การปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1789 (สำหรับใครที่ชอบ อ่านเรื่องประวัติศาสตร์โลก)

กระทู้คำถาม
การปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1789



นับตั้งแต่สมัยกลางเป็นต้นมา กษัตริย์ฝรั่งเศสทรงพยายามรวบรวมอำนาจการปกครองซึ่งแต่
เดิมกระจัดกระจายอยู่กับเจ้าผู้ครองนครตามระบอบศักดินาสวามิภักดิ์มาเป็นของพระองค์ ใน
คริสต์ศตวรรษที่ 15-17 สถาบันกษัตริย์มีอำนาจและความมั่นคงมากขึ้น โดยเฉพาะในรัชสมัย
ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 (Louis XIV ค.ศ. 1643-1715) เนื่องจากพระองค์ทรงสามารถควบคุม
อำนาจและบทบาททางการเมืองของชนชั้นอภิสิทธิ์ซึ่งได้แก่ พวกพระและขุนนางไว้ได้ ระบอบ
สมบูรณาญาสิทธิราชย์จึงกลายเป็นระบอบการปกครองที่มีอำนาจอย่างเด็ดขาดในฝรั่งเศส จนมี
คำกล่าวว่า กษัตริย์คือรัฐ และที่มาแห่งอำนาจทั้งปวง
ภายใต้อำนาจอันล้นพ้นของกษัตริย์ฝรั่งเศสมี สภาฐานันดร (les états généraux : Estates General)
ซึ่งทำหน้าที่คล้ายกับรัฐสภาของอังกฤษ คอยช่วยในการบริหารประเทศ สมาชิกของสภาฐานันดรประกอบด้วย
ตัวแทนของฐานันดรที่หนึ่งและฐานันดรที่สอง ซึ่งได้แก่ชนชั้นอภิสิทธิ์ คือ พวกพระ ขุนนาง และเจ้า และฐานัน
ดรที่สามซึ่งได้แก่ สามัญชนทั่วไป  ปกติสภาฐานันดรจะเปิดประชุมกันต่อเมื่อกษัตริย์ทรงมีพระราชประสงค์จะ
ปรึกษาหารือ หรือให้ช่วยตัดสินวิกฤตการณ์ทางการเมือง สังคม หรือปัญหาสำคัญๆของประเทศ แต่ภายหลัง
จากที่กษัตริย์ทรงควบคุมอำนาจการปกครองไว้ได้ สภาฐานันดรก็มีบทบาททางการเมืองน้อยมาก และไม่เคยเปิด
ประชุมมาเป็นเวลานานกว่า 150 ปี อนึ่ง สภาฐานันดรของฝรั่งเศสไม่อาจถือเป็นสถาบันตัวแทนของปวงชนได้ เนื่อง
จากชนชั้นอภิสิทธิ์สามารถควบคุมและรักษาผลประโยชน์ของพวกตนไว้ ทั้งนี้เพราะการนับคะแนนเสียงจะถือว่าแต่
ละฐานันดรมีคะแนนเสียงหนึ่งเสียง ฐานันดรที่หนึ่งและฐานันดรที่สองจึงมักรวมตัวกันเป็นฝ่ายชนะฐานันดรที่สามด้วย
คะแนนเสียงสองต่อหนึ่งอยู่เสมอ ข้อเรียกร้องทางการเมืองและสังคมของสามัญชนหรือฐานันดรที่สาม จึงมักถูกปฏิเสธ
และได้รับการเพิกเฉย
สาเหตุของการปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1789
ปัญหาด้านการเมือง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ปัญหาทางเศรษฐกิจ

[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

ปัญหาด้านสังคม

2.3.1 ความเหลื่อมทางสังคม  ฝรั่งเศสมีโครงสร้างทางสังคมแบบชนชั้น โดยฐานะของผู้คนในสังคม
มีสองกลุ่มใหญ่ ๆ คือ  ชนชั้นอภิสิทธิ์และชนชั้นสามัญชน แต่ในทางปฏิบัติทางการจะแบ่งฐานะของพล
เมืองออกเป็น 3 ชนชั้นหรือ 3 ฐานันดร  ( Estates )  ได้แก่
ฐานันดรที่ 1  คือ พระและนักบวชในคริสตศาสนามีประมาณ 115,000 คน ยังแบงเปนกลุมยอยอีก 2 กลุมคือ
1. นักบวชชั้นสูง เชน มุขนายก คารดินัล พวกนี้จะใชชีวิตอยางหรูหรา
2. นักบวชชั้นต่ำ ไดแกนักบวชทั่วไป มีฐานะใกลเคียงกับชนชั้นใตปกครอง โดยมากมีชีวิตคอนขาง
แรนแคน

ฐานันดรที่ 2 คือ ขุนนางและชนชั้นสูง มีประมาณ 400,000 คน แบงเปนกลุมยอย 3 กลุมคือ
1. ขุนนางโดยเชื้อสาย (La noblesse d’épée) สืบเชื้อสายมาจากตระกูลขุนนางตางๆ
2. ขุนนางรุนใหม (La noblesse de robe) ไดรับตําแหนงจากการรับใชพระมหากษัตริย มักจะมี  ความกระตือ
รือรนที่จะไดรับการยอมรับจากสังคมเทาขุนนางพวกแรก
3. ขุนนางทองถิ่น (La noblesse de province) มีฐานะไม่ดีเท่า ขุนนางสองประเภทแรกไมได มักจะ  โจมตีชน
ชั้นปกครองพวกอื่นเรื่องการเอาเปรียบสังคม
ฐานันดรที่ 3 คือ สามัญชนสวนใหญเปนชาวนาที่ยากจนรวมทั้งพวกชนชั้นกลาง เชน พอคา ชางฝมือและปญญา
ชน เป็นต้น มีประมาณ 25.5 ลานคนในสมัยนั้น
ฐานันดรที่ 1 คือ พระและนักบวชในคริสต์ศาสนา และฐานันดรที่ 2 คืน ขุนนางและชนชั้นสูง ทั้งสองฐานันดรเป็น
ชนชั้นอภิสิทธิ์ มีจำนวนประมาณร้อยละ 2 ของจำนวนประชากรทั้งหมด มีชีวิตความเป็นอยู่สะดวกสบายและหรูหรา ไม่ต้องเสียภาษี

ฐานันดรที่ 3 คือ สามัญชน ส่วนใหญ่เป็นชาวนาที่ยากจนและถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก การจ่ายเงินค่าเช่าที่ดิน และการถูกเกณฑ์ไปรบ รวมทั้งพวกชนชั้นกลาง เช่น พ่อค้า ช่างฝีมือ และปัญญาชน ฯลฯ

สาเหตุปัจจุบันของการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789

เมื่อ ประเทศฝรั่งเศสประสบปัญหาทางด้านเศรษฐกิจจนไม่สามารถแก้ปัญหาได้ รัฐบาลตองการแกไข
ปญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจโดยเก็บภาษีอากรที่ดินจากพลเมืองทุกฐานันดร พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงทรง
เปิดประชุมสภาฐานันดร (Estates General) ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 การเปดประชุมสภาฐานันดร
ซึ่งประกอบดวยผูแทนของฐานันดรทั้ง 3 ฐานันดร เกิดความขัดแยงจากการประชุมสภาฐานันดร  เนื่องจากผู
แทนของแตละฐานันดรถูกจัดใหแยกสถานที่ประชุมทําใหฐานันดรที่ 3 (จํานวน 610 คน) ไมพอใจและเรียก
รองใหเปดประชุมรวมกันทําใหการประชุมลาชาไปหลายสัปดาหเพื่อขอคะแนนเสียงของตัวแทนของประชาชน
ทุกกลุ่มช่วยกันแก้ไขปัญหาทางการคลัง แต่ได้เกิดปัญหาขึ้นเพราะกลุ่มฐานันดรที่ 3 เรียกร้องให้นับคะแนนเสียง
เป็นรายหัว แต่กลุ่มฐานันดรที่ 1 และ 2 ซึ่งได้ร่วมมือกันเสมอนั้น เสนอให้นับคะแนนเสียงแบบกลุ่ม จึงทำให้กลุ่ม
ฐานันดรที่ 3 เดินออกจากสภา แล้วจัดตั้ง สภาแห่งชาติ (National Assombly)

ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1789 สภาแห่งชาติได้ย้ายไปประชุมที่สนามเทนนิส (Tennis Court Oath) และ
ร่วมสาบานว่าจะไม่ยอมแพ้และไม่ยอมแยกจากกันจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใช้ใน
การปกครองประเทศในขณะเดียวกันกับ ความวุ่นวายได้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องในปารีส และได้ขยายตัวออกไปทั่ว
ประเทศ ฝูงชนชาวปารีสได้รับข่าวลือว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 กำลังจะส่งกำลังทหารเข้ามาปราบปรามความฝูงชน
ที่ก่อวุ่นวายในปารีสดังนั้น ในวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 ฝูงชนจึงได้ร่วมมือกันทำลายคุกบาสตีล (Bastille)
ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง และถือว่าเป็นสัญลักษณ์ของการปกครองในระบอบเก่า


เหตุการณ์การปฏิวัติใหญ่ฝรั่งเศส ค.ศ. 1789

การเปิดประชุมรัฐสภา ที่ไม่ได้เปิดประชุมตั้งแต่ ปี ค.ศ. 1614 เมื่อรัฐบาลต้องการแก้ไขปัญหาวิกฤติทางเศรษฐกิจ
โดยเก็บภาษีอากรที่ดินจากพลเมืองทุกฐานันดร จึงต้องเรียกประชุมรัฐสภา ที่เรียกว่า “สภาฐานันดรแห่งชาติ”
(les états généraux : Estates  General ) ซึ่งประกอบด้วยผู้แทนของฐานันดรทั้ง 3 ฐานันดร  ได้มีการประชุมที่
พระราชวังแวร์ซายส์ในวันที่ 5 พฤษภาคม ค.ศ. 1789 การประชุมครั้งนี้ใช้ระบบลงคะแนนคือ 1 ฐานันดรต่อ 1 เสียง
ซึ่งไม่ยุติธรรม เพราะฐานันดรที่สามซึ่งมีจำนวนถึง 90% ของประชากรกลับได้คะแนนเสียงเพียง 1 ใน 3 ของสภา และ
วิธีการลงคะแนนนี้จะทำให้ฐานันดรที่สามไม่มีทางมีเสียงเหนือกว่า 2 ฐานันดรแรก โดยเสนอให้ลงคะแนนแบบ 1 คน 1
เสียงแทน เมื่อข้อเสนอนี้ถูกปฏิเสธ ทำให้ตัวแทนฐานันดรที่ 3 ไม่พอใจเป็นอย่างมากจึงไม่เข้าร่วมการประชุม และไปตั้ง
สภาของตนเองเรียกว่า สมัชชาแห่งชาติ (Assemblée Nationale : National Assembly)
ซึ่งเปิดประชุมเมื่อวันที่ 17
มิถุนายน ปีเดียวกัน สภานี้ยังมีตัวแทนจากฐานันดรที่ 1, 2 บางส่วนเข้าร่วมประชุมด้วย ได้แก่ตัวแทนส่วนใหญ่ของชนชั้น
นักบวช และตัวแทนที่เป็นขุนนางหัวสมัยใหม่นำโดยมิราโบ (Honoré Mirabeau)
ต่อมาวันที่ 20 มิถุนายน ค.ศ. 1789 สภาแห่งชาติได้ย้ายไปประชุมที่สนามเทนนิส (Tennis Court Oath) และร่วมสาบาน
ว่าจะไม่ยอมแพ้และไม่ยอมแยกจากกันจนกว่าจะได้รับชัยชนะ และต้องมีการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใช้ในการปกครองประเทศ
วันที่ 12 กรกฎาคม ค.ศ. 1789 Camille Desmoulins กล่าวสุนทรพจน์ ใน gardens of the Palais Royale กระตุ้นให้ชาวปารีสจับอาวุธ

เหตุการณ์บุกทลายคุกบาสตีล (Bastille) เมื่อมีข่าวว่ารัฐบาลของพระเจ้าหลุยส์ที่ 16 เตรียมใช้กำลังทหารเข้าสลายการประชุม
สมัชชาแห่งชาติ ประชาชนชาวกรุงปารีสจึงลุกฮือขึ้นจับอาวุธเพื่อสนับสนุนกลุ่มสมัชชาแห่งชาติ และบุกเข้าทำลายคุกบาสตีล
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ค.ศ.1789 ซึ่งเป็นสถานที่คุมขังนักโทษทางการเมือง และเป็นสัญลักษณ์แห่งการกดขี่ของการปกครอง
ระบอบเก่าความสำคัญของการบุกทำลายคุกบาสตีล ถือว่าเป็นเหตุการณ์ที่สำคัญที่สุดของการปฏิวัติฝรั่งเศส ค.ศ. 1789  เพราะ
กษัตริย์ ขุนนาง และชนชั้นสูง ต้องยอมสละอำนาจให้แก่สมัชชาแห่งชาติ และพระเจ้าหลุยส์ ที่ 16 ทรงยอมรับการเปลี่ยนแปลง
ทางการเมืองและการปกครองครั้งนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่