http://www.thairath.co.th/content/479457
น่าสนใจครับ...มีรายงานข่าวระบุว่าอัตราการว่างงานของประเทศอยู่ในระดับที่ตํ่ามากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเห็นว่าไม่น่าจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
อัตราการว่างงานของไทยในช่วงสิ้นปี 2557 อยู่ที่ 0.56% ขณะที่อินเดียอยู่ที่ 9.4% ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 6%
ทั้งนี้ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติว่าที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะไทยให้คำนิยามคำว่า “ว่างงาน” ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นและยังมีปัญหาในด้านโครงสร้างอีกด้วย
ไม่ต่างไปจากนักท่องเที่ยวที่นับรวมหมดจนทำให้ตัวเลขดูสูง
สาเหตุที่ทำให้อัตราการว่างงานของประเทศไทยตํ่าได้มีการวิเคราะห์ออกมาได้ 4 ประการ
1.ไทยมีแรงงานอิสระนอกระบบ เช่น พ่อค้า-แม่ค้าตามท้องถนน มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ และพวกทำงานแบบ
ฟรีแลนซ์ โดยภาคส่วนดังกล่าวมีปริมาณสูงถึง 64% ของแรงงานทั้งหมดในตลาดแรงงานปี 2556
“ไทย” นับภาคส่วนนี้ให้เป็นส่วนที่ได้รับการจ้างงาน
นอกจากนั้น ประเทศไทยยังไม่มีการประกันหรือกองทุนรองรับการว่างงานเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ที่สูญเสียงานหรือยังว่างงานเข้าไปสู่ภาคส่วนนี้ รวมถึงงานพาร์ตไทม์ที่นับรวมว่าเป็นการจ้างงานด้วย
2. ภาคเกษตรกรรมมีประชากรที่อยู่ในภาคส่วนนี้คิดเป็น 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด คือมากที่สุดของประเทศและอัตราการจ้างงานไม่นับรวมคนที่ไม่ได้ทำงานตามความรู้ความสามารถ
3. อัตราการเกิดของประชากรซึ่งมีการประเมินว่าไทยมีอัตราการเกิดในรอบ 5-6 ปี อยู่ที่ 1.4% และมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 60% เพิ่มขึ้นถึง 15% ในปี 2557
ดังนั้น ไทยจึงมีจำนวนประชากรวัยเกษียณมากขึ้น แต่เข้าสู่ตลาดแรงงานน้อยลง
4. ไทยมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากซึ่งมีการระบุตัวเลขราว 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากพม่า ลาว และกัมพูชา แม้ว่ารัฐบาลจะต้องการแก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อนด้วยการจัดให้มีการลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม
แต่ก็ยังมีแรงงานต่างด้าวที่แฝงอยู่และไม่ได้จดทะเบียน
หากพิจารณาจากข้อวิเคราะห์ทั้ง 4 ข้อนี้ มีส่วนที่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เพราะด้วยระบบการขึ้นบัญชีที่กระทรวงมหาดไทยปล่อย ปละละเลยทำให้ไม่สามารถได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ทำให้การคำนวณตัวเลขไม่ค่อยจะถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น
หรือจะพูดว่ามั่วกันไปหมดก็ว่าได้
เพราะในสภาพความเป็นจริงแล้วยังมีตัวเลขคนตกงานจำนวนไม่น้อย พิจารณาจากตัวเลขของผู้จบการศึกษาปรากฏว่ายังตกงานกันเป็นจำนวนมาก ทั้งจากปัญหาการศึกษาที่ยังไม่ได้คุณภาพ คือ มีแต่ปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพทำนองนั้น
จากผลการสำรวจพบว่านักเรียนระดับ ป.4 อ่านหนังสือไม่ออกซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจนเป็นเหตุที่ทำให้การศึกษาของไทยอยู่ในระดับรั้งท้ายกว่าประเทศเพื่อนบ้านเสียอีก
นั่นถึงต้องมีการปฏิรูปการศึกษากันมาหลายครั้ง
อย่างความต้องการคนที่จบการศึกษาด้านอาชีวะที่มีสูง แต่ปรากฏว่ากระทรวงศึกษาฯยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
ไม่ต่างไปจากปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ปล่อยปละละเลยมานานจนกระทั่งถูกกดดันให้มีการแก้ไขอย่างจริงจังด้วยการสั่งตรวจสอบทั้งระบบ และให้มีการจดทะเบียนกันใหม่
เอาเข้าจริงก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่หากินกับแรงงานต่างด้าวไม่ให้ความร่วมมือเพราะมีผลประโยชน์
ว่ากันว่ามีถึง 11 หน่วยงานที่ยังหากินกับแรงงานต่างด้าวด้วยรูปแบบต่างๆ.
“สายล่อฟ้า”
_________________________
ถึงว่าต่ำกว่า 1 % มาตลอดอะ อย่างผมนี่นับว่าว่างงานมะ
สรุปประเทศไทยว่างงานกันเยอะไหม
น่าสนใจครับ...มีรายงานข่าวระบุว่าอัตราการว่างงานของประเทศอยู่ในระดับที่ตํ่ามากเมื่อเทียบกับประเทศเพื่อนบ้านในภูมิภาคเอเชีย ซึ่งเห็นว่าไม่น่าจะสอดคล้องกับสภาพความเป็นจริงของเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น
อัตราการว่างงานของไทยในช่วงสิ้นปี 2557 อยู่ที่ 0.56% ขณะที่อินเดียอยู่ที่ 9.4% ฟิลิปปินส์อยู่ที่ 6%
ทั้งนี้ โฆษกธนาคารแห่งประเทศไทยหรือแบงก์ชาติว่าที่เป็นเช่นนี้
ก็เพราะไทยให้คำนิยามคำว่า “ว่างงาน” ซึ่งแตกต่างจากประเทศอื่นและยังมีปัญหาในด้านโครงสร้างอีกด้วย
ไม่ต่างไปจากนักท่องเที่ยวที่นับรวมหมดจนทำให้ตัวเลขดูสูง
สาเหตุที่ทำให้อัตราการว่างงานของประเทศไทยตํ่าได้มีการวิเคราะห์ออกมาได้ 4 ประการ
1.ไทยมีแรงงานอิสระนอกระบบ เช่น พ่อค้า-แม่ค้าตามท้องถนน มอเตอร์ไซค์รับจ้าง คนขับแท็กซี่ และพวกทำงานแบบ
ฟรีแลนซ์ โดยภาคส่วนดังกล่าวมีปริมาณสูงถึง 64% ของแรงงานทั้งหมดในตลาดแรงงานปี 2556
“ไทย” นับภาคส่วนนี้ให้เป็นส่วนที่ได้รับการจ้างงาน
นอกจากนั้น ประเทศไทยยังไม่มีการประกันหรือกองทุนรองรับการว่างงานเป็นระยะเวลานาน จึงเป็นแรงกระตุ้นให้ผู้ที่สูญเสียงานหรือยังว่างงานเข้าไปสู่ภาคส่วนนี้ รวมถึงงานพาร์ตไทม์ที่นับรวมว่าเป็นการจ้างงานด้วย
2. ภาคเกษตรกรรมมีประชากรที่อยู่ในภาคส่วนนี้คิดเป็น 40% ของจำนวนประชากรทั้งหมด คือมากที่สุดของประเทศและอัตราการจ้างงานไม่นับรวมคนที่ไม่ได้ทำงานตามความรู้ความสามารถ
3. อัตราการเกิดของประชากรซึ่งมีการประเมินว่าไทยมีอัตราการเกิดในรอบ 5-6 ปี อยู่ที่ 1.4% และมีจำนวนผู้สูงอายุมากกว่าหรือเท่ากับ 60% เพิ่มขึ้นถึง 15% ในปี 2557
ดังนั้น ไทยจึงมีจำนวนประชากรวัยเกษียณมากขึ้น แต่เข้าสู่ตลาดแรงงานน้อยลง
4. ไทยมีแรงงานต่างด้าวจำนวนมากซึ่งมีการระบุตัวเลขราว 3 ล้านคน ส่วนใหญ่เป็นแรงงานจากพม่า ลาว และกัมพูชา แม้ว่ารัฐบาลจะต้องการแก้ไขปัญหาแรงงานเถื่อนด้วยการจัดให้มีการลงทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมายก็ตาม
แต่ก็ยังมีแรงงานต่างด้าวที่แฝงอยู่และไม่ได้จดทะเบียน
หากพิจารณาจากข้อวิเคราะห์ทั้ง 4 ข้อนี้ มีส่วนที่ถูกต้องเป็นส่วนใหญ่ เพราะด้วยระบบการขึ้นบัญชีที่กระทรวงมหาดไทยปล่อย ปละละเลยทำให้ไม่สามารถได้ข้อมูลที่ถูกต้องครบถ้วน ทำให้การคำนวณตัวเลขไม่ค่อยจะถูกต้องอย่างที่ควรจะเป็น
หรือจะพูดว่ามั่วกันไปหมดก็ว่าได้
เพราะในสภาพความเป็นจริงแล้วยังมีตัวเลขคนตกงานจำนวนไม่น้อย พิจารณาจากตัวเลขของผู้จบการศึกษาปรากฏว่ายังตกงานกันเป็นจำนวนมาก ทั้งจากปัญหาการศึกษาที่ยังไม่ได้คุณภาพ คือ มีแต่ปริมาณแต่ไม่มีคุณภาพทำนองนั้น
จากผลการสำรวจพบว่านักเรียนระดับ ป.4 อ่านหนังสือไม่ออกซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อจนเป็นเหตุที่ทำให้การศึกษาของไทยอยู่ในระดับรั้งท้ายกว่าประเทศเพื่อนบ้านเสียอีก
นั่นถึงต้องมีการปฏิรูปการศึกษากันมาหลายครั้ง
อย่างความต้องการคนที่จบการศึกษาด้านอาชีวะที่มีสูง แต่ปรากฏว่ากระทรวงศึกษาฯยังไม่สามารถแก้ไขปัญหานี้ได้
ไม่ต่างไปจากปัญหาแรงงานต่างด้าวที่ปล่อยปละละเลยมานานจนกระทั่งถูกกดดันให้มีการแก้ไขอย่างจริงจังด้วยการสั่งตรวจสอบทั้งระบบ และให้มีการจดทะเบียนกันใหม่
เอาเข้าจริงก็ยังไม่สามารถตรวจสอบได้ทั้งหมด เพราะเจ้าหน้าที่รัฐที่หากินกับแรงงานต่างด้าวไม่ให้ความร่วมมือเพราะมีผลประโยชน์
ว่ากันว่ามีถึง 11 หน่วยงานที่ยังหากินกับแรงงานต่างด้าวด้วยรูปแบบต่างๆ.
“สายล่อฟ้า”
_________________________
ถึงว่าต่ำกว่า 1 % มาตลอดอะ อย่างผมนี่นับว่าว่างงานมะ