ เสวยราชย์แล้ว ได้อาศัยขุนนางผู้ใหญ่สองคนคอยค้ำจุนราชบัลลังก์ คนหนึ่งชื่อเตาบูเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกคนหนึ่ง
ชื่อตันผวนเป็นราชครู สองขุนนางเฒ่ารับราชการในราชวงศ์ฮั่นมาถึงสองแผ่นดิน เห็นความวิปริตผันแปรในบ้านเมืองที่ทำให้
ขุนนางข้าราชการแลราษฎรต้องเดือด ร้อนหนักว่า เกิดจากขันทีเป็นเหตุ จึงวางแผนร่วมกันเพื่อจะสังหารกลุ่มขันทีชั่วเสีย
แต่แผนการรั่วไหลเสียก่อน ดังนั้นทั้งแม่ทัพใหญ่เตาบูและราชครูตันผวนพร้อมด้วยครอบครัวและบริวารจึง กลับเป็นฝ่ายถูก
กลุ่มขันทีชั่วสังหารอย่างโหดร้ายและทารุณแต่นั้นมากลุ่มขันทียิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น เหล่าขุนนางข้าราชการมีความเกรง
กลัวอิทธิพลของกลุ่มขันทีชั่วเป็นอันมาก ครั้นพระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์ได้สิบสองปี ตรงกับพุทธศักราช 722 เดือนสี่ขึ้นสิบห้าค่ำ
แต่สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุว่าเป็นปี พุทธศักราช 710 พระเจ้าเลนเต้ประทับ ณ พระที่นั่งอุ่นต๊กเตี้ยน เวลาเที่ยงเกิดอาเพศ
ใหญ่ขึ้นในบ้านเมือง
เป็นสัญญาณจากสวรรค์ที่บ่งบอกว่า แผ่นดินเกิดกลียุค
ณ เวลานั้นเพลาเที่ยงเกิดลมพายุหนัก มีงูสีเขียวตัวใหญ่ตกลงมาพันอยู่ที่เท้าพระเก้าอี้ พระเจ้าเลนเต้ตกพระทัย กระทั่งสิ้น
พระสติ พักหนึ่งงูใหญ่ก็หายไปแล้วเกิดฟ้าร้องฝนตกห่าใหญ่ ลูกเห็บขนาดใหญ่ตกบ้านเรือนราษฎรพังทะลาย พระตำหนัก
ถูกพายุลูกเห็บพัดพังหลายตำหนัก จนถึงเที่ยงคืนฝนจึงหยุด หลังจากนั้นอีก 4 ปี ณ เดือนยี่ เมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวง
เกิดแผ่นดินไหว น้ำทะเลเกิดคลื่นใหญ่ท่วมบ้านเมือง และบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำพัดพาหายไปเป็นจำนวนมาก
ไก่ตัวเมียขันได้กลายเป็นไก่ตัวผู้
ถัดมาในเดือน 6 ขึ้นค่ำหนึ่งเกิดควันเพลิงพุ่งขึ้นไปสูง 20 วา แล้วพุ่งเข้าไปในพระที่นั่งอุ่นต๊กเตี้ยน รุ่งเดือน 7 เกิดรัศมีรุ้งตก
ในพระบรมมหาราชวัง ภูเขารันซัวแตกทลายลง นิมิต เหล่านี้ถ้าว่าตามหลักนิมิตลางของไทยก็กล่าวได้ว่าเป็นทั้งอุบาทว์พระอินทร์
และอุบาทว์พระยมเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป เป็นลางร้ายของแผ่นดินว่าจะเกิดกลียุค นิมิต และลางร้ายนี้เคยปรากฏให้เห็น ก่อนสิ้น
แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาหลายประการ เช่นมีฟ้าผ่าลงตรงระเบียงพระบรมมหาราชวัง และไฟไหม้ลุกลามไปหลายแห่ง, ฝูงอีกาจับ
กลุ่มกันจิกตีจนบาดเจ็บล้มตาย, หลวงพ่อมงคลบพิธมีน้ำพระเนตรไหล, อีกาใหญ่บินเอาอกเข้าเสียบกับตรีศูลพระบรมมหาราชวัง
, น้ำในแม่น้ำเป็นสีแดงดังเลือด, เสียงใบไม้เหมือนเสียงคนร่ำไห้ระงมเมือง, ไก่ตัวเมียขันได้กลายเป็นตัวผู้ ดาวจระเข้ดวงที่เป็น
ตำแหน่งของพระมหากษัตริย์สีแดงเศร้าหมองและริบหรี่คล้ายกับจะดับสูญ
นิมิต และลางลักษณะนี้ถือว่า เป็นนิมิตและลางร้ายที่จะเกิดกลียุคขึ้นในบ้านเมืองนับเป็นอาเพศที่มีผล กระทบต่อบ้านเมือง
กระทบต่อผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองและราษฎรเป็นส่วนรวม
อ่านกันเพื่อความบันเทิงอย่าได้ ซีเรียส อิอิ
ประวัติศาสตร์ใน สามก๊ก : "ไก่ตัวเมียกลายเป็นตัวผู้"
ฮ่องเต้องค์ที่สามก่อนสิ้นราชวงศ์ฮั่นทรงพระนามว่า “ฮั่นเต้” คง จะเป็นหมัน จึงไม่มีพระราชบุตรสืบสันตติวงศ์
แต่แทนที่จะยกเอาเชื้อพระวงศ์ผู้มีสติปัญญาคนหนึ่งคนใดขึ้นเป็นมหาอุปราช เพื่อเตรียมสืบราชวงศ์ต่อไป กลับ
ไปขอลูกชาวบ้านมาเลี้ยง ตั้งเป็นพระราชบุตร แล้วโปรดให้ขันทีเลี้ยงดูมาแต่น้อย ต่อมาทรงสถาปนาเป็นที่รัชทายาท
ดังนั้นเลนเต้จึงไม่ใช่เชื้อพระราชวงศ์ฮั่น เป็นลูกกาฝาก หากจะกล่าวถึงที่สุดแล้วก็ย่อมกล่าวได้ว่าราชวงศ์ฮั่นได้หมดสิ้น
ไปตั้งแต่ ยุคสมัยของพระเจ้าฮั่นเต้แล้ว ราชบัลลังก์หลังจากนั้นตกได้แก่คนแซ่อื่น การกระทำผิดธรรมเนียมประเพณีใน
การปกครองแผ่นดินของฮั่นเต้ คือเหตุสำคัญที่ทำให้ราชวงศ์ฮั่นดับสูญ และราชบัลลังก์ตกเป็นสิทธิแก่คนอื่น นี่คือทัณฑ์
จากสวรรค์ของการที่ทำผิดธรรมเนียมประเพณี ถ้าจะกล่าวโดยสำนวนไทยก็กล่าวได้ว่าเป็นความผิดของ “คนที่เอาลูกเขา
มาเลี้ยง เอาเมี่ยงเขามาอม” เลนเต้ลูกชาวบ้าน เมื่อได้ดิบได้ดีเป็นรัชทายาทก็ถือตัวว่าเป็นเชื้อพระวงศ์ฮั่นไปด้วย ครั้นได้
เสวยราชย์ทรงพระนามว่า “พระเจ้าเลนเต้” แต่สันดานชาติเชื้อที่มิใช่เผ่าวงศ์กษัตริย์ และอัธยาศัยที่ถูกสร้างสม มาจากการ
เลี้ยงดูของขันทียังคงติดตัวมาจึงกำเริบขึ้น สามก๊กได้กล่าวความประพฤติของพระเจ้าเลนเต้ว่า “มิ ได้ตั้งอยู่ในโบราณราช
ประเพณี แลมิได้คบหาคนสัตย์ธรรม เชื่อถือแต่คนอันเป็นอาสัตย์ ประพฤติแต่ตามอำเภอใจแห่งพระองค์ เสียราชประเพณีไป”
เมื่อ เลนเต้ เสวยราชย์แล้ว ได้อาศัยขุนนางผู้ใหญ่สองคนคอยค้ำจุนราชบัลลังก์ คนหนึ่งชื่อเตาบูเป็นแม่ทัพใหญ่ อีกคนหนึ่ง
ชื่อตันผวนเป็นราชครู สองขุนนางเฒ่ารับราชการในราชวงศ์ฮั่นมาถึงสองแผ่นดิน เห็นความวิปริตผันแปรในบ้านเมืองที่ทำให้
ขุนนางข้าราชการแลราษฎรต้องเดือด ร้อนหนักว่า เกิดจากขันทีเป็นเหตุ จึงวางแผนร่วมกันเพื่อจะสังหารกลุ่มขันทีชั่วเสีย
แต่แผนการรั่วไหลเสียก่อน ดังนั้นทั้งแม่ทัพใหญ่เตาบูและราชครูตันผวนพร้อมด้วยครอบครัวและบริวารจึง กลับเป็นฝ่ายถูก
กลุ่มขันทีชั่วสังหารอย่างโหดร้ายและทารุณแต่นั้นมากลุ่มขันทียิ่งกำเริบเสิบสานมากขึ้น เหล่าขุนนางข้าราชการมีความเกรง
กลัวอิทธิพลของกลุ่มขันทีชั่วเป็นอันมาก ครั้นพระเจ้าเลนเต้เสวยราชย์ได้สิบสองปี ตรงกับพุทธศักราช 722 เดือนสี่ขึ้นสิบห้าค่ำ
แต่สามก๊กฉบับสมบูรณ์ระบุว่าเป็นปี พุทธศักราช 710 พระเจ้าเลนเต้ประทับ ณ พระที่นั่งอุ่นต๊กเตี้ยน เวลาเที่ยงเกิดอาเพศ
ใหญ่ขึ้นในบ้านเมือง เป็นสัญญาณจากสวรรค์ที่บ่งบอกว่า แผ่นดินเกิดกลียุค
ณ เวลานั้นเพลาเที่ยงเกิดลมพายุหนัก มีงูสีเขียวตัวใหญ่ตกลงมาพันอยู่ที่เท้าพระเก้าอี้ พระเจ้าเลนเต้ตกพระทัย กระทั่งสิ้น
พระสติ พักหนึ่งงูใหญ่ก็หายไปแล้วเกิดฟ้าร้องฝนตกห่าใหญ่ ลูกเห็บขนาดใหญ่ตกบ้านเรือนราษฎรพังทะลาย พระตำหนัก
ถูกพายุลูกเห็บพัดพังหลายตำหนัก จนถึงเที่ยงคืนฝนจึงหยุด หลังจากนั้นอีก 4 ปี ณ เดือนยี่ เมืองลกเอี๋ยงซึ่งเป็นเมืองหลวง
เกิดแผ่นดินไหว น้ำทะเลเกิดคลื่นใหญ่ท่วมบ้านเมือง และบ้านเรือนราษฎรถูกน้ำพัดพาหายไปเป็นจำนวนมาก
ไก่ตัวเมียขันได้กลายเป็นไก่ตัวผู้
ถัดมาในเดือน 6 ขึ้นค่ำหนึ่งเกิดควันเพลิงพุ่งขึ้นไปสูง 20 วา แล้วพุ่งเข้าไปในพระที่นั่งอุ่นต๊กเตี้ยน รุ่งเดือน 7 เกิดรัศมีรุ้งตก
ในพระบรมมหาราชวัง ภูเขารันซัวแตกทลายลง นิมิต เหล่านี้ถ้าว่าตามหลักนิมิตลางของไทยก็กล่าวได้ว่าเป็นทั้งอุบาทว์พระอินทร์
และอุบาทว์พระยมเกิดขึ้นต่อเนื่องกันไป เป็นลางร้ายของแผ่นดินว่าจะเกิดกลียุค นิมิต และลางร้ายนี้เคยปรากฏให้เห็น ก่อนสิ้น
แผ่นดินกรุงศรีอยุธยาหลายประการ เช่นมีฟ้าผ่าลงตรงระเบียงพระบรมมหาราชวัง และไฟไหม้ลุกลามไปหลายแห่ง, ฝูงอีกาจับ
กลุ่มกันจิกตีจนบาดเจ็บล้มตาย, หลวงพ่อมงคลบพิธมีน้ำพระเนตรไหล, อีกาใหญ่บินเอาอกเข้าเสียบกับตรีศูลพระบรมมหาราชวัง
, น้ำในแม่น้ำเป็นสีแดงดังเลือด, เสียงใบไม้เหมือนเสียงคนร่ำไห้ระงมเมือง, ไก่ตัวเมียขันได้กลายเป็นตัวผู้ ดาวจระเข้ดวงที่เป็น
ตำแหน่งของพระมหากษัตริย์สีแดงเศร้าหมองและริบหรี่คล้ายกับจะดับสูญ
นิมิต และลางลักษณะนี้ถือว่า เป็นนิมิตและลางร้ายที่จะเกิดกลียุคขึ้นในบ้านเมืองนับเป็นอาเพศที่มีผล กระทบต่อบ้านเมือง
กระทบต่อผู้มีอำนาจปกครองบ้านเมืองและราษฎรเป็นส่วนรวม
อ่านกันเพื่อความบันเทิงอย่าได้ ซีเรียส อิอิ