รักได้ยินรึเปล่า #บทส่งท้าย

กระทู้สนทนา
อ่านบทอื่นๆ ได้ที่นี่ค่ะ http://ppantip.com/topic/32729269




คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ







บทส่งท้าย




“พ่อกับแม่ส่งแค่นี้นะลูก” กัลยาบอกลูกชายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ทั้งที่คิดว่าตนเองทำใจมาแล้วเรื่องที่ลูกต้องไปเรียนต่อแต่พอเอาเข้าจริงเธอกับทั้งใจหายทั้งเป็นห่วง

“แม่อย่าร้องไห้สิครับ ผมบอกแล้วไงว่าจะโทรหาแม่ทุกวัน”

“ไม่เอาน่าคุณ เดี๋ยวลูกไม่สบายใจ” ผู้เป็นพ่อพูดขึ้น “ได้ต้องห่วงแม่นะลูก พ่อจะดูแลแม่เอง ลูกไปที่โน้นมีหน้าที่เรียนก็ทำหน้าที่ของตนเองให้ดีที่สุด พ่อจะรอวันที่ลูกกลับมาและพร้อมที่จะดูแลงานทุกๆ อย่างแทนพ่อ”

กรกฤตยิ้มรับคำพูดของพ่อ “ครับพ่อ ผมไปนะครับแม่” กอดและหอมแก้มกัลยาก่อนยกมือไหว้แล้วเดินจากไป

วันนี้ผมต้องเดินทางไปอเมริกาแต่พี่เมยโทรมาบอกว่าติดถ่ายละครไม่สามารถมาส่งได้จริงๆ
ผมยอมรับว่าน้อยใจแต่จะให้ทำไงได้ พี่เขาก็มีงานที่ต้องทำนี่นา...ผมเลยได้แต่บอกพี่เขาว่าให้ตั้งใจทำงานไม่ต้องห่วงผม

เฮ้อ...ไม่น่านึกถึงเลย นึกถึงเขาทีไร ผมไม่อยากไปทุกที ท่องไว้ๆ เพื่ออนาคต! แล้วก็มีบางอย่างทำให้ผมสะดุดตา! เด็กผู้หญิงม.ปลาย ที่ยืนหันหลังอยู่ข้างหน้า ทำไมผมถึงรู้สึกว่าเขาเหมือนพี่เมยจัง ผมยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก็มั่นใจว่าใช่แน่ๆ ผมว่าสัญชาติยานผมไม่น่าพลาด! หรือผมจะคิดถึงจนตาลาย?
ในเมื่อไม่กระจ่างใจผมจึงเดินเข้าไปใกล้ๆ เพื่อจะได้เห็นหน้าของเธอ แต่พอผมเดินเข้าไปใกล้เธอกลับยกโทรศัพท์ขึ้นมาคุยแล้วเดินหนีไปซะงั้น ไม่ได้! ยังไงวันนี้ก็ต้องเห็นหน้าเธอให้ได้

ผมตัดสินใจเดินตามไปติดๆ “ขอโทษนะครับ น้อง! ” เธอไม่ยอมหยุดและหันมามองผมอยู่ดี “น้องครับ เดี๋ยวก่อน” วิ่งไปจนถึงตัวในเวลาอันรวดเร็ว จับมือเธอให้หันกลับมา

เธอยิ้มกว้างแล้วกระโดดกอดผม “นึกว่าจะจำไม่ได้ซะอีก”

ผมกอดตอบโดยที่ไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น “ไหนบอกว่าติดถ่ายละคร”

“เมยโกหกเพราะอยากมาเซอร์ไพร์” เธอผละออกจากผม หมุนตัวให้ดูชุดนักเรียนที่กำลังใส่ “น่ารักไหม ดูเด็กขึ้นป่ะ”

ผมพยักหน้า เธอน่ารักจริงๆ ! ใครจะว่าผมยอแฟนตัวเองก็ว่าเถอะ ผมยอจริงๆ ฮ่าๆ “ทำไมแต่งชุดนี้มา”

“ก็...มันเป็นชุดที่คริสเห็นเมยครั้งแรก” ผมเบิกตากว้าง เธอกำลังคิดอะไรอยู่ “เมยแค่อยากใส่มันให้คริสดูอีก อยากรู้ว่าคริสจะจำได้ไหม”

“แค่นั้น? ”

“ยังมีอีกข้อ”

“อะไร” ผมถามทั้งที่ยิ้มไม่หุบ เธอยังเหมือนตอนสมัยมัธยมไม่มีเปลี่ยนแปลงทั้งรูปร่าง หน้าตา จะมีเปลี่ยนไปแค่ปลายผมที่รวบขึ้นยาวกว่าเดิม มันไม่แปลกเลยสักนิดที่ผมจะจำเธอได้ ‘นางฟ้า’ ของผม

เธอหยิบอัลบั้มภาพขึ้นมายื่นให้ “เมยให้ เก็บเอาไว้ดูเวลาคิดถึงนะ เมยเขียนข้างหลังรูปถึงคริสทุกใบเลย เพราะมันเป็นรูปที่เมยตั้งใจถ่ายให้ คริสดูคนเดียว รู้ไหมว่ากว่าจะได้มาแต่ละรูปลำบากแค่ไหน”

ผมเปิดดูก็พบว่ามันเป็นภาพที่เธอใส่ชุดนักเรียนม.ปลาย ซึ่งสถานที่ที่ถ่ายภาพคือโรงเรียนเก่าของผมกับเธอนั้นเอง

“รูปที่คริสถ่ายบางรูปก็ไม่สวยแถมเกือบทุกรูปเมยไม่มองกล้องด้วย เลยไปถ่ายมาให้ใหม่”

“ใครถ่ายให้? ”

‘เดี๋ยวๆ เปลี่ยนมุมๆ มุมนี้ไม่เริดเท่าไหร่’

‘นี่นังแพท ฉันให้แกมาถ่ายรูปให้ฉัน ไม่ใช่ให้ฉันถ่ายให้แกนะ’ เมวดีค้อนเพื่อนสาว

‘แกก็ถ่ายให้ฉันก่อน เดี๋ยวฉันจะถ่ายให้แก เร็วๆ โพดจนเมื่อยแล้วเนี่ย’

เมวดีมองเพชรในชุดนักเรียนหญิงมัธยมปลายที่กำลังโพดท่าโน้นท่านี่อย่างเมามัน ทั้งที่เธอชวนตอนแรกอิดออดไม่อยากมาแท้ๆ แต่พอมาจริงๆ แหม...แต่งเริดกว่าฉันอีก! ตลอด...! ตลอด...!

‘ฉันพึ่งรู้นะเนี่ยว่าตนเองใส่ชุดนักเรียนหญิงแล้วน่ารักขนาดนี้’ หัวเราะร่าอย่างมีความสุข ‘สวรรค์ไม่น่ากลั่นแกล้งให้ฉันเกิดมาเป็นผู้ชายเล๊ย ไม่งั้นฉันคงได้ใส่ชุดแบบนี้ไปนานแล้ว’ บ่นไปโพดท่าไป ‘ถ่ายยัง’

‘ถ่ายอยู่นี่แหละ ถ่ายจนฟิมล์จะเต็มแล้วเนี่ย รูปฉันมีไม่ถึงสิบรูปด้วยซ้ำ’

‘แกก็อย่าบ่นมาก เห็นใจฉันหน่อยฉันเก็บกดไม่เคยได้ใส่มาก่อน’


“พี่แพ็ตถ่ายรูปสวยจัง ดูสิน่ารักๆ ทั้งนั้นเลย”

“ที่รูปน่ารักเพราะเมยน่ารักต่างหาก”

ผมเลิกคิ้วเบ้ปากนิดๆ แกล้งเธอ แล้วก็โดนคนตรงหน้าค้อนเข้าให้ “น่ารัก...แฟนใครไม่รู้น่าร๊ากน่ารัก” รีบแก้ตัวก่อนจะโดนเธอโกรธเข้าจริงๆ

“ก็ไม่รู้สินะ”

“อ้าว ไหงตอบแบบนั้นล่ะ เดี๋ยวงอนซะเลย”

“กล้างอนเมยด้วยเหรอ” เธอเน้นเสียงขู่ผม

“ไม่ค๊าบ...ใครจะกล้า”

“เมยมีอีกอย่างจะให้”

“อะไร? ”

เธอหยิบปากกาเมจิกสีแดงขึ้นมายื่นให้ผม “น้องคะ เขียนเสื้อให้พี่หน่อยได้ไหม พอดีเสื้อตัวเก่าที่น้องเขียนมันตัวหนังสือมันเล็กไป พี่มองไม่ชัด”

ผมยิ้มก่อนจะรับปากกามา “เขียนเนื่องในโอกาสอะไรครับพี่”

“อืม...เนื่องในโอกาสที่ ที่...ไม่รู้คิดไม่ออก ก็อยากให้เขียนเฉยๆ นี่แหละ”

ผมหัวเราะกับสีหน้าและท่าทางของเธอ เธอไม่รู้หรอกว่าเวลาที่เธอทำหน้างอแง้น่ารักมากแค่ไหน เพราะผมมีเวลาไม่มากเลยเขียนให้เธอได้แค่ประโยคสั้นๆ แต่...มันหมายถึงความรู้สึกที่ผมมีต่อเธอตั้งแต่วันแรกที่เจอกันจนถึงวันนี้...

‘รัก-ได้ยิน-รึเปล่า’

“ผมต้องไปแล้ว ไว้ไปถึงที่โน้นผมจะรีบโทรหานะ”

เธอพยักหน้าพยายามยิ้มกว้างให้ผม ทั้งที่ตอนนี้เธอกำลังน้ำตาคลอ ผมรู้ว่าเธอพยายามมากแค่ไหนที่จะไม่ร้องไห้ เพราะเธอเคยบอกว่าอยากให้ผมเห็นเธอยิ้มในวันที่ต้องเดินทาง ไม่ใช่แค่เธอหรอกผมเองก็เช่นกัน ผมไม่อยากร้องไห้ทั้งๆ ที่ตอนนี้ผมเหมือนจะขาดใจที่ต้องจากเธอก็ตาม

ผมตัดสินใจเดินเข้าไปดึงร่างของเธอเข้ามากอดแล้วจูบที่หน้าผากอย่างแผ่วเบา แต่แผงไปด้วยความหมายทุกๆ อย่างที่ผมอยากบอกกับเธอผมรู้ว่าเธอเองก็เข้าใจความหมายของมันเช่นกัน...

“รอผมนะ”

เธอพยักหน้าทั้งน้ำตา “ค่ะ”

“ผมจะรีบกลับมาลบคำว่าความสัมพันธ์แบบ ‘พี่น้อง’ ออก แล้วเปลี่ยนเป็น ‘แฟน’ ”

“เมยจะรอวันที่ต้องตอบสื่อแบบนั้นเหมือนกัน”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่