สวัสดีค่ะ ^^ เชื่อว่าเพื่อนๆหลายๆคนคงเคยไปสังขละกันมาบ้างแล้วรวมทั้งเราด้วย
เราเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกประทับใจบรรยากาศธรรมชาติที่นั้นและเลื่อมใสในหลวงพ่ออุตตมะอยากไปทำบุญ
ที่วัดวังก์วิเวการามค่ะ ดังนั้นในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยไปกับน้องสาวขับรถไปเองค่ะไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า
(5555มั่นใจค่ะว่าได้ที่พักแน่นอน) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม.ค่ะเราไปถึงนั่นก็วิ่งเข้าไปหาที่พักเลยค่ะเอาติด
สะพานมอญวิวสวยปรากฏว่าเต็มหมดทุกที่เลยค่ะ 5555 มีแต่ถามกลับมาว่าจองหรือเปล่าค่ะ ทั้งค้นเน็ตและ
โทรถามก็ยังหาที่พักไม่ได้ค่ะ เราเลยขับรถหาที่พักไปเรื่อยๆค่ะ
ขับรถไปเรื่อยๆเลยค่ะจนมาเจอ Mountain view house ค่ะว่างอยู่ 4 ห้อง
สอบถามเรื่องห้องพักก็อยู่ในราคารับได้ 1,500 บาทก็เลยตกลงเลยค่ะ(ไม่มีอาหารเช้าน่ะค่ะ)
สภาพที่พักค่ะที่นี่สะอาดและใหม่ค่ะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน(ขออนุญาตเอาจากFacebook ที่พักน่ะค่ะเพราะไม่ได้ถ่ายมา)
บรรยากาศรอบๆ ทางเดินและระเบียงห้องพักค่ะ
ภายในห้องค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปสะพานมอญกันค่ะเพื่อนั่งเรือหางยาวไปชมเมืองบาดาล วัดวังก์วิเวการามจุดขึ้นเรืออยู่ตรง
สะพานมอญค่ะ
เรือหางยาวจะมีสองราคาคือ 300 บาทกับ 500 บาท 300 บาทพาชมวัดเดียววัดวังก์วิเวการามค่ะ
500 บาทพาชมสามวัดค่ะ เราเลือก 500 บาทค่ะ ^^
เราเดินทางไปเรื่อยๆลุงชะลอเรือบอกว่านี่คือวัดแรก วัดศรีสุวรรณ เห็นแค่กำแพงวัดไม่สามารถเข้าไปเดินชมได้
วัดนี้ถูกย้ายขึ้นบนบกแล้ว พระพุทธรูปทั้งหมดถูกย้ายขึ้นไป จึงมีอีกที่บนบก
เรือแล่นไปเรื่อยๆไปหยุดยังเนินเขาเล็กแห่งหนึ่งลุงคนขับเรือบอกว่า "วัดสมเด็จ" เดินขึ้นไป100 เมตร
พอเดินขึ้นไปด้วยความที่ทางชันและมีความรู้สึกว่าไกลกว่า 100 เมตร
คนอื่นที่มาที่นี่บอกว่าเรือลำเขาบอกว่า
200เมตร ไม่ไหวแล้วขอกราบที่นี่เลยแล้วกัน 555555 จริงๆแล้วไม่ไกลมากน่ะค่ะประมาณ500เมตรแต่ทางชันอาจทำให้
เหนื่อยง่ายค่ะ แต่ขึ้นไปบอกเลยว่าคุ้มค่ะ^^
วัดสมเด็จ(เก่า) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาล เป็นอุโบสถของวัดสมเด็จ (เก่า) ที่ถูกทิ้งร้าง
เมื่อคราวย้ายเมืองสังขละบุรี ตอนที่เริ่มมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ ในปัจจุบัน)
วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ ภายในอุโบสถมีพระประธานสภาพยังค่อนข้างสมบูรณ์ รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่
ปกคลุมดูเก่าแก่ งดงามยิ่งนัก
เมื่อไหว้พระที่วัดสมเด็จเสร็จแล้วเราก็เดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการามค่ะ^^
พอลงจากเรือก็มีเด็กๆเข้ามาขายดอกไม้กำละ10บาทค่ะ พร้อมทั้งถามว่ามีไกด์หรือยัง
วันที่เราไปน้ำลดค่ะสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์ได้ ^^
ในปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเขื่อนเขา
แหลม เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเมื่อเก็บกักน้ำหลังเขื่อนแล้ว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนท่วมตัวอำเภอเก่า ในพื้นที่กว่า
1,000 ไร่ หมู่บ้านชาวมอญอีกกว่า 1,000 หลังคาเรือน รวมถึงวัดวังก์วิเวการามเดิม ทางการจึงได้อพยพชาวบ้านที่ได้รับ
ผลกระทบ ออกจากบริเวณที่น้ำท่วม และย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน บริเวณวัด
เดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของ "วัดใต้น้ำ" หรือ เมืองบาดาล
ไหว้พระกันเสร็จเราเริ่มจะหิวกันแล้วเลยไปกินข้าวที่ร้านพลอยไพลินค่ะ ร้านนี้ยำผักกูดอร่อยแต่รอนานค่ะ^^'
กินกันเสร็จก็ไปเดินถนนคนเดินค่ะ
เดินไปสักพักไปเจอร้านหมูจุ่มไม้ล่ะบาทต้องลองสักหน่อย 55555
กินกันเสร็จก็เดินทางกลับที่พักค่ะพรุ่งนี้เช้าเราจะไปใส่บาตรที่สะพานมอญกัน ^^
[Cr] เที่ยวสังขละ สัมผัสบรรยากาศสะพานมอญ เยี่ยมชมเมืองบาดาล ทำบุญไหว้พระ(เสาร์-อาทิตย์)
เราเคยไปมาแล้วครั้งหนึ่งแล้วรู้สึกประทับใจบรรยากาศธรรมชาติที่นั้นและเลื่อมใสในหลวงพ่ออุตตมะอยากไปทำบุญ
ที่วัดวังก์วิเวการามค่ะ ดังนั้นในวันเสาร์-อาทิตย์ที่ผ่านมาก็เลยไปกับน้องสาวขับรถไปเองค่ะไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า
(5555มั่นใจค่ะว่าได้ที่พักแน่นอน) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 8 ชม.ค่ะเราไปถึงนั่นก็วิ่งเข้าไปหาที่พักเลยค่ะเอาติด
สะพานมอญวิวสวยปรากฏว่าเต็มหมดทุกที่เลยค่ะ 5555 มีแต่ถามกลับมาว่าจองหรือเปล่าค่ะ ทั้งค้นเน็ตและ
โทรถามก็ยังหาที่พักไม่ได้ค่ะ เราเลยขับรถหาที่พักไปเรื่อยๆค่ะ
ขับรถไปเรื่อยๆเลยค่ะจนมาเจอ Mountain view house ค่ะว่างอยู่ 4 ห้อง
สอบถามเรื่องห้องพักก็อยู่ในราคารับได้ 1,500 บาทก็เลยตกลงเลยค่ะ(ไม่มีอาหารเช้าน่ะค่ะ)
สภาพที่พักค่ะที่นี่สะอาดและใหม่ค่ะเพิ่งเปิดได้ไม่นาน(ขออนุญาตเอาจากFacebook ที่พักน่ะค่ะเพราะไม่ได้ถ่ายมา)
บรรยากาศรอบๆ ทางเดินและระเบียงห้องพักค่ะ
ภายในห้องค่ะ
หลังจากนั้นเราก็เดินทางไปสะพานมอญกันค่ะเพื่อนั่งเรือหางยาวไปชมเมืองบาดาล วัดวังก์วิเวการามจุดขึ้นเรืออยู่ตรง
สะพานมอญค่ะ
เรือหางยาวจะมีสองราคาคือ 300 บาทกับ 500 บาท 300 บาทพาชมวัดเดียววัดวังก์วิเวการามค่ะ
500 บาทพาชมสามวัดค่ะ เราเลือก 500 บาทค่ะ ^^
เราเดินทางไปเรื่อยๆลุงชะลอเรือบอกว่านี่คือวัดแรก วัดศรีสุวรรณ เห็นแค่กำแพงวัดไม่สามารถเข้าไปเดินชมได้
วัดนี้ถูกย้ายขึ้นบนบกแล้ว พระพุทธรูปทั้งหมดถูกย้ายขึ้นไป จึงมีอีกที่บนบก
เรือแล่นไปเรื่อยๆไปหยุดยังเนินเขาเล็กแห่งหนึ่งลุงคนขับเรือบอกว่า "วัดสมเด็จ" เดินขึ้นไป100 เมตร
พอเดินขึ้นไปด้วยความที่ทางชันและมีความรู้สึกว่าไกลกว่า 100 เมตร คนอื่นที่มาที่นี่บอกว่าเรือลำเขาบอกว่า
200เมตร ไม่ไหวแล้วขอกราบที่นี่เลยแล้วกัน 555555 จริงๆแล้วไม่ไกลมากน่ะค่ะประมาณ500เมตรแต่ทางชันอาจทำให้
เหนื่อยง่ายค่ะ แต่ขึ้นไปบอกเลยว่าคุ้มค่ะ^^
วัดสมเด็จ(เก่า) ตั้งอยู่ตรงข้ามกับเมืองบาดาล เป็นอุโบสถของวัดสมเด็จ (เก่า) ที่ถูกทิ้งร้าง
เมื่อคราวย้ายเมืองสังขละบุรี ตอนที่เริ่มมีการสร้างเขื่อนเขาแหลม (เขื่อนวชิราลงกรณ ในปัจจุบัน)
วัดนี้ตั้งอยู่บนเนินเขาไม่ได้จมอยู่ใต้น้ำ ภายในอุโบสถมีพระประธานสภาพยังค่อนข้างสมบูรณ์ รอบตัวโบสถ์มีต้นไทรใหญ่
ปกคลุมดูเก่าแก่ งดงามยิ่งนัก
เมื่อไหว้พระที่วัดสมเด็จเสร็จแล้วเราก็เดินทางไปยังวัดวังก์วิเวการามค่ะ^^
พอลงจากเรือก็มีเด็กๆเข้ามาขายดอกไม้กำละ10บาทค่ะ พร้อมทั้งถามว่ามีไกด์หรือยัง
วันที่เราไปน้ำลดค่ะสามารถเดินเข้าไปในโบสถ์ได้ ^^
ในปี พ.ศ. 2527 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย มีโครงการสร้างเขื่อนวชิราลงกรณ์ หรือที่รู้จักกันในชื่อเขื่อนเขา
แหลม เพื่อใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ซึ่งเมื่อเก็บกักน้ำหลังเขื่อนแล้ว ระดับน้ำเพิ่มขึ้นจนท่วมตัวอำเภอเก่า ในพื้นที่กว่า
1,000 ไร่ หมู่บ้านชาวมอญอีกกว่า 1,000 หลังคาเรือน รวมถึงวัดวังก์วิเวการามเดิม ทางการจึงได้อพยพชาวบ้านที่ได้รับ
ผลกระทบ ออกจากบริเวณที่น้ำท่วม และย้ายวัดมาอยู่บนเนินเขาด้านฝั่งตะวันตกของลำน้ำแควน้อยในปัจจุบัน บริเวณวัด
เดิม ถูกปล่อยให้จมอยู่ใต้น้ำ เป็นที่รู้จักกันในนามของ "วัดใต้น้ำ" หรือ เมืองบาดาล
ไหว้พระกันเสร็จเราเริ่มจะหิวกันแล้วเลยไปกินข้าวที่ร้านพลอยไพลินค่ะ ร้านนี้ยำผักกูดอร่อยแต่รอนานค่ะ^^'
กินกันเสร็จก็ไปเดินถนนคนเดินค่ะ
เดินไปสักพักไปเจอร้านหมูจุ่มไม้ล่ะบาทต้องลองสักหน่อย 55555
กินกันเสร็จก็เดินทางกลับที่พักค่ะพรุ่งนี้เช้าเราจะไปใส่บาตรที่สะพานมอญกัน ^^