**ถ้ำแก้วโกมล พุทธศักราช ๒๕๕๘**
**ถ้ำแก้วโกมล พุทธศักราช ๒๕๕๘**
ยลยินนามถ้ำแก้ว โกมลแพร้วงามเพริศพริ้ง
น่าอัศจรรย์จริง สวยงามยิ่งเมื่อมาชม
เดิมนามถ้ำผลึกแร่ แคลไซต์แปรปรวนผสม
ห้วยมะไฟมะยม ดอยถ้ำห่มพนมไพร
แม่ลาน้อยคอยหา สรรนำพาจิตผ่องใส
เชิดชู้พธูใจ ผ่องอำไพในแดนพงศ์
หนทางช่างเลี้ยวลด ไหล่บรรพตชันชวนหลง
ชวนเชิญอย่างมั่นคง อย่าทระนงเกินพอดี
นั่งยานยนต์สี่ล้อ ชาวบ้านปร๋อชำนาญที่
ปลอดภัยไว้แหละดี สำราญศรีเฮฮาใจ
ณ ปากถ้ำ นำสู่ หนทางกู่ดูใจหาย
ตามป้ายขจรขจาย มิช้าสายมาถึงพลัน
มัคคุเทศก์ช่างน่ารัก นำใจภักดิ์รักษ์ใฝ่ฝัน
นางอรรถาจำนรรค์ ป้ายถ้ำนั้นมีลายเซ็น
พระปรมาภิไธย สิริกิติ์ไท้ล้ำโดดเด่น
โปรดตั้งนามถ้ำเป็น เช่นดั่ง"แก้วโกมล"ยล
หนทางล่วงปากถ้ำ ลึกลับล้ำนำฉงน
ยิ่งลึกยิ่งวกวน แคบถนนหนทางเดิน
บางช่วงชันยิ่งแท้ ก้าวมั่นแน่แคบเผชิญ
ลดเลี้ยวไร้ยูเทิร์น เชิญทัศนาอำเภอใจ
ห้องแรกล่วงล้ำผ่าน "พระทัยธาร"รินน้ำใส
ราวดั่งน้ำตกใน ไหลหลั่งรินผินนที
เมื่อก่อนงามเลิศหล้า ดั่งธาราสดใสนี่
บัดนี้หมองเหลือที ออกคล้ำขำดำทลาย
เหตุเกิดด้วยต้องจับ ความขาววับลับแลหาย
ไขมันเหงื่อไคลกาย อาบเคลือบฉายผิวอินทรีย์
ผลก่อเกิดเสียหาย ผลึกแก้วคล้ายหมดราศี
หยุดโตโฉ่สิ้นดี น่าบัดสีมีแปรปรวน
ความร้อนจากแสงไฟ ภัยแฟลชใช้ทำผันผวน
มายางามเย้ายวน ชวนจับต้องว่องกระเด็น
น่าเศร้าตรมยิ่งนัก ตามประจักษ์ตาแลเห็น
คำนึงเอกลักษณ์เด่น เช่นควรเน้นรักษ์ทุกคน
เดินตามร้อนอบอ้าว ยามเยื้องก้าวยุรยาตรหน
แวะห้องสองงามดล บน"วิมานเมฆ"เขตแดน
แดนรวงสรวงสวรรค์ งามเลอฝันอย่างเหลือแสน
เสน่ห์หายโศกเศร้าแทน วิมานแค้นแสนน่าอาย
ไม่สวยดังก่อนเก่า พอทำเนาเล่าขยาย
เมฆฝนจรขจาย มลายหมองต้องอาดูร
จรลีปรี่ห้องสาม "เฉกหิมพานต์"ปานดับสูญ
พยายามก่อเกื้อกูล สกุลไพรในลำนำ
รุกล้ำทำเสียหาย กลิ่นไอกายร้อนขนำ
เสริมส่งบ่งชี้ย้ำ ทำบั่นทอนกร่อนแร่รวง
บางตอนสะเก็ดบิ่น ดูหมดสิ้นงามเลอสรวง
บางช่วงกลวงเป็นยวง แสนน่าห่วงเต็มประดา
ป่าฝนหิมมานต์เมฆ ต้องมนต์เสกตามสังขาร์
เพรงกาลห้วงเวลา พากัดกร่อนสิ้นยองใย
เดินลงทางบันได ชันกีดไปน่าใจหาย
ระวังเฉี่ยวชนกาย หินมลายร่วงคีรี
ประสบพบห้องแล้ว "ม่านผาแก้ว"อันดับสี่
ป้ายห้ามจับต้องที ติดไว้ดีตลอดทาง
คงความขาวผ่องใส เกือบส่วนใหญ่งามสล้าง
ควบคุมคนเดินพลาง เดินสะอางใช่ง่ายดาย
บางครั้งอาจมีพลาด มือปัดกวาดแตะต้องได้
ไม่ควรอยู่นานไป อากาศในนิดน้อยจัง
ผาแก้วคล้ายม่านผ้า เสกคาถาแก้วใสสังข์
ระยิบระยับจัง วิจิตรล้ำนำทวี
บริสุทธิ์ใสงามผ่อง ยามต้องแสงสกาวสี
ตระการตางามดี จันทร์ฤดีมีสุขใจ
ดำหม่นเป็นปานกลาง เกล็ดแก้วบางแผ้วผ่องใส
คล้ายดั่งหิมะใน เหมันต์ไขลานฤดี
คิดว่ากาลเก่าก่อน ล้านปีย้อนแดนแห่งนี้
สายน้ำร้อนวารี ไหลนทีกัดกร่อนทำ
แผ่นดินแยกแหวกทรุด ห้องกลวงผุดฝนเซาะซ้ำ
ผสมเกลือแร่นำ แคลเซียมทำคาร์บอนครวญ
เกิดผลึกแร่แคลไซต์ งามฉ่ำในฤทัยหวล
สายแร่แห่ขบวน ชวนระเห็จเสร็จเวลา
มาถึงห้องท้ายแล้ว "เพริศแพร้วมณีบุปผา"
งามสมดั่งฉายา สมควรมายลชมดู
แหงนคอมองระเส่า แม้นเพียงเงาน่าอดสู
โหยหาพาโฉมตรู รอคอยอยู่คู่เหมันต์
งามล้ำกระหน่ำฟ้า เหินเวหาพารังสรรค์
โบยบินสิ้นจาบัลย์ สิงห์เบียร์นั้นแลงดงาม
ม่านไทรย้อยงามเลิศ สุดบรรเจิดทั่วเขตขาม
โขลงช้างจินดางาม ลามชุกโขลงโยงยองใย
ความขาวดูหม่นหมอง เมื่อยามต้องสปอร์ตไลท์
อบอ้าวอุ่นข้างใน อากาศไออึดอัดทรวง
ห่วงยิ่งถิ่นโรยรา ประจักษ์ตาน่าห่วงหวง
ห้ามฉายแสงทั้งยวง ห่วงความร้อนกร่อนโรยรา
อัลตราไวโอเลต เผด็จแสงแรงหนักหนา
บังเกิดตะไคร่มา หม่นหมองพาความขาวไป
หากจับต้องผนัง ถ้ำไม่พังแค่หมดใส
หยุดก่อผลึกแร่ไป ดำหมองไหม้มาเยือนแทน
ก่อนกลับสดับดู ชายหญิงคู่น่าหวงแหน
อนุรักษ์ทั่วทั้งแดน ดงแผ่นดินสิ้นกาลวัย
ลูกหลานแลเหลนโหลน สมบัติโพนทนาใส
ทำนุบำรุงไว้ อย่าทำให้ทรุดโทรมลง
ท้ายนี้พี่ขอฝาก ตามลมปากปานลุ่มหลง
คำนึงหยัดยืนยง รักษ์มั่นคงตราบเท่านาน
ถ้ำแก้วโกมลนี้ เท่าที่พี่ร่วมไขขาน
ให้คงกระพันนาน ปานพสุนทราถล่มทลาย
จำใจจรลาจาก ดั่งใจพรากรักจางหาย
ถ้ำงามใจละลาย ดับสลายคลายวายองค์
เวลาล่วงเลยผ่าน ตราบเท่านานปานใหลหลง
บันทึกในใจคง ดงถิ่นฝันนิรันดร์เอย...
...ชลภูมิ...
**ถ้ำแก้วโกมล พุทธศักราช ๒๕๕๘**
น่าอัศจรรย์จริง สวยงามยิ่งเมื่อมาชม
เดิมนามถ้ำผลึกแร่ แคลไซต์แปรปรวนผสม
ห้วยมะไฟมะยม ดอยถ้ำห่มพนมไพร
แม่ลาน้อยคอยหา สรรนำพาจิตผ่องใส
เชิดชู้พธูใจ ผ่องอำไพในแดนพงศ์
หนทางช่างเลี้ยวลด ไหล่บรรพตชันชวนหลง
ชวนเชิญอย่างมั่นคง อย่าทระนงเกินพอดี
นั่งยานยนต์สี่ล้อ ชาวบ้านปร๋อชำนาญที่
ปลอดภัยไว้แหละดี สำราญศรีเฮฮาใจ
ณ ปากถ้ำ นำสู่ หนทางกู่ดูใจหาย
ตามป้ายขจรขจาย มิช้าสายมาถึงพลัน
มัคคุเทศก์ช่างน่ารัก นำใจภักดิ์รักษ์ใฝ่ฝัน
นางอรรถาจำนรรค์ ป้ายถ้ำนั้นมีลายเซ็น
พระปรมาภิไธย สิริกิติ์ไท้ล้ำโดดเด่น
โปรดตั้งนามถ้ำเป็น เช่นดั่ง"แก้วโกมล"ยล
หนทางล่วงปากถ้ำ ลึกลับล้ำนำฉงน
ยิ่งลึกยิ่งวกวน แคบถนนหนทางเดิน
บางช่วงชันยิ่งแท้ ก้าวมั่นแน่แคบเผชิญ
ลดเลี้ยวไร้ยูเทิร์น เชิญทัศนาอำเภอใจ
ห้องแรกล่วงล้ำผ่าน "พระทัยธาร"รินน้ำใส
ราวดั่งน้ำตกใน ไหลหลั่งรินผินนที
เมื่อก่อนงามเลิศหล้า ดั่งธาราสดใสนี่
บัดนี้หมองเหลือที ออกคล้ำขำดำทลาย
เหตุเกิดด้วยต้องจับ ความขาววับลับแลหาย
ไขมันเหงื่อไคลกาย อาบเคลือบฉายผิวอินทรีย์
ผลก่อเกิดเสียหาย ผลึกแก้วคล้ายหมดราศี
หยุดโตโฉ่สิ้นดี น่าบัดสีมีแปรปรวน
ความร้อนจากแสงไฟ ภัยแฟลชใช้ทำผันผวน
มายางามเย้ายวน ชวนจับต้องว่องกระเด็น
น่าเศร้าตรมยิ่งนัก ตามประจักษ์ตาแลเห็น
คำนึงเอกลักษณ์เด่น เช่นควรเน้นรักษ์ทุกคน
เดินตามร้อนอบอ้าว ยามเยื้องก้าวยุรยาตรหน
แวะห้องสองงามดล บน"วิมานเมฆ"เขตแดน
แดนรวงสรวงสวรรค์ งามเลอฝันอย่างเหลือแสน
เสน่ห์หายโศกเศร้าแทน วิมานแค้นแสนน่าอาย
ไม่สวยดังก่อนเก่า พอทำเนาเล่าขยาย
เมฆฝนจรขจาย มลายหมองต้องอาดูร
จรลีปรี่ห้องสาม "เฉกหิมพานต์"ปานดับสูญ
พยายามก่อเกื้อกูล สกุลไพรในลำนำ
รุกล้ำทำเสียหาย กลิ่นไอกายร้อนขนำ
เสริมส่งบ่งชี้ย้ำ ทำบั่นทอนกร่อนแร่รวง
บางตอนสะเก็ดบิ่น ดูหมดสิ้นงามเลอสรวง
บางช่วงกลวงเป็นยวง แสนน่าห่วงเต็มประดา
ป่าฝนหิมมานต์เมฆ ต้องมนต์เสกตามสังขาร์
เพรงกาลห้วงเวลา พากัดกร่อนสิ้นยองใย
เดินลงทางบันได ชันกีดไปน่าใจหาย
ระวังเฉี่ยวชนกาย หินมลายร่วงคีรี
ประสบพบห้องแล้ว "ม่านผาแก้ว"อันดับสี่
ป้ายห้ามจับต้องที ติดไว้ดีตลอดทาง
คงความขาวผ่องใส เกือบส่วนใหญ่งามสล้าง
ควบคุมคนเดินพลาง เดินสะอางใช่ง่ายดาย
บางครั้งอาจมีพลาด มือปัดกวาดแตะต้องได้
ไม่ควรอยู่นานไป อากาศในนิดน้อยจัง
ผาแก้วคล้ายม่านผ้า เสกคาถาแก้วใสสังข์
ระยิบระยับจัง วิจิตรล้ำนำทวี
บริสุทธิ์ใสงามผ่อง ยามต้องแสงสกาวสี
ตระการตางามดี จันทร์ฤดีมีสุขใจ
ดำหม่นเป็นปานกลาง เกล็ดแก้วบางแผ้วผ่องใส
คล้ายดั่งหิมะใน เหมันต์ไขลานฤดี
คิดว่ากาลเก่าก่อน ล้านปีย้อนแดนแห่งนี้
สายน้ำร้อนวารี ไหลนทีกัดกร่อนทำ
แผ่นดินแยกแหวกทรุด ห้องกลวงผุดฝนเซาะซ้ำ
ผสมเกลือแร่นำ แคลเซียมทำคาร์บอนครวญ
เกิดผลึกแร่แคลไซต์ งามฉ่ำในฤทัยหวล
สายแร่แห่ขบวน ชวนระเห็จเสร็จเวลา
มาถึงห้องท้ายแล้ว "เพริศแพร้วมณีบุปผา"
งามสมดั่งฉายา สมควรมายลชมดู
แหงนคอมองระเส่า แม้นเพียงเงาน่าอดสู
โหยหาพาโฉมตรู รอคอยอยู่คู่เหมันต์
งามล้ำกระหน่ำฟ้า เหินเวหาพารังสรรค์
โบยบินสิ้นจาบัลย์ สิงห์เบียร์นั้นแลงดงาม
ม่านไทรย้อยงามเลิศ สุดบรรเจิดทั่วเขตขาม
โขลงช้างจินดางาม ลามชุกโขลงโยงยองใย
ความขาวดูหม่นหมอง เมื่อยามต้องสปอร์ตไลท์
อบอ้าวอุ่นข้างใน อากาศไออึดอัดทรวง
ห่วงยิ่งถิ่นโรยรา ประจักษ์ตาน่าห่วงหวง
ห้ามฉายแสงทั้งยวง ห่วงความร้อนกร่อนโรยรา
อัลตราไวโอเลต เผด็จแสงแรงหนักหนา
บังเกิดตะไคร่มา หม่นหมองพาความขาวไป
หากจับต้องผนัง ถ้ำไม่พังแค่หมดใส
หยุดก่อผลึกแร่ไป ดำหมองไหม้มาเยือนแทน
ก่อนกลับสดับดู ชายหญิงคู่น่าหวงแหน
อนุรักษ์ทั่วทั้งแดน ดงแผ่นดินสิ้นกาลวัย
ลูกหลานแลเหลนโหลน สมบัติโพนทนาใส
ทำนุบำรุงไว้ อย่าทำให้ทรุดโทรมลง
ท้ายนี้พี่ขอฝาก ตามลมปากปานลุ่มหลง
คำนึงหยัดยืนยง รักษ์มั่นคงตราบเท่านาน
ถ้ำแก้วโกมลนี้ เท่าที่พี่ร่วมไขขาน
ให้คงกระพันนาน ปานพสุนทราถล่มทลาย
จำใจจรลาจาก ดั่งใจพรากรักจางหาย
ถ้ำงามใจละลาย ดับสลายคลายวายองค์
เวลาล่วงเลยผ่าน ตราบเท่านานปานใหลหลง
บันทึกในใจคง ดงถิ่นฝันนิรันดร์เอย...
...ชลภูมิ...