บทที่ 13 พยาบาลที่รัก
“สวัสดีค่ะคุณ...” ยกมือไหว้คนที่เดินมาเปิดประตูให้เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเธอไม่น่าจะใช่แม่บ้านอย่างแน่นอน
“กะ...กัลยาค่ะ เรียกแม่แก้วก็ได้ลูก” รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเมวดีตัวเป็นๆ แบบนี้
“คุณแม่เป็นแม่คริสเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่” รีบไหว้ใหม่ทันควัน “หนูได้ข่าวว่าคริสประสบอุบัติเหตุเลยมาเยี่ยมค่ะ”
“งั้นก็เข้ามาข้างในก่อนลูก คริสนอนพักอยู่ข้างบนเดี๋ยวแม่จะไปตามลงมาให้”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ” รีบห้าม “เอ่อ...คุณแม่จะว่าไหมคะถ้าหนูจะขออนุญาตขึ้นไปเยี่ยมข้างบน” ถามอย่างเกรงใจ ถ้าจะให้กรกฤตลงมาหาเธอข้างล่างมันคงลำบากจนเกินไป
“ได้สิลูก พอดีแม่กำลังทำข้าวต้มไว้เหมือนกัน ต้องไปดูก่อน ห้องคริสจะอยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องที่มีป้ายยีราฟแขวนอยู่ เมยลองสังเกตดูนะจ๊ะ”
“ค่ะ” เดินขึ้นไปตามที่กัลยาบอก “ห้องทางซ้ายมือ มียีราฟ...” มองไปรอบๆ “นั้นไง” กำลังจะเคาะประตูแต่ก็ชะงักมือเอาไว้ เมื่อลองบิดกุญแจดูก็พบว่าห้องไม่ได้ล็อค
เมวดีค่อยๆ ปิดประตูแล้วย่องเข้าไปข้างในเบาๆ เพราะนึกขึ้นได้ว่ากรกฤตกำลังนอนอยู่เธอจึงไม่อยากรบกวน เมื่อมองไปรอบๆ ห้องก็ต้องตกใจ ห้องนี้เต็มไปด้วยรูปของเธอ! แถมรูปทุกรูปไม่ใช่รูปปัจจุบันตอนที่เธอเป็นดาราด้วย รูปสมัยเรียนมัธยม! เป็นไปได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเขาแอบถ่ายเอาไว้ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ขอบตายิ่งร้อนผ่าว ละสายตาจากรูปไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ตรงหัวเตียงก็มีภาพเธอ! แล้วคำพูดของธนทัตก็แล่นเข้ามาในหัว ‘พี่จำเด็กคนที่พี่เคยช่วยตอนที่เขาถูกรถชนได้ไหม เด็กคนนั้นคือเพื่อนผมเอง มันรักพี่มานานแล้ว’ ก่อนตามมาด้วยคำพูดของกรกฤตที่ทำให้คนหวนนึกถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ‘ไม่! ผมไม่ได้เป็นแบบผู้ชายพวกนั้น ผมจริงใจกับพี่’
“คริสเมยขอโทษ” พอเห็นเขาขยับตัวก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง เธอไม่อยากให้เขาตื่นขึ้นมาตอนนี้!
เมวดีค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เตียงแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อมองหน้าคนหลับชัดๆ คิ้วหนาๆ ขนตาก็งอนยาวอย่างกับผู้หญิง จมูกโด่งที่ขยับเล็กน้อยเนื่องจากจังหวะการหายใจ บวกกับปากรูปกระจับที่ปิดไม่ค่อยสะนิดนัก เมื่อสำรวจใบหน้าทั้งหมดก็อดขำตัวเองไม่ได้ นี่น่ะเหรอเด็กที่เธอเคยช่วย! เด็กผู้ชายม.ต้น ตัวผอมๆ บางๆ โตขึ้นมาแล้วหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย! ถ้ารู้แบบนี้จองไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!
นั่งยิ้มอยู่นานก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอจับโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้บ้าง เอาคืนปาปารัสซี่คนเก่งหน่อยเป็นไร! แอบถ่ายรูปคนอื่นดีนัก ต้องเจอแบบนี้!
แล้วก็ต้องตกใจรีบเก็บโทรศัพท์เพราะเสียงหัวเราะของเธอดันปลุกให้เขาตื่น
“พี่เมย! โอ๊ย! ”
“อย่างพึ่งขยับมาก” รีบเข้าไปพยุงคนป่วยนั่งพิงที่หัวเตียง
“พี่มาได้ยังไง”
“มาตามเสียงเรียกของหัวใจ” กรกฤตขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“พี่กลับไปเลยไป”
“ทำไม”
“พี่เห็นผมเป็นตัวตลกหรือไง! คิดจะไล่ก็ไล่ คิดจะมาหาก็มา! ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น ที่ผ่านมาเมยผิดเอง เมยขอโทษ เมยผิดเองที่เอา คริสไปเทียบกับคนอื่น ผิดเองที่ไม่เชื่อใจคริส” ...ผิดเองที่โง่จนจำคริสไม่ได้
เอื้อมมือไปจับมือกรกฤตไว้แต่เขาก็สะบัดออก “พี่จะเล่นตลกอะไรอีก พอเถอะผมไม่สนุกด้วย หรือพี่ทะเลาะกับแฟนเลยคิดถึงผมขึ้นมา”
“แฟน? ”
“ก็นายเติ้ลไง แฟนพี่ไม่ใช่เหรอ เห็นไปกอดไปจูบกันอยู่ลานจอดรถกลางวันแสกๆ ” น้ำเสียงประชดประชัน
“กอด...จูบ...” คิ้วขมวดนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาพูด ไม่น่าล่ะ! วันนั้นนี่เอง อ๊าก!
“เรื่องนั้นเมยอธิบายได้”
“ไม่ต้อง” สะบัดหน้าหนี
จับหน้ากรกฤตหันกลับมามองตนเอง “คริสเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดอะไร จูบกันขนาดนั้น ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะ”
“ที่เมยจูบเพราะเมยแค่อยากพิสูจน์ใจพี่เติ้ลแค่นั้นเอง”
กรกฤตสะบัดหน้าหนีอีกรอบ
เมวดีจับหน้าเขาหันกลับมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้เธอไม่ยอมเอามือออกยังจับไว้อย่างนั้น “พี่เขาเป็นเกย์ แต่เขาไม่รู้ใจตนเอง”
“เป็นเกย์”
“อืม พี่แอนนาไปสืบมาแล้วด้วย เป็นเกย์จริงๆ เกย์ร้อยเปอเซ็นเลย”
นิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วไง เป็นเกย์ก็ต้องจูบเขาด้วยงั้นเหรอ เกย์ก็ผู้ชายอยู่ดี”
“สรุปจะไม่หายโกรธใช่ไหม”
“อืม ใครมันจะไปรับได้ที่เห็นแฟนตัวเองไปจะ...”
ประโยคสุดท้ายเลือนหายไปเมื่อเมวดีประกบริมฝีปากบางลงบนปากหนารูปกระจับที่กำลังอ้าค้างอยู่พอดี เหมือนหัวใจของเขาจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาแทบตั้งตัวไม่ทัน ไม่สิ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้ด้วยซ้ำ นี่คือวิธีง้อของเธอใช่ไหม ทำไมถึงทำแบบนี้ รู้ไหมว่าเธอกำลังจะทำให้เขาตายเพราะจูบกับเธอ...
กรกฤตครางในลำคอก่อนจะจูบตอบเมวดี ตอนนี้เป็นฝ่ายหญิงที่แพ้เกมส์ เขาไม่ยอมให้เธอถอนจูบและก็ไม่ยอมที่จะหยุดลิ้มรสหวานจากปากเธอเลย แม้จะได้ยินเสียงเมวดีค้านในลำคอแต่เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาต้องการเธอ...เขารักเธอเหลือเกิน...
“คริส” พูดเสียงแผ่วผลักชายหนุ่มออกได้ก็หายใจหอบ ยกมือจับปากตนเอง “คนบ้า! ใครบอกให้จูบเมย”
“ก็ใครให้พี่จูบผมก่อนล่ะ” น้ำเสียงและสายตาเจ้าเล่ห์จนเมวดี หมั่นไส้
“เด็กบ้า! ” ตีแขนเข้าไปเต็มแรง
“โอ๊ย! ”
“เจ็บเหรอ เมยขอโทษๆ ” กรกฤตอาศัยจังหวะนั้นขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ “คริส! ” ยกมือจะตีอีกรอบ
“โอ๊ย! ”
“ยังไม่ตี”
กรกฤตหัวเราะร่า “ซ้อมไว้ไง”
“บ้า”
ใช้แขนอีกข้างที่ไม่เจ็บรวบร่างเมวดีมากอดไว้ “พี่มาที่นี่ถูกได้ไง ใครบอก แล้วทำไมถึงหายโกรธผม”
“ก็...” เอานิ้วไขว้กันไว้ข้างหลัง “เมยรู้ความจริงแล้วไงก็เลยหายโกรธ ส่วนบ้านคริสก็ไม่เห็นยาก โทรถามแท่งก็รู้แล้ว” ไม่อยากโกหกเลย เค้าขอโทษ
“ความจริง ความจริงอะไร”
“ก็ความจริงที่ว่า เด็กน้อยข้างสะพานกับใครบางคนเป็นคนๆ เดียวกันไง”
“พี่รู้”
เอามือไขว้กันอีกรอบ มีครั้งที่หนึ่งมันก็ต้องมีครั้งที่สองตามมาเสมอ... “ใช่ เมยสงสัยมานานแล้วด้วยแต่พึ่งแน่ใจตอนที่ไปดูเสื้อนักเรียน”
“พี่รู้”
“ใช่” แล้วครั้งที่สามก็ตามมาติดๆ “นี่คิดว่าเมยโง่ขนาดนั้นเลยเหรอไง เมยสงสัยตั้งแต่แรกแล้วไม่งั้นคงไม่ตามคริสต่อยๆ ตั้งแต่ตอนแรกหรอก”
คนฟังเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “งั้นพี่ก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผน? ”
“แผน? มีแผนด้วยเหรอ” แหม...ใช้หน้าที่การงาน การเป็นนักแสดงได้คุ่มค่าจริงๆ แอ๊บใสใส! “เล่ามาให้หมดเลย”
ตอนแรกชายหนุ่มก็อ้ำๆ อึ้งๆ แต่พอโดนซักซ้ำๆ ก็ยอมเล่าความจริงให้ฟังทุกๆ อย่าง เล่าไปขอโทษไป ไม่ได้รู้เลยว่าคนฟังไม่คิดโกรธสักนิดเดียว แอบหัวเราะในใจด้วยซ้ำ
“งั้นก็แสดงว่าวันนั้น เด็กกับผู้หญิงที่เมยเห็นก็เป็นคนเดียวกับเด็กที่อยู่กลางถนนใช่ไหม”
“เห็นวันไหน อ๋อ! คิดออกแล้ว ไอ้บอมมันเล่าให้ฟังเหมือนกัน”
‘นิน...’ ว่าจะตะโกนเรียกน้องสาว แต่ก็ต้องหุบปากเมื่อเหลือบไปเห็นเมวดียืนอยู่ ‘ให้ตายเถอะ
แล้วไหมล่ะ’ ภากรเร่งสปีดเท้าวิ่งไปทางหลังร้านอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เขาเป็นนักวิ่งเหรียญทองมาก่อน เขาจึงวิ่งถึงหลังร้านได้อย่างรวดเร็ว
‘พี่บอ...’ ภากรรีบยกมือปิดปากน้องสาว ทั้งที่ตัวเองกำลังหายใจหอบ
‘จุๆ เงียบๆ ก่อนค่ะ มานี่เร็ว’ อุ้มน้องเข้าไปในห้องน้ำชาย เมื่อเห็นพี่เลี้ยงยืนมองก็รีบกวักมือเรียก ‘พี่เย็นเข้ามานี่ก่อนเร็ว’
‘เราเล่นซ่อนหากันเหรอค่ะ’ นินจากระซิบพี่ชาย
‘ใช่แล้ว พี่แท่งกำลังหาเราอยู่’ ตอบเสียงเบา ‘น้องนินจาต้องอยู่ในนี้ก่อน แล้วก็ต้องเงียบๆ เข้าใจไหม’
‘เข้าใจค่ะ จุๆ พี่เย็นเงียบนะคะ เดี๋ยวพี่แท่งหาเจอ’ หันไปกระซิบพี่เลี้ยง
‘พี่เย็นผมฝากน้องด้วยนะ อีกสามนาทีค่อยพานินจาขึ้นไปบนห้องผมแต่ห้ามไปเข้าทางหน้าร้านนะครับ’
‘ค่ะๆ ’
‘พี่บอมจะไปไหนคะ เดี๋ยวก็โดนโป้งหรอก’
‘เดี๋ยวพี่ต้องไปโป้งพี่แท่งก่อน พี่แท่งจะได้ไม่มาจับนินจาไงคะ น้องนินจารออยู่นี่นะ เงียบๆ ด้วย’
‘ค่ะ’
ภากรเดินออกมาจากห้องน้ำพลางทำท่าทางเหมือนกำลังดึงเข็มขัด ก่อนจะทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเมวดี ‘อ้าวพี่เมย มารับรถเหรอครับ’
‘จ้ะ’
‘รถจอดอยู่อีกฝั่งนะครับพี่ มาเดี๋ยวผมพาไป’
“โอ้โฮ้! โดนต้มซะเปื่อยเลย อย่าให้เจอนะบอม”
“รู้ไหมบอมมันกลัวพี่รู้เรื่องแผนการที่สุดเลยนะ”
“แหง่สิ เล่นลงมือมากกว่าเพื่อนนี่นา”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมวดียรีบผละออกจากกรกฤตทันที “ตื่นแล้วเหรอลูก แม่ทำข้าวต้มมาให้ กินข้าวก่อนค่อยกินยานะ”
“คริสไม่สบายด้วยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เมื่อคืนก็มีไข้แต่ยังบอกหมอว่าอยากกลับบ้าน ดื้อมาก”
“แม่”
“ก็มันจริงไหมล่ะ” กัลยาค้อนลูกชาย “เมยฝากดูแลด้วยนะหนูเมย อยู่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมกินข้าว แต่ตอนนี้คงจะกินได้แล้วแหละแม่ว่า”
“แม่...” เริ่มหน้าแดง
“ดูสิหน้าแดงหูแดงแล้ว สงสัยไข้ขึ้นแน่ๆ เลย รีบๆ กินข้าวแล้วกินยานะลูก” พูดขำๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“แม่นะแม่”
“แดงจริงๆ ด้วย” ชี้ที่หู “ไข้ขึ้นเหรอ”
“...” นอนคุมโปงทันที
“อ้าว นอนอีกทำไม ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน”
“ไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ลุกขึ้นมา” ยังนอนนิ่ง “ไม่ล้อแล้วก็ได้ ลุกขึ้นมาเร็วๆ ”
ค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เมวดีพยายามไม่มองไปที่ใบหูของเขาทั้งๆ ที่มันแดงจนสะดุดตา ท่าทางจะเขินจริงๆ นะเนี่ย!
“ยิ้มอะไร”
“เปล่าๆ ” ตักข้าวต้มป้อนคนป่วย
“อืม! ” ยกมือปิดปาดแทบไม่ทัน “มันร้อน”
“อ้าวเหรอ! ”
“เป่าให้หน่อย”
“โอเคๆ อะๆ เป่าแล้ว”
รักได้ยินรึเปล่า #บทที่ 13
“สวัสดีค่ะคุณ...” ยกมือไหว้คนที่เดินมาเปิดประตูให้เพราะดูจากการแต่งตัวแล้วเธอไม่น่าจะใช่แม่บ้านอย่างแน่นอน
“กะ...กัลยาค่ะ เรียกแม่แก้วก็ได้ลูก” รู้สึกตกใจเพราะไม่คิดว่าจะได้เจอเมวดีตัวเป็นๆ แบบนี้
“คุณแม่เป็นแม่คริสเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ”
“สวัสดีค่ะคุณแม่” รีบไหว้ใหม่ทันควัน “หนูได้ข่าวว่าคริสประสบอุบัติเหตุเลยมาเยี่ยมค่ะ”
“งั้นก็เข้ามาข้างในก่อนลูก คริสนอนพักอยู่ข้างบนเดี๋ยวแม่จะไปตามลงมาให้”
“ไม่ต้องก็ได้ค่ะ” รีบห้าม “เอ่อ...คุณแม่จะว่าไหมคะถ้าหนูจะขออนุญาตขึ้นไปเยี่ยมข้างบน” ถามอย่างเกรงใจ ถ้าจะให้กรกฤตลงมาหาเธอข้างล่างมันคงลำบากจนเกินไป
“ได้สิลูก พอดีแม่กำลังทำข้าวต้มไว้เหมือนกัน ต้องไปดูก่อน ห้องคริสจะอยู่ทางซ้ายมือเป็นห้องที่มีป้ายยีราฟแขวนอยู่ เมยลองสังเกตดูนะจ๊ะ”
“ค่ะ” เดินขึ้นไปตามที่กัลยาบอก “ห้องทางซ้ายมือ มียีราฟ...” มองไปรอบๆ “นั้นไง” กำลังจะเคาะประตูแต่ก็ชะงักมือเอาไว้ เมื่อลองบิดกุญแจดูก็พบว่าห้องไม่ได้ล็อค
เมวดีค่อยๆ ปิดประตูแล้วย่องเข้าไปข้างในเบาๆ เพราะนึกขึ้นได้ว่ากรกฤตกำลังนอนอยู่เธอจึงไม่อยากรบกวน เมื่อมองไปรอบๆ ห้องก็ต้องตกใจ ห้องนี้เต็มไปด้วยรูปของเธอ! แถมรูปทุกรูปไม่ใช่รูปปัจจุบันตอนที่เธอเป็นดาราด้วย รูปสมัยเรียนมัธยม! เป็นไปได้ยังไง อย่าบอกนะว่าเขาแอบถ่ายเอาไว้ ยิ่งเดินเข้าไปใกล้ขอบตายิ่งร้อนผ่าว ละสายตาจากรูปไปมองคนที่นอนหลับอยู่บนเตียง
ตรงหัวเตียงก็มีภาพเธอ! แล้วคำพูดของธนทัตก็แล่นเข้ามาในหัว ‘พี่จำเด็กคนที่พี่เคยช่วยตอนที่เขาถูกรถชนได้ไหม เด็กคนนั้นคือเพื่อนผมเอง มันรักพี่มานานแล้ว’ ก่อนตามมาด้วยคำพูดของกรกฤตที่ทำให้คนหวนนึกถึงกลั้นน้ำตาไว้ไม่ได้ ‘ไม่! ผมไม่ได้เป็นแบบผู้ชายพวกนั้น ผมจริงใจกับพี่’
“คริสเมยขอโทษ” พอเห็นเขาขยับตัวก็รีบยกมือปิดปากตัวเอง เธอไม่อยากให้เขาตื่นขึ้นมาตอนนี้!
เมวดีค่อยๆ ย่องเข้าไปใกล้เตียงแล้วนั่งลงข้างๆ เพื่อมองหน้าคนหลับชัดๆ คิ้วหนาๆ ขนตาก็งอนยาวอย่างกับผู้หญิง จมูกโด่งที่ขยับเล็กน้อยเนื่องจากจังหวะการหายใจ บวกกับปากรูปกระจับที่ปิดไม่ค่อยสะนิดนัก เมื่อสำรวจใบหน้าทั้งหมดก็อดขำตัวเองไม่ได้ นี่น่ะเหรอเด็กที่เธอเคยช่วย! เด็กผู้ชายม.ต้น ตัวผอมๆ บางๆ โตขึ้นมาแล้วหล่อขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย! ถ้ารู้แบบนี้จองไว้ตั้งแต่ตอนนั้นแล้ว!
นั่งยิ้มอยู่นานก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ เธอจับโทรศัพท์ออกมาถ่ายรูปเขาเก็บเอาไว้บ้าง เอาคืนปาปารัสซี่คนเก่งหน่อยเป็นไร! แอบถ่ายรูปคนอื่นดีนัก ต้องเจอแบบนี้!
แล้วก็ต้องตกใจรีบเก็บโทรศัพท์เพราะเสียงหัวเราะของเธอดันปลุกให้เขาตื่น
“พี่เมย! โอ๊ย! ”
“อย่างพึ่งขยับมาก” รีบเข้าไปพยุงคนป่วยนั่งพิงที่หัวเตียง
“พี่มาได้ยังไง”
“มาตามเสียงเรียกของหัวใจ” กรกฤตขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยิน “ทำไมทำหน้าแบบนั้นล่ะ”
“พี่กลับไปเลยไป”
“ทำไม”
“พี่เห็นผมเป็นตัวตลกหรือไง! คิดจะไล่ก็ไล่ คิดจะมาหาก็มา! ”
“มันไม่ใช่แบบนั้น ที่ผ่านมาเมยผิดเอง เมยขอโทษ เมยผิดเองที่เอา คริสไปเทียบกับคนอื่น ผิดเองที่ไม่เชื่อใจคริส” ...ผิดเองที่โง่จนจำคริสไม่ได้
เอื้อมมือไปจับมือกรกฤตไว้แต่เขาก็สะบัดออก “พี่จะเล่นตลกอะไรอีก พอเถอะผมไม่สนุกด้วย หรือพี่ทะเลาะกับแฟนเลยคิดถึงผมขึ้นมา”
“แฟน? ”
“ก็นายเติ้ลไง แฟนพี่ไม่ใช่เหรอ เห็นไปกอดไปจูบกันอยู่ลานจอดรถกลางวันแสกๆ ” น้ำเสียงประชดประชัน
“กอด...จูบ...” คิ้วขมวดนึกถึงเหตุการณ์ที่เขาพูด ไม่น่าล่ะ! วันนั้นนี่เอง อ๊าก!
“เรื่องนั้นเมยอธิบายได้”
“ไม่ต้อง” สะบัดหน้าหนี
จับหน้ากรกฤตหันกลับมามองตนเอง “คริสเข้าใจผิด”
“เข้าใจผิดอะไร จูบกันขนาดนั้น ไปหลอกเด็กอนุบาลเถอะ”
“ที่เมยจูบเพราะเมยแค่อยากพิสูจน์ใจพี่เติ้ลแค่นั้นเอง”
กรกฤตสะบัดหน้าหนีอีกรอบ
เมวดีจับหน้าเขาหันกลับมาเหมือนเดิม แต่คราวนี้เธอไม่ยอมเอามือออกยังจับไว้อย่างนั้น “พี่เขาเป็นเกย์ แต่เขาไม่รู้ใจตนเอง”
“เป็นเกย์”
“อืม พี่แอนนาไปสืบมาแล้วด้วย เป็นเกย์จริงๆ เกย์ร้อยเปอเซ็นเลย”
นิ่งไปครู่หนึ่ง “แล้วไง เป็นเกย์ก็ต้องจูบเขาด้วยงั้นเหรอ เกย์ก็ผู้ชายอยู่ดี”
“สรุปจะไม่หายโกรธใช่ไหม”
“อืม ใครมันจะไปรับได้ที่เห็นแฟนตัวเองไปจะ...”
ประโยคสุดท้ายเลือนหายไปเมื่อเมวดีประกบริมฝีปากบางลงบนปากหนารูปกระจับที่กำลังอ้าค้างอยู่พอดี เหมือนหัวใจของเขาจะหยุดเต้นไปชั่วขณะ เขาแทบตั้งตัวไม่ทัน ไม่สิ เขาไม่คิดว่าเธอจะทำแบบนี้ด้วยซ้ำ นี่คือวิธีง้อของเธอใช่ไหม ทำไมถึงทำแบบนี้ รู้ไหมว่าเธอกำลังจะทำให้เขาตายเพราะจูบกับเธอ...
กรกฤตครางในลำคอก่อนจะจูบตอบเมวดี ตอนนี้เป็นฝ่ายหญิงที่แพ้เกมส์ เขาไม่ยอมให้เธอถอนจูบและก็ไม่ยอมที่จะหยุดลิ้มรสหวานจากปากเธอเลย แม้จะได้ยินเสียงเมวดีค้านในลำคอแต่เขาก็ไม่สนใจอะไรทั้งนั้น เขาต้องการเธอ...เขารักเธอเหลือเกิน...
“คริส” พูดเสียงแผ่วผลักชายหนุ่มออกได้ก็หายใจหอบ ยกมือจับปากตนเอง “คนบ้า! ใครบอกให้จูบเมย”
“ก็ใครให้พี่จูบผมก่อนล่ะ” น้ำเสียงและสายตาเจ้าเล่ห์จนเมวดี หมั่นไส้
“เด็กบ้า! ” ตีแขนเข้าไปเต็มแรง
“โอ๊ย! ”
“เจ็บเหรอ เมยขอโทษๆ ” กรกฤตอาศัยจังหวะนั้นขโมยหอมแก้มฟอดใหญ่ “คริส! ” ยกมือจะตีอีกรอบ
“โอ๊ย! ”
“ยังไม่ตี”
กรกฤตหัวเราะร่า “ซ้อมไว้ไง”
“บ้า”
ใช้แขนอีกข้างที่ไม่เจ็บรวบร่างเมวดีมากอดไว้ “พี่มาที่นี่ถูกได้ไง ใครบอก แล้วทำไมถึงหายโกรธผม”
“ก็...” เอานิ้วไขว้กันไว้ข้างหลัง “เมยรู้ความจริงแล้วไงก็เลยหายโกรธ ส่วนบ้านคริสก็ไม่เห็นยาก โทรถามแท่งก็รู้แล้ว” ไม่อยากโกหกเลย เค้าขอโทษ
“ความจริง ความจริงอะไร”
“ก็ความจริงที่ว่า เด็กน้อยข้างสะพานกับใครบางคนเป็นคนๆ เดียวกันไง”
“พี่รู้”
เอามือไขว้กันอีกรอบ มีครั้งที่หนึ่งมันก็ต้องมีครั้งที่สองตามมาเสมอ... “ใช่ เมยสงสัยมานานแล้วด้วยแต่พึ่งแน่ใจตอนที่ไปดูเสื้อนักเรียน”
“พี่รู้”
“ใช่” แล้วครั้งที่สามก็ตามมาติดๆ “นี่คิดว่าเมยโง่ขนาดนั้นเลยเหรอไง เมยสงสัยตั้งแต่แรกแล้วไม่งั้นคงไม่ตามคริสต่อยๆ ตั้งแต่ตอนแรกหรอก”
คนฟังเริ่มหน้าแดงขึ้นเรื่อยๆ “งั้นพี่ก็รู้ว่าทั้งหมดเป็นแผน? ”
“แผน? มีแผนด้วยเหรอ” แหม...ใช้หน้าที่การงาน การเป็นนักแสดงได้คุ่มค่าจริงๆ แอ๊บใสใส! “เล่ามาให้หมดเลย”
ตอนแรกชายหนุ่มก็อ้ำๆ อึ้งๆ แต่พอโดนซักซ้ำๆ ก็ยอมเล่าความจริงให้ฟังทุกๆ อย่าง เล่าไปขอโทษไป ไม่ได้รู้เลยว่าคนฟังไม่คิดโกรธสักนิดเดียว แอบหัวเราะในใจด้วยซ้ำ
“งั้นก็แสดงว่าวันนั้น เด็กกับผู้หญิงที่เมยเห็นก็เป็นคนเดียวกับเด็กที่อยู่กลางถนนใช่ไหม”
“เห็นวันไหน อ๋อ! คิดออกแล้ว ไอ้บอมมันเล่าให้ฟังเหมือนกัน”
‘นิน...’ ว่าจะตะโกนเรียกน้องสาว แต่ก็ต้องหุบปากเมื่อเหลือบไปเห็นเมวดียืนอยู่ ‘ให้ตายเถอะ แล้วไหมล่ะ’ ภากรเร่งสปีดเท้าวิ่งไปทางหลังร้านอย่างรวดเร็ว โชคดีที่เขาเป็นนักวิ่งเหรียญทองมาก่อน เขาจึงวิ่งถึงหลังร้านได้อย่างรวดเร็ว
‘พี่บอ...’ ภากรรีบยกมือปิดปากน้องสาว ทั้งที่ตัวเองกำลังหายใจหอบ
‘จุๆ เงียบๆ ก่อนค่ะ มานี่เร็ว’ อุ้มน้องเข้าไปในห้องน้ำชาย เมื่อเห็นพี่เลี้ยงยืนมองก็รีบกวักมือเรียก ‘พี่เย็นเข้ามานี่ก่อนเร็ว’
‘เราเล่นซ่อนหากันเหรอค่ะ’ นินจากระซิบพี่ชาย
‘ใช่แล้ว พี่แท่งกำลังหาเราอยู่’ ตอบเสียงเบา ‘น้องนินจาต้องอยู่ในนี้ก่อน แล้วก็ต้องเงียบๆ เข้าใจไหม’
‘เข้าใจค่ะ จุๆ พี่เย็นเงียบนะคะ เดี๋ยวพี่แท่งหาเจอ’ หันไปกระซิบพี่เลี้ยง
‘พี่เย็นผมฝากน้องด้วยนะ อีกสามนาทีค่อยพานินจาขึ้นไปบนห้องผมแต่ห้ามไปเข้าทางหน้าร้านนะครับ’
‘ค่ะๆ ’
‘พี่บอมจะไปไหนคะ เดี๋ยวก็โดนโป้งหรอก’
‘เดี๋ยวพี่ต้องไปโป้งพี่แท่งก่อน พี่แท่งจะได้ไม่มาจับนินจาไงคะ น้องนินจารออยู่นี่นะ เงียบๆ ด้วย’
‘ค่ะ’
ภากรเดินออกมาจากห้องน้ำพลางทำท่าทางเหมือนกำลังดึงเข็มขัด ก่อนจะทำสีหน้าตกใจเมื่อเห็นเมวดี ‘อ้าวพี่เมย มารับรถเหรอครับ’
‘จ้ะ’
‘รถจอดอยู่อีกฝั่งนะครับพี่ มาเดี๋ยวผมพาไป’
“โอ้โฮ้! โดนต้มซะเปื่อยเลย อย่าให้เจอนะบอม”
“รู้ไหมบอมมันกลัวพี่รู้เรื่องแผนการที่สุดเลยนะ”
“แหง่สิ เล่นลงมือมากกว่าเพื่อนนี่นา”
เสียงเคาะประตูดังขึ้นเมวดียรีบผละออกจากกรกฤตทันที “ตื่นแล้วเหรอลูก แม่ทำข้าวต้มมาให้ กินข้าวก่อนค่อยกินยานะ”
“คริสไม่สบายด้วยเหรอคะ”
“ใช่จ้ะ เมื่อคืนก็มีไข้แต่ยังบอกหมอว่าอยากกลับบ้าน ดื้อมาก”
“แม่”
“ก็มันจริงไหมล่ะ” กัลยาค้อนลูกชาย “เมยฝากดูแลด้วยนะหนูเมย อยู่โรงพยาบาลก็ไม่ยอมกินข้าว แต่ตอนนี้คงจะกินได้แล้วแหละแม่ว่า”
“แม่...” เริ่มหน้าแดง
“ดูสิหน้าแดงหูแดงแล้ว สงสัยไข้ขึ้นแน่ๆ เลย รีบๆ กินข้าวแล้วกินยานะลูก” พูดขำๆ ก่อนจะหันหลังเดินออกไป
“แม่นะแม่”
“แดงจริงๆ ด้วย” ชี้ที่หู “ไข้ขึ้นเหรอ”
“...” นอนคุมโปงทันที
“อ้าว นอนอีกทำไม ลุกขึ้นมากินข้าวก่อน”
“ไม่หิว”
“ไม่หิวก็ต้องกิน ลุกขึ้นมา” ยังนอนนิ่ง “ไม่ล้อแล้วก็ได้ ลุกขึ้นมาเร็วๆ ”
ค่อยๆ เปิดผ้าห่มออกก่อนจะลุกขึ้นนั่ง เมวดีพยายามไม่มองไปที่ใบหูของเขาทั้งๆ ที่มันแดงจนสะดุดตา ท่าทางจะเขินจริงๆ นะเนี่ย!
“ยิ้มอะไร”
“เปล่าๆ ” ตักข้าวต้มป้อนคนป่วย
“อืม! ” ยกมือปิดปาดแทบไม่ทัน “มันร้อน”
“อ้าวเหรอ! ”
“เป่าให้หน่อย”
“โอเคๆ อะๆ เป่าแล้ว”